ทุกวันนี้คนในแวดวงธุรกิจโดยเฉพาะในสายการตลาดคงจะไม่มีใครไม่รู้จัก Martech เทคโนโลยีที่ช่วยให้การทำการตลาดมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปัจจุบันมีอยู่หลายหลายรูปแบบทั้งสาย Advertising สาย Content สาย Commerce รวมถึงสาย Data นอกจากนี้ Martech ยังมีบริการให้เลือกใช้มากมายนับหมื่นๆรูปแบบและยังพัฒนาให้เราเลือกใช้มากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ในประเทศไทยองค์กรจำนวนมากก็เริ่มใส่งบการตลาดเข้ามาลงทุนใน Martech มากขึ้นทุกๆปี ในขณะที่โซลูชั่น Martech ในไทยก็มีให้เลือกมากกว่า 200 บริการไปแล้ว
แน่นอนว่าทุกๆปีเทรนด์การใช้ Martech ในแวดวงธุรกิจย่อมเปลี่ยนแปลงไปเสมอ แล้วถ้ามองไปข้างหน้าในปี 2025 นี้เทรนด์ของ Martech จะเป็นอย่างไรต่อไป แบรนด์และนักการตลาดต้องปรับตัวตามอย่างไร? ล่าสุด ในงาน Creative Talk Conference 2024 คุณแบงค์ สิทธินันท์ พลวิสุทธิ์ศักดิ์ CEO แห่ง Content Shifu ได้มาเล่าถึงเทรนด์ของ Martech ที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงปี 2025 ให้สามารถเลือกและนำไปใช้เป็นแนวทางในการปรับเปลี่ยนวิธีการรวมถึงเลือกใช้ Martech อย่างเหมาะสมโดยมีอยู่ 7 เทรนด์ด้วยกัน
1. Martech วิธีเก่าบางทีก็เวิร์คนะ
เทคโนโลยีเก่าก็เจ๋งได้หากมีความคิดสร้างสรรค์ คุณแบงค์ เล่าว่าทุกวันนี้เทคโนโลยีที่ก้าวกระโดดไปมาก โดยเฉพาะเทคโนโลยี AI กำลังทำให้เรา “เห่อ” กับเทคโนโลยีใหม่ๆ เครื่องมือ Martech ใหม่ๆ ที่บางครั้งอาจจะไม่ได้เหมาะกับธุรกิจของเราก็ได้ แต่ให้ลองหันกลับมาดู เทคโนโลยีเก่า ที่บางครั้งเหมาะกับเรามากกว่าแต่ใช้ Creativity เข้าไปใส่ก็อาจทำให้แคมเปญประสบความสำเร็จมากขึ้นก็ได้
ตัวอย่างเช่นแบรนด์ GQ ที่ยังคงใช้ Email Marketing เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นมากแล้ว 40 ปี ได้ประสบความสำเร็จเพียงใช้ความคิดสร้างสรรค์เข้าไปใน Content ที่ส่งหาลูกค้า จนทำให้ยอดขายจาก Email Marketing สูงติดอันดับ 1 ใน 3 ของช่องช่างการสื่อสารทั้งหมด
อีกตัวอย่างคือเทคโนลี Blutooth ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 1999 แต่ปัจจุบันก็ยังถูกใช้อยู่แต่พัฒนามาในรูปแบบของ Beacon ยกตัวอย่าง LINE Beacon ที่สามารถ “ยิงโฆษณา” สู่แอปพลิเคชั่น LINE ที่อยู่ในรัศมี Blutooth ได้เลยเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการทำการตลาดที่มีประสิทธิภาพในยุคนี้ ดังนั้น บางครั้งเราไม่จำเป็นต้องมองหาเทคโนโลยีใหม่ๆก็ได้ แต่เทคโนโลยีเก่าหากเราใช้ความคิดสร้างสรรค์ใส่เข้าไปก็อาจช่วยสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้มากกว่าเทคโนโลยีใหม่ก็ได้
2. โลกไร้คุกกี้มาถึงแล้ว
เป็นที่รู้ๆกันว่าโลกกำลังเดินหน้าให้ความสำคัญกับ Privacy มากขึ้น ส่งผลกระทบให้ระบบ Cookies ที่เก็บพฤติกรรมการท่องเว็บของพวกเราจะถูกลดความสำคัญลงเรื่อยๆโดยเฉพาะ Google Chrome ที่ประกาศจะเลิกเก็บ Cookies ในช่วงต้นปี 2025 นี้ และส่งนี้ส่งผลกระทบกับ Digital Advertising แน่นอนเพราะเราจะไม่มี 3rd Party Data มาเป็นข้อมูลยิงโฆษณาอีกต่อไปและในอนาคตการยิงโฆษณาจะมีราคาแพงขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัวก็เป็นได้ สิ่งนี้ทำให้ Martech สาย Data จะทวีความสำคัญมากยิ่งขึ้น และกลายเป็นอีกเทรนด์ในปี 2025 นี้
คุณแบงค์ระบุว่า เทรนด์ที่จะเกิดขึ้นก็คือการทำ Lead Generation จะสำคัญมากยิ่งขึ้นเพื่อเก็บข้อมูล First-Party Data นำไปสู่การตลาดที่แม่นยำมากขึ้น นอกจากนี้ เทคโนโลยีที่นำข้อมูลลูกค้ามาบริการจัดการอย่างเช่น Customer Relationship Management (CRM) ที่เริ่มมีให้บริการมากขึ้น รวมไปถึงเทคโนโลยีอย่าง Customer Data Platform (CDP) ก็จะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น และสิ่งนี้พิสูจน์ด้วยผลสำรวจที่พบว่าองค์กรส่วนใหญ่มองว่าระบบ CRM นั้นเป็นแกนกลางของกระบวนการทางการตลาดทั้งหมดเลยทีเดียว
3. Martech ไม่ได้ใช้ตัวเดียวแต่ใช้แบบเป็นชุด
การใช้เทคโนโลยี Martech ในธุรกิจในยุคนี้จะไม่ใช่การใช้งานแยกกันเป็นตัวๆแล้ว แต่ต่อไปจะเป็นการใช้งานที่รวมเอาความสามารถของหลากหลายบริการเข้าไว้ด้วยกันเรียกว่าเป็น Martech Stack และยกระดับความสามารถให้มากขึ้น รวมไปถึงมีการเชื่อมโยงการใช้งาน Martech หลายๆตัวสร้าง Work Flow ให้การทำงานง่ายขึ้นกว่าเดิมได้อีกมาก
ยกตัวอย่างเช่น Martech ที่นำความสามารถของ E-Commerce ผสานรวมกับ Social Listening กลายเป็น eCommerce Listening ที่สามารถฟังเสียงที่พูดถึง “คีย์เวิร์ด” ที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ใน eCommerce ได้แล้วในปัจจุบัน จากเดิมที่ Social Listenting จะฟังเสียงในสื่อสังคมออนไลน์เท่านั้น
นอกจากนี้ Martech ในต่างประเทศก็พัฒนาไปไกลถึงขนาดที่สามารถผสาน Social Listening เข้าไป AI ในการค้นหา “คีย์เวิร์ด” ที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ในสังคมออนไลน์ และ AI จะสามารถเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์หรือตอบคอมเมนท์เหล่านั้นได้โดยอัตโนมัติกับบริการที่ชื่อว่า Reply Guy เป็นต้น นั่นยังไม่นับรวมถึงการใช้ Martech หลายๆเพื่อบรรลุผลทางการตลาดตามที่ต้องการได้
4. สกิล No-Code ที่กำลังมาแรง
No Tech Knowledge, No Problem! There’s No-Code คือ อีกเทรนด์ล้ำๆสำหรับสาย Martech เป็นเทรนด์ที่ในยุคนี้ทุกคนสามารถสร้างเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น ได้โดยไม่ต้องมีความรู้เรื่องการเขียนโค้ดมาก่อนเลยเพียงแค่เข้าไปใช้บริการอย่าง Airable หรือ Softr ก็ทำได้ง่ายๆแล้วในปัจจุบัน
นอกจากนี้ด้วยเทคโนโลยี No-Code ยังสามารถช่วยให้นักการตลาดสามารถสร้าง Work Flow แบบ Automation ได้แล้วแม้ไม่ได้มีความรู้เรื่องการเขียน Code มาก่อนเช่นการสามารถเชื่อมโยงข้อมูลจากเว็บไซต์ เชื่อมต่อกับแอปแบบฟอร์มเก็บข้อมูลลูกค้า และส่งข้อมูลลูกค้าที่กรอกข้อมูล ไปสู่แอป Slack เพื่อพูดคุยต่อโดยอัตโนมัติก็ทำได้ในทันทีเป็นต้น
5. Martech ที่มนุษย์และ AI จะทำงานร่วมกัน
ปีที่ผ่านมาเทคโนโลยี AI พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด และเข้าไปอยู่ในทุกๆเครื่องมือเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการทำงานให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็รวมไปถึงเครื่องมือ Martech ด้วยเช่นกันที่ในปัจจุบันมี AI เข้าไปช่วยงานใน Work Flow ของการทำงานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Martech ในหมวด Content Creation ที่สามารถสร้างวิดีโอเสมือนจริงได้แบบที่ Sora จาก OpenAI ทำให้เราเห็นมาแล้ว
หรือจะเป็นระบบ AI ที่ช่วยวิเคราะห์และแนะนำ ดูพฤติกรรม สร้างโปรไฟล์ลูกค้าช่วยตอบอีเมล์ เลือกลูกค้าที่จะช่วยปิดการขายก่อนยกตัวอย่างเช่นระบบ Einstein Opportunity Scoring ของ Salesforce ที่ช่วยลดเวลาทำงานได้ หรือระบบที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานที่มี AI ช่วยสร้าง Work Flow แบบ Automation อย่าง Zapier เชื่อมโยงหลายๆแอปพลิเคชั่นเอาไว้ด้วยกันปัจจุบันก็ทำได้แล้ว อย่างไรก็ตามคุณแบงค์ ก็เตือนเช่นกันว่าแม้ AI จะช่วยงานมนุษย์ได้มาก สามารถให้ Data และ Information กับเราได้ แต่สิ่งที่ AI ให้ไม่ได้ก็คือ Knowlegde และ Wisdom เพราะฉะนั้นอย่าพึ่งพา AI มากเกินไปจนคิดไม่เป็นหรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม
6. กลยุทธ์ 5Ps of Martech
ปัจจุบันเทรนด์ของการใช้งาน Martech นั้นเปลี่ยนแปลงไปแล้ว โดยเฉพาะกลยุทธ์ที่องค์กรต้องมีเพื่อใช้ Martech ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดที่จากเดิมที่มี 4P นั่นก็คือ
- Planning & Strategy– การสร้างกลยุทธ์จากการรู้จักตัวเราเองคู่แข่ง และกลุ่มเป้าหมาย
- People – การมีบุคลากรที่พร้อมด้วยทักษะความรู้และทัศนคติที่ดี
- Process – กระบวนการที่เป็นระบบ เครื่องมือใดจะอยู่ในขั้นตอนไหนและใครรรับผิดชอบ
- Platform – เครื่องมือที่ตอบโจทย์ทางธุรกิจ
แต่ปัจจุบันแค่ 4Ps นี้ไม่พออีกต่อไปแต่ต้องเพิ่มเป็น 5P นั่นก็คือ 5. Pioneer หรือผู้นำที่จะถือธงนำในองค์กรว่าควรจะเดินหน้าไปในทิศทางไหนเพื่อสร้างการเติบโตให้ธุรกิจต่อไป
7. บริการที่มากกว่าแค่เครื่องมือ Martech
ก่อนหน้านี้เครื่องมือ Martech ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องมือที่เรียกว่า Self Service ที่บางครั้งต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง แก้ปัญหาเองไม่ได้มีบริการในการติดตั้งใช้งานหรือให้การปรึกษา แต่ปัจจุบันลูกค้าคาดหวังกับผู้ให้บริการมากกว่าการเป็นแค่ Tools แต่คาดหวังว่าจะมีบริการบริหารจัดการในเรื่องอื่นๆด้วยเช่น สินค้าและบริการ หรือบางครั้งทำ Marketing Campaign ให้ด้วย โดยเฉพาะบริษัทใหญ่ๆที่ต้องการมากกว่าเป็นแค่ Solution ต้องการการคิดการวางแผนให้ด้วยหรือบางครั้งผู้ให้บริการอาจร่วมมือกับ Agency ในการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดร่วมด้วยมากขึ้น
สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตบริษัทที่ขาย Social Listening Tools แต่อาจจะเริ่มมีบริการใช้งานหรือการวิเคราะห์แคมเปญเพิ่มขึ้นบริษัท Marketing Automation Tools ก็จะเริ่มช่วยคิด Automation Work Flow ให้เลย หรือบริษัทที่จะขาย Influencer Marketing Tools บริหารจัดการ Influencer ก็จะเริ่มมีบริการที่ครบวงจรออกไปมากขั้น หรือ Content Management Tools ก็อาจไม่ได้มีแต่เครื่องมือสร้างเว็บไซต์หรือบริการที่เกี่ยวข้องอื่นขยายออกไปมากยิ่งขึ้น
ดังนั้นถ้าเป็นบริษัทให้บริการ Martech ก็ต้องคิดถึงบริการอื่นๆที่ครบวงจรไปให้บริการ หรือถ้าในมุมแบรนด์ถ้าจะหาเครื่องมือ Martech มาใช้ก็ลองถามหาบริการที่นอกเหนือจาก Tools เหล่านั้นบางครั้งก็อาจจะทำการตลาดได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น สร้างผลลัพธ์ทางการตลาดที่ดีขึ้นได้
ทั้งหมดนี้คือ 7 เทรนด์ Martech ในปี 2024 เชื่อมต่อปี 2025 ที่องค์กรธุรกิจ แบรนด์ต่างๆ นักการตลาด รวมไปถึงผู้ให้บริการ Martech เองก็สามารถนำไปปรับใช้เพื่อก้าวให้ทันเทคโนโลยีรวมไปถึงความต้องการของผู้ใช้งาน Martech ในประเทศไทยได้ต่อไป