การเติบโตที่น่าทึ่งของบริการสตรีมมิ่ง ไม่ว่าจะเป็น Netflix, Amazon Prime และ Disney Plus (ถ้าเมืองไทยก็คงต้องเป็น Disney Plus Hotstar) และอีกหลายราย ได้เปลี่ยนวิธีการที่เราดูภาพยนตร์และรายการทีวีไปแล้ว
โดยในที่นี่จะเป็นการนำเสนอมุมมองของคนวงในแวดวงภาพยนตร์ ตั้งแต่ผู้ผลิตไปจนถึงผู้บริหาร เพื่อให้มองเห็นทิศทางหรือแนวโน้มในอนาคตของสิ่งที่เราเรียกว่า “สตรีมเมอร์” (streamers)
หนึ่งในโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ชื่อดัง Miranda Bailey พบว่าภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเธอเพิ่งทำการฉายรอบพรีเมียร์ที่เทศกาล Sundance Film Festival แต่ก็มีการจับลงสตรีมมิ่งแทน
ด้วยข้อจำกัดของโรคระบาดโควิด หนังเรื่อง God’s Country ซึ่งนําแสดงโดย Thandiwe Newton ก็ไม่สามารถนำไปฉายที่โรงภาพยนตร์ได้ แต่ก็ถูกนำมาฉายในรูปแบบการสตรีมที่งานเทศกาลแทน
“เห็นได้ชัดว่ามันสร้างความผิดหวังใหญ่หลวงแค่ไหน ทั้งต่อฉันและผู้สร้างภาพยนตร์คนอื่นๆ ที่ไม่ได้รับประสบการณ์ในการฉายหนังของพวกเขาให้กับผู้ชมในเทศกาลหนังที่ Sundance” Miranda Bailey กล่าว
ในอดีตนั้น ผู้สร้างภาพยนตร์จะแสดงภาพยนตร์ใหม่ของตัวเองที่งาน Sundance และเทศกาลภาพยนตร์อื่นๆ เพื่อเปิดรับข้อเสนอในการจัดจำหน่ายหนัง แต่เมื่อโฟกัสมันเปลี่ยนไปมายังคอนแทร็กบนสัญญาแพล็ตฟอร์มสตรีมมิ่ง หรือดีลเพื่อการจัดจำหน่ายทั้งในโรงภาพยนตร์และการสตรีมมิ่งด้วย
“ผู้สร้างภาพยนตร์ที่ฉันทำงานด้วย มีความคิดในทำนองว่าจะต้องแน่ใจว่าถึงความรู้สึกปลอดภัยในบางสิ่งบางอย่างของการแสดงหนังเรื่องนั้นๆ อย่างไรก็ตาม ยังโชคดีที่มีแพล็ตฟอร์มสตรีมมิ่งมากมาย ที่ให้ความสำคัญกับภาพยนตร์อินดี้ ที่มีเนื้อหาที่ยอดเยี่ยม และยินดีที่จะจ่ายให้กับแคมเปญที่ได้รับรางวัล เช่นเดียวกับที่โรงภาพยนตร์เคยทำ” Miranda Bailey กล่าว
ทั้งนี้ การสตรีมวิดีโอได้กลายเป็นส่วนสำคัญของอุตสาหกรรมบันเทิงไปแล้ว และบางทีก็อาจจะกินพื้นที่ส่วนหนึ่งของโรงภาพยนตร์ด้วย โดยเฉพาะในช่วงของวิกฤตโรคระบาดใหญ่ซึ่งทำให้โรงหนังปิดตัวลงเป็นเวลานาน
สำหรับแพล็ตฟอร์มใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง ปี 2021 Netflix มีสมาชิก subscribers อยู่ราว 222 ล้านซับฯ มากกว่าปี 2020 ซึ่งตอนนั้นมีอยู่ 18.2 ล้านซับฯ Amazon Prime มีสมาชิก subscribers อยู่ราว 175 ล้านซับฯ (ปี 2021) ในขณะที่ Disney Plus มีสมาชิก subscribers อยู่ราว 118 ล้านซับฯ
จากตัวเลขผู้ใช้งานจำนวนมหาศาลนี้ ก็สนับสนุนผลการศึกษาที่บอกว่า ขณะนี้ผู้คนชอบที่จะดูหนังใหม่อยู่กับบ้านมากกว่าจะไปที่โรงภาพยนตร์ โดยรายงานเมื่อตุลาคม 2021 ก็ระบุตรงกันว่าชาวอเมริกัน 71% ชอบดูหนังใหม่ที่บ้านมากกว่าไปโรงหนัง
ความสะดวกสบายในการรับชมแบบ On-demand นั้นชัดเจน แต่ Lisa Holme รองประธานอาวุโสด้านเนื้อหาและกลยุทธ์เชิงพาณิชย์ Discovery สหรัฐอเมริกา มองว่า มีผู้บริโภคส่วนส่วนหนึ่งที่เริ่มกังวลและเริ่มผละออกจากบริการสตรีมมิ่ง
“เพราะตอนนี้เรามีเนื้อหามากมาย ที่ข้ามไปข้ามมาระหว่างบริการสตรีมมิ่ง 6-8 บริการ ซึ่งเรา (Discovery Plus) ก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น ชั้นคิดว่าผู้บริโภคตอนนี้เริ่มถูกครอบงำเล็กน้อยจากตัวเลือกต่างๆ” Lisa Holme ยังกล่าวต่อว่า มีหลายคนทีเดียวที่เริ่มรู้สึกสับสนและค่อนข้างรำคาญ เพราะว่าพวกเขาต้องเปิดรับบริการสตรีมมิ่งหลายแห่งเหลือเกินเพื่อให้ได้คอนเทนต์ต่างๆ ให้ครบตามที่ต้องการ
ทั้งนี้ ที่สหรัฐฯ มีตัวเลขแสดงว่า 46% ของบ้าน ที่มีบอร์ดแบนด์สมัครใช้บริการสตรีมมิ่ง มีมากกว่า 4 ระบบให้บริการ ขณะที่ อังกฤษ มีการศึกษาเช่นกันว่า 65% ของบ้าน มีการซับสไคร์บ 2 หรือมากกว่าจากผู้ให้บริการ
Phil Hopkins ประธาน Fador ซึ่งเป็นบริการสตรีมมิ่งแบบนิช ให้ความเห็นว่า ในตลาดที่หนาแน่นเช่นนี้ การสร้างให้บริการของคุณโดดเด่นและแตกต่างเป็นเรื่องสำคัญ โดยบริการสตรีมมิ่งของเขานั้นมีความเชี่ยวชาญในเรื่องการนำเสนอหนังแนว Independent หรือหนังคลาสสิค หรือหนังและสารคดีต่างประเทศ เป็นต้น
“มีบริการสตรีมมิ่งเกิดขึ้นมากมาย แต่พวกเขาก็คล้ายๆ กัน แล้วก็ไม่ได้ทำอะไรมากนักกับการแยกตัวตนให้ชัดออกมา” Phil Hopkins กล่าว
Phil Hopkins ยังกล่าวด้วยว่า ในมุมมองของตนบริการสตรีมมิ่งของ Disney Plus แข็งแกร่งที่สุด เพราะเขามีมรดกที่น่าทึ่ง เต็มไปด้วยคอนเทนต์ที่เป็นตำนาน “แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่รู้ว่าแพล็ตฟอร์มสตรีมมิ่งอื่นๆ จะสามารถอยู่รอดต่อไปได้ไหม บนจุดแข็งของตัวเอง เพราะในที่สุดผู้คนก็จะเหนื่อยล้าและมองหาสิ่งที่ไม่เหมือนใครและแตกต่างจากที่อื่นๆ
ด้านเว็บไซต์สตรีมมิ่งอย่าง Paramount Plus เผยถึงแผนการสร้างความนิยมผ่านการใช้ Live channels ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั้งโชว์และภาพยนตร์ โดยออกตามตารางเวลา ในช่องธีม 20 ชาแนล มีความลอกเลียนมาจากช่องทีวีแบบดั้งเดิม
“แม้ในยุคการรับชมแบบ on-demand แต่ผู้คนก็มีความอยากในการที่จะดูช่องเส้นหลัก ที่นำเสนอความบันเทิงง่ายๆ ที่สามารถเอนหลัง (lean-back entertainment) ดูได้” Tom Ryan, ประธานและผู้บริหารระดับสูงของ ViacomCBS Streaming ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Paramount Plus ให้ความเห็น
ในขณะที่ที่แอปสตรีมมิ่งอย่าง Struum ก็มีแผนในการสร้างสรรค์ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น โดยการรวบรวมเอาสตรีมมิ่งเจ้าใหญ่มาไว้ในที่เดียว นั่นหมายความว่าหากคุณลงทะเบียนกับที่นี่ คุณจะสามารถเข้าถึงได้หลากหลายเว็บไซต์ เช่น BBC, FilmBox, Magellan TV, Tribeca and Tastemade ฯลฯ
“ผู้ชมต้องการเพชรเม็ดใหม่ในวงการรายการหรือในวงการภาพยนตร์” Lauren Devillier ซีอีโอของ Struum กล่าว และว่า เรานำเสนอการคัดสรรเพื่อให้ผู้คนสามารถเจาะลึกไปยังเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้ ถ้าคุณชอบสารคดี เราก็มีเป็นร้อยๆ หรือถ้าคุณชอบแนวอาชญากรรม หรือแนว LGBTQ เราก็มีให้ในซับสไคร์บชั่นเดียวเลย ทำให้มันง่ายเข้าไว้
Paul Erickson นักวิเคราะห์อาวุโสของ บริษัท วิจัยตลาด Parks Associates กล่าวว่าการเติบโตของบริการสตรีมมิ่งได้รับแรงหนุนจากการระบาดใหญ่ของโรคไวรัสและยังคงดําเนินต่อไปในวันนี้แม้จะมีการผ่อนคลายทั่วไปของกฎการล็อคดาวน์
อย่างไรก็ตาม Paul Erickson เตือนว่าการเติบโตของการสมัครสมาชิกในตลาดวิดีโอสตรีมมิ่งได้เริ่มชะลอตัวลงแล้ว เขากล่าวว่าผู้บริโภคจํานวนมากกําลังประสบกับ “การสมัครสมาชิกมากเกินไป” และกลายเป็นค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น
แต่ในขณะที่บริการสตรีมมิ่งกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด สิ่งนี้ส่งผลอย่างไรต่อห่วงโซ่ของโรงภาพยนตร์หรือไม่? ถึงวาระของโรงหนังหรือยัง?
ด้าน Paul Serwitz ประธานบริษัท Landmark Theatres ของสหรัฐฯ กล่าวว่าเขาเห็นการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2021 ของการเข้าโรงภาพยนตร์ของผู้ชม และก็ยังคาดหวังว่าจะเพิ่มต่อไปอีกเมื่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเรื่องโรคระบาดดีขึ้น และเนื้อหาของหนังมีความน่าสนใจดึงดูดผู้ชมได้
อีกมุมหนึ่งของ Eric Deggans ตัวแทนของสถานีวิทยุสาธารณะแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวว่า โรงภาพยนตร์จะต้องปรับปรุงประสบการณ์สําหรับนักชมภาพยนตร์เพื่อให้สามารถแข่งขันกับการบริการสตรีมมิ่งได้
“เรายังคงไปโรงหนังอยู่ แต่จะเป็นรูปแบบไหน จะเป็นประสบการณ์แบบไหน ทั้งหมดนี้ก็ยังเป็นเรื่องที่ยังไม่แน่ชัด” Eric Deggans กล่าว
Source: BBC.com
