เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการกับงานใหญ่ประจำปีของ Apple ที่เปิดฉากช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมา (10 กันยายน) โดยหลายคนคาดหวังจะได้เห็นการเปิดตัวของ iPhone รุ่นใหม่ที่ลือกันมาสักระยะแล้วว่า จะมีการใช้ชื่อรุ่น iPhone 11 หรือไม่ก็ iPhone Pro เนื่องจากในรุ่นที่ผ่านมาไม่มีการใช้ตัวเลขเหมือนในอดีตที่ผ่านมา ที่สำคัญจะมีลูกเล่นอะไรใหม่อย่างที่ร่ำลือกันหรือเปล่า
ประเดิมงานใหญ่ด้วยการนำเสนอฟังก์ชั่น Arcade ใน App Store ที่รวบรวมเกมจากค่ายใหญ่ๆ เช่น Konami Capcom เป็นต้น รวมไปถึงการ Demo เกมไฮไลต์ให้ดูว่าเป็นเกมอย่างไร โดยมีกำหนดเปิดให้สามารถดาวน์โหลดใน App Store ได้ในวันที่ 19 กันยายนนี้ เพียง 4.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน
จากนั้นไปต่อที่ Apple TV+ ที่มีการนำเสนอคอนเท้นต์ในรูปแบบ Apple Original โดยจะเป็นคอนเท้นต์ในกลุ่มซีรี่ย์เป็นส่วนใหญ่ และจะเริ่มให้บริการได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนปีนี้ โดยคิดบริการเพียง 4.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน โดยสามารถดูได้ผ่านอุปกรณ์ทุกชนิดของ Apple เป็นเวลา 1 ปี
แล้วมาต่อกันที่การเปิดตัว iPad รุ่นใหม่ที่มีขนาดหน้าจอถึง 10.2 นิ้ว นอกจากนี้ยังมีความเร็วเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า ขณะที่คีย์บอร์ดบนหน้าจอสามารถปรับขนาดให้เล็กลงได้ โดยตัวเครื่องผลิตจากอลูมิเนียมรีไซเคิล 100% โดยเปิดตัวอยู่ที่ 329 ดอลลาร์สหรัฐฯ
โดย iPad รุ่นที่มีการติดตั้งระบบ GPS สนนราคาค่าตัวอยู่ที่ 399 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่รุ่นที่รองรับระบบ GPS และสามารถคุยโทรศัพท์ได้สนนราคาค่าตัวอยู่ที่ 499 ดอลลาร์สหรัฐ
ต่อมาก็ถึงคิวของ Apple Watch ภายใต้ชื่อรุ่น Apple Watch Series 5 โดยจุดเด่นที่สำคัญคือ หน้าจอของตัว Apple Watch จะเปิดตลอดเวลาไม่มีการพักหน้าจอ พร้อมระบบประหยัดพลังงานช่วยให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานขึ้น รวมถึงฟังก์ชันต่างๆ ที่เกี่ยวกับสุขภาพผ่านการรับรองจากสถาบันการแพทย์ชั้นนำและองค์การอนามัยโลก (WHO) โดย Apple Watch รุ่นใหม่จะมีฟังก์ชั่นเข็มทิศ ตัวเรือนผลิตจากอลูมิเนียมรีไซเคิล 100% ขณะที่รุ่นท้อป ตัวเรือนจะผลิตจากไทเทเนียมและได้ Hermes ช่วยออกแบบสายรัดข้อมือ
ขณะที่ iPhone เปิดตัวมาพร้อมกับชื่อ iPhone11 พร้อมสีในรุ่นนี้ที่มีถึง 6 สี โดย iPhone11 มีขนาดหน้าจอ 6.1 นิ้ว ส่วนกล้องด้านหลังมี 2 ตัวขนาด 12 ล้านพิกเซลเท่ากัน โดยตัวแรกจะเป็นเลนส์ Wide และอีกตัวเป็นเลนส์แบบ Ultra Wide มาพร้อมกับชิปเซ็ตรุ่นใหม่ A13 Bionic ที่ทาง Apple เคลมว่าเร็วที่สุด ที่สำคัญแค่กดปุ่มค้างไว้ จากที่ถ่ายรูปอยู่ก็จะกลายเป็นบันทึกวิดีโอได้เลย เปิดตัวที่ 699 ดอลลาร์สหรัฐ
ยังไม่พอ Apple ยังส่ง iPhone11 Pro และ iPhone 11 Pro Max อีกด้วย โดยด้านหลังจะมีกล้องทั้งหมด 3 ตัว ซึ่งแต่ละกล้องจะมีความละเอียดที่ 12 ล้านพิกเซล โดยกล้องที่เพิ่มเข้ามาเป็นกล้อง Tele สนนราคาเปิดตัวอยู่ที่ iPhone11 Pro 999 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วน iPhone 11 Pro Max สนนราคาอยู่ที่ 1,099 ดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมเครื่องเก่ามาเปลี่ยนเครื่องใหม่อีกด้วย