Facebook: แม้จะมีกรณีถกเถียงเกี่ยวกับเรื่องเคมบริดจ์ อนาลิติกา (Cambridge Analytica) บริษัทวิจัยที่ได้นำข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการเฟซบุ๊ก นำไปวิเคราะห์ด้านการเมืองของสหรัฐฯ จนมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กถูกซัดจนเละ แต่อย่างไรก็ตาม ข่าวฉาวแห่งปีกับทำอะไรแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กไม่ได้ เนื่องจากไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ พบว่ารายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นถึง 49% ประมาณ 11.97 พันล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกันรายได้อยู่ที่ 8.03 พันล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กรายวันจากทั่วโลก เพิ่มขึ้นถึง 13%
Twitter: ถือเป็นข่าวดีของทวิตเตอร์เพราะมีผลกำไรติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สอง สำหรับรายได้ไตรมาสที่ 1 ของปี 2018 โตขึ้น 21% หรือประมาณ 665 พันล้านเหรียญสหรัฐ (เทียบกับปีที่แล้วรายได้อยู่ที่ 548 เหรียญ) แม้จะมีผู้ใช้งานรายวันเพิ่มขึ้น 10% แต่กลับพบว่าหุ้นกลับลดลงเล็กน้อย เนื่องจากซีอีโอแจ็คดอร์ซีย์ได้เน้นย้ำถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อจำนวนผู้ใช้งานเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ GDPR ที่เข้ามาในยุโรปและการควบคุมกฎระเบียบเพิ่มเติมสำหรับบริษัทของสื่อสังคมออนไลน์
Amazon: เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ กวาดรายได้ทั่วโลก 51 พันล้านเหรียญสหรัฐใน Q1 2018 เพิ่มขึ้น 43% เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วรับรายได้อยู่ที่ 35.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ด้านรายได้จากการให้บริการสมัครสมาชิกของ Amazon ซึ่งรวมถึง Prime เพิ่มขึ้น 60% เป็น 3.1 พันล้านเหรียญ อย่างไรก็ตามอเมซอนซึ่งเปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่านายกฯ มีสมาชิกกว่า 100 ล้านคนทั่วโลกประกาศว่าจะเพิ่มราคาการเป็นสมาชิกของ Prime ในสหรัฐเป็น 119 เหรียญสหรัฐต่อปีซึ่งเป็นราคาที่เพิ่มขึ้น 20% ตามที่ระบุไว้ เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในการให้บริการ
Alphabet: อัลฟาเบท บริษัทแม่ของกูเกิลประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2018 รายได้เพิ่มสูงขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้อยู่ที่ 31.15 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 26% โดยปีที่แล้วรายได้อยู่ที่ 24.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ช่วงต้นปีที่ผ่านมาธุรกิจโฆษณาของ Google เติบโตอย่างเห็นได้ชัด พบยอดจากโฆษณาเพิ่มขึ้นเกือบ 20% นอกจากนี้ผู้บริโภคที่ใช้บริการยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น แม้หุ้นจะลดลงประมาณ 9% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่าน เนื่องจากผู้ใช้มีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องความเป็นส่วนตัวและความเสี่ยงด้านกฎระเบียบทางออนไลน์ มีผลให้หุ้นซึ่งตอนแรกปรับตัวสูงขึ้น 3% แต่เมื่อเจอผลกระทบดังกล่าว ทำให้หุ้นร่วงลงอย่างรวดเร็วลดลงอยู่ที่ 0.33%
ที่มา Mindshare