นายกสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย บอกถึงภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ยังไม่เห็นภาพชัดเจนว่า มีการชะลอตัวเกิดขึ้นแต่อย่างไร แต่พบว่ารูปแบบการสื่อสารทางการตลาดของลูกค้าเปลี่ยนแปลงไป แต่อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์โฆษณายังมีบทบาทสำคัญ เพราะตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน ยังมีงานชิ้นใหม่ๆ ดีๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมองว่า เกิดจากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจที่ส่งผลให้ลูกค้าใช้เงินลดลงในการใช้สื่อ ดังนั้น ภาพยนตร์โฆษณาจึงต้องตอบโจทย์ และเห็นผลชัดเจนมากขึ้น ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคในช่วง 2-3 ปีเริ่มเปลี่ยนแปลงไป เบื่อง่าย ดังนั้นระยะเวลาของภาพยนตร์โฆษณาจึงสั้นลง เหลือ 3-4 เดือน จากปีก่อนจะใช้โฆษณาได้ราว 6 เดือน ถึง 1 ปี
เมื่อเทียบกับวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 ที่ผ่านมา เชื่อว่าสถานการณ์ปีนี้ไม่น่าจะมีอะไรแย่เท่า ซึ่งในส่วนของลูกค้าเองจากครั้งก่อนเมื่อเจอวิกฤต สิ่งแรกที่ทำ คือ การตัดงบโฆษณา แต่สำหรับในปีนี้ กลับแตกต่างออกไป โดยยังคงพร้อมใช้เม็ดเงินเพื่อการโฆษณา เพราะมองเป็นการลงระยะยาว ในการสร้างแบรนด์และสร้างความแข็งแกร่งให้กับสินค้า รักษาฐานลูกค้าเดิม ซึ่งจะเห็นชัดในกลุ่มผู้นำในแต่ละหมวดสินค้านั้น โดยเฉพาะในกลุ่มคอนซูเมอร์โปรดักส์ ถือเป็นกลุ่มสินค้าที่ยังพร้อมใช้สื่อโฆษณาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังพบว่า ปีนี้ภาครัฐเริ่มเห็นความสำคัญในการทำการสื่อสารการตลาด โดยเฉพาะในเรื่องของการสร้างภาพลักษณ์องค์กร จะเห็นว่า มีการจ้างมืออาชีพเข้ามาดูแลมากยิ่งขึ้น
จากสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปนี้ มองว่า สื่อออนไลน์จะเป็นสื่อที่ลูกค้าจะหันมาใช้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นในเชิงของการทำแคมเปญ ภาพยนตร์โฆษณาที่ไม่สามารถออกอากาศทางฟรีทีวีได้ รวมถึงพัฒนาเว็บไซต์องค์กรอย่างต่อเนื่อง
นายตรง ตันติเวชกุล ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ บริษัท วายแอนด์อาร์ ประเทศไทย จำกัด และในฐานะประธานคณะกรรมการตัดสินการประกวดสุดยอดงานโฆษณาและงานสื่อสารการตลาด “Adman Awards & Symposium” ครั้งที่ 6 กล่าวต่อว่า ทั้งปีมองว่าภาพรวมโฆษณาน่าจะทำได้ที่ที่สุด คือ ทรงตัวเท่าปีก่อน หรือตกลงเล็กน้อย โดยกลุ่มคอนซูเมอร์ยังเป็นกลุ่มที่ใช้เม็ดเงินมากที่สุด โดยให้น้ำหนักกับบีลว์เดอะไลน์ มากขึ้น ส่วนอะโบพเดอะไลน์ ยังใช้เท่าๆ เดิม ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่พบว่าได้รับผลกระทบและมีการใช้เม็ดเงินลดลง คือ กลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ และกลุ่มสถาบันการเงิน
ในสถานการณ์แบบนี้ สื่อวิทยุ เป็นสื่อที่ลูกค้าหันมาใช้มากขึ้น เพราะเป็นสื่อที่มีกลุ่มเป้าหมายค่อนข้างกว้าง เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่าย และมีอิมแพ็คกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ส่วนกลุ่มเคเบิลทีวีมีแนวโน้มน่าสนใจ ยิ่งหากกฎหมายพร้อม เชื่อว่า จะมีการเติบโตที่ดีกว่าสื่อออนไลน์ ส่วนสื่อทีวียังเป็นสื่อหลักที่ลูกค้าพร้อมที่จะใช้ ถึงแม้ว่าจะมีตัวเลขลดลง แต่น่าจะขึ้นอยู่กับรายการที่อาจจะไม่เข้ากับสินค้ามากกว่า เพราะในทางเอเยนซี ยังพบว่าลูกค้ายังมีการทำภาพยนตร์โฆษณาออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมองในภาพรวม ไตรมาส 1 นี้ โฆษณายังดีอยู่ ยังเห็นลูกค้าทำแคมเปญใหญ่ๆ ส่วนไตรมาส 2-3 เป็นช่วงวัดผล และอาจจะมีการทำแคมเปญหรือโฆษณาต่อเนื่อง หรือรวมทั้งปีมองว่าน่าจะทรงตัวไม่ต่างจากปีก่อน
Source: ASTV ผู้จัดการออนไลน์