มายด์แชร์ สรุปเม็ดเงินโฆษณา ปี 2563 อยู่ที่ 104,234.6 ล้านบาท ติดลบ 14.5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยสื่อส่วนใหญ่ติดลบ ยกเว้น ‘สื่อดิจิทัล’ ที่เติบโต ส่วนปี 2564 คาดการณ์มีเม็ดเงินโฆษณา 107,400 ล้านบาท โต 3% โดยเป็นการคาดการณ์ในกรณีที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ได้ในช่วง ม.ค.-ก.พ. 2564 แต่หากควบคุมไม่ได้ยังมีจำนวนเคสเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตลาดโฆษณาอาจติดลบ
สำหรับเม็ดเงินโฆษณา 104,234.6 ล้านบาทในปี 2563 แบ่งเป็น
สื่อโทรทัศน์ 61,329 ล้านบาท -11.1%
สื่อวิทยุ 3,576.5 ล้านบาท -23.6%
สื่อหนังสือพิมพ์ 3,088.8 ล้านบาท -32.9%
สื่อนิตยสาร 703.8 ล้านบาท -31.6%
สื่อโรงภาพยนตร์ 4,312.1 ล้านบาท -50.8%
สื่อ Outdoor 6,100 ล้านบาท -11.2%
สื่อ transit 4,850.8 ล้านบาท -24.9%
สื่อ In-store 662.9 ล้านบาท -34.4%
สื่อดิจิทัล 19,610 ล้านบาท +0.3%
10 อันดับบริษัทที่มีการใช้เม็ดเงินโฆษณามากสุดในปี 2563 ได้แก่
ปี 64 คาดมีเม็ดเงินโฆษณา 107,400 ล้านบาท โต 3%
ส่วนเม็ดเงินโฆษณา ปี 2564 คาดการณ์ว่า จะอยู่ที่ 107,400 ล้านบาท เติบโต 3% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แบ่งเป็น
สื่อโทรทัศน์ 63,600 ล้านบาท +3.7%
สื่อ Outdoor 6,400 ล้านบาท +4.9%
สื่อ transit 5,000 ล้านบาท +3.1%
สื่อ In-store 700 ล้านบาท +5.6%
สื่อดิจิทัล 21,000 ล้านบาท +7.1%
สื่อวิทยุ 3,300 ล้านบาท -7.7%
สื่อหนังสือพิมพ์ 2,800 ล้านบาท -9.3%
สื่อนิตยสาร 700 ล้านบาท -14.7%
สื่อโรงภาพยนตร์ 4,000 ล้านบาท -7.2%
ปัทมวรรณ สถาพร กรรมการผู้จัดการ มายด์แชร์ กล่าวว่า การคาดการณ์เติบโตที่ 3% อยู่ในกรณี Best case ที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ได้ในช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ 2563 และ GDP ของไทยอยู่ในระดับ +3% ขึ้นไป ส่วนกรณี Worst case ที่มีจำนวนเคสเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ภาพรวมของอุตสาหกรรมอาจอยู่ในภาวะติดลบ แต่ไม่มากเท่ากับปี 2563
“ช่วง 10ปีที่ผ่านมา เทรนด์อุตสาหกรรมโฆษณาของไทยไม่ได้โตต่อเนื่อง มีการติดลบเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญ เช่น น้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 , การประท้วงทางการเมือง ฯลฯ ซึ่งปกติจะมีการฟื้นตัวกลับมาภายใน 1 ปี แต่วิกฤตครั้งนี้ถารมว่า เม็ดเงินโฆษณาจะกลับมาเมื่อไร เป็นเรื่องที่ตอบได้ยาก เพราะเป็นการระบาดของไวรัสที่จับต้องไม่ได้ และมีปัจจัยของต่างประเทศด้วย”
อย่างไรก็ตาม คำแนะนำของมายด์แชร์ คือ ในช่วงวิกฤตแบบนี้ อยากให้มีการใช้เงินอย่างต่อเนื่องในการรักษาการรับรู้และย้ำเรื่องของแบรนด์ เพราะการที่หยุดหรือชะลอไป จะทำให้การเรียก awareness หรือรักษามาร์เก็ตแชร์ให้คืนมาจะทำได้ยากกว่า