เทรนด์การตลาดใหม่ช่วงนี้ที่เราเห็นบ่อยมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวิกฤต โควิด-19 ก็คือ Virtual Influencer อาทิ Imma ที่มาเป็นนางแบบให้ IKEA Japan หรือ Miquela เป็นนางแบบให้กับ Prada เป็นต้น และต้องบอกว่าเรารอคอยที่จะเห็นงานลักษณะเดียวกันนี้เกิดขึ้นในไทย ล่าสุด สิ่งที่เราตั้งตารอก็เป็นจริง เมื่อ “แสนสิริ” โดย SIRI Place ครีเอท “IRIS” Virtual Presenter คนแรกของไทย ขึ้นมาแล้ว และที่น่าสนใจคือ ผลสำเร็จของ IRIS ดูเหมือนว่าจะเอาชนะพรีเซ็นเตอร์มนุษย์ได้ด้วยสิ
สำหรับ “IRIS” คือ Virtual Presenter เป็นพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของ โครงการ “สิริ เพลส” (SIRI Place) 3 โครงการ เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ แสนสิริ กับ VMLY&R Thailand และ YGGDrazil Group โดยตั้งใจจะมอบประสบการณ์ใหม่ในการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าที่คุ้นเคยและเติบโตมากับโลกเสมือนจริง (Virtual) เพื่อสะท้อนคอนเซ็ปต์ของแบรนด์คือ “ขยายทุกความชอบให้เป็นไปได้แบบสุดๆ” ทำหน้าที่เบื้องต้นในการช่วงโปรโมท โครงการใหม่ 3 โครงการของ “สิริ เพลส”
ไอเดียของการสร้าง น้อง IRIS เกิดจากการที่นอกจากจะเป็นการตามเทรนด์โลก ที่นำเทคโนโลยี Virtual มาใช้งานในช่วงโควิด-19 ที่คนออกจากบ้านไม่ได้มาปรับใช้ แต่ที่สำคัญคือยังเกิดจากการวิเคราะห์ Insight กลุ่มเป้าหมายของ “สิริ เพลส” ด้วย ซึ่งเป็นกลุ่มคนอายุ 23-25 ปี ที่ชอบเรื่องเทคโนโลยีและเรื่องราวใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งผลปรากฏว่า หลังลอนช์ออกมาเพียงแค่ 2 เดือนก็ได้รับผลตอบรับดีเกินคาด
ผลตอบรับดีกว่าการใช้ “มนุษย์”
ผลสำเร็จจากการใช้ “น้อง IRIS” นับว่าน่าประทับใจมาก โดยสามารถสร้าง ยอด Impression ได้มากกว่า 5 ล้านครั้ง ยอดการรับชมวิดีโอผ่าน Youtube เฉลี่ยสูงถึง 43 วินาที จากวิดีโอเต็มความยาว 45 วินาที โดยเมื่อเปรียบกับการใช้งานคนจริงหรือเน็ทไอดอล ทำได้มากกว่า เพราะคนดูดูจนเกือบจะจบคลิป ที่สำคัญยังสามารถ สร้าง Lead ได้สูงถึง 980 จาก 3 โครงการในเวลาเพียงแค่ 2 เดือน ซึ่งเมื่อเทียบกับแคมเปญก่อนๆ ที่เคยใช้พรีเซ็นเตอร์คนจริง (เทียบกับเป็นดาราระดับกลางๆ) ต้องใช้เวลาถึง 3 เดือนเลย และมี Tone of Voice ไปในทางบวกต่อแบรนด์ “สิริ เพลส” ด้วย
ในขณะที่งบประมาณนั้น ได้รับการเปิดเผยว่า ค่าโปรดักส์ชั่นประมาณ 6 หลัก ซึ่งเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง และอาจจะสูงกว่าการใช้พรีเซ็นเตอร์คนจริงแสดง แต่ แสนสิริ ยืนยันว่าคุ้ม!!
แพงกว่า แต่คุ้มค่าเกินราคา
อาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด กล่าวว่า วัตถุประสงค์ในการทำครั้งนี้ ก็เพื่อสร้าง Awareness และพาคนมาที่โครงการได้ ซึ่งในแง่ของการสร้าง Lead มาที่หน้าโครงการก็นับว่าประสบความสำเร็จแล้ว ส่วนในแง่จะที่จะสามารถสร้างเป็นยอดขายได้หรือไม่ ตรงนี้ก็อาจต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้บริโภค แต่เมื่อถามว่าคุ้มค่าหรือไม่ เรามองว่าคุ้มค่าและสามารถใช้ประโยชน์ได้มากกว่า เพราะหน้าที่ที่สำคัญของ IRIS คือการเรียกความสนใจจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ และผลตอบรับก็ดีเกินคาดทั้งยอดวิว ยอด Impression น้องก็ทำงานได้อย่างน่าประทับใจ มากไปกว่านั้น แม้ใช้งบฯ ที่มากกว่าการจ้างคนจริง แต่เราจะต้องนำ IRIS ไปต่อยอดอย่างอื่นอีกแน่นอน
“นอกจากนี้ ก็ยังสามารถควบคุมคอนโทรลได้ จะให้ทำอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีคอนแท็ก ไม่ผูกมัดเรื่องสัญญา IRIS คือลิขสิทธิ์ของเราแต่เพียงผู้เดียว ที่สำคัญ ยังทำให้แบรดน์ดู Young and Fresh มากขึ้นด้วย” อาณัติ กล่าว
ตรงนี้เห็นจริงด้วย เพราะในแง่ของการลงทุน ใช้งาน IRIS นอกจากลงทุนครั้งเดียวคุ้มแล้ว ก็ยังสามารถปั้นให้ IRIS เป็นได้ตามต้องการ ตัดปัญหาพรีเซ็นเตอร์สร้างดราม่ามาให้แบรนด์ต้องมานั่งปวดหัวอีก
รู้ว่าเสี่ยงแต่ก็อยากจะขอลอง
อย่างไรก็ตาม อาณัติ ระบุว่า สำหรับน้อง IRIS จะใช้งานกับแบรนด์ สิริ เพลส อย่างเดียวเท่านั้น เพราะว่ามีไลฟ์สไตล์ที่เข้ากับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของแบรนด์ ซึ่งทำให้แบรนด์กล้าเล่น กล้าที่จะสนุกได้มากกว่าแบรนด์อื่นๆ ในเครือ
“ยอมรับว่าการที่เรามาทำตรงนี้ ก็มีความเสี่ยงมากกว่า ทั้งเรื่องคุณภาพ หรือเรื่องไทม์ไลน์ ซึ่งปรากฏว่าใช้เวลามากกว่าที่เราคิดไว้เสียอีก”
ทิศทางและหน้าที่ของ IRIS ในอนาคต
นอกจากนี้ ทางแสนสิริ ยังเตรียมที่จะปั้นให้ IRIS มีตัวตนมากขึ้น เช่น อาจจะเปิด IG หรือ Facebok เพื่อสื่อสารกับคนภายนอก หรืออาจจะสร้างให้มีเพื่อนฝูง มีไลฟ์สไตล์ที่ชัดเจนมากขึ้น เพื่อทำให้เขามีตัวตนขึ้นมาจริงๆ รวมไปถึงจะต้องมีส่วนกับกิจกรรมทางการตลาดมากกว่านี้อย่างแน่นอน
“วันนี้ IRIS อาจจะมาปรากฏตัวแค่นี้ เนื่องจากว่าวันนั้นที่เราเผื่อเวลาไว้เท่านี้ ตอนแรก เราไม่ได้คิดว่าจะเอาเขาไปทำอะไรได้มากกว่านี้ แต่อันนี้ใช้เวลามากกว่าปกติถึง 3 เท่า เพราะฉะนั้นเราจึงเห็นแค่นี้ก่อน แต่ใน pipeline ที่เราวางแผนไว้ จากผลตอบรับของลูกค้าที่ดีเกินคาดอย่างที่บอก ดังนั้น เราคงจะทำอะไรต่อมากกว่านี้แน่นอน” อาณัติ กล่าว
สำหรับ 3 โครงการใหม่จาก สิริ เพลส ได้แก่ 1) สิริ เพลส รังสิต-คลอง 2 2) สิริ เพลส พหลโยธิต 52 3) สิริ เพลส วงแหวาน-ลำลูกกา มีมูลค่ารวมกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่นำ Insight ของลูกค้ามาพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทำเล ที่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าและทางด่วน รวมไปถึงการออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของชีวิตยุคใหม่ ไปจนถึงการจับเทรนด์การตลาดเสมือนจริงระดับโลก ตอบรับพฤติกรรมการบริโภคสื่อที่เปลี่ยนไปของกลุ่มเป้าหมาย Young Gen ที่ใช้งานอินเตอร์เน็ตสูงถึง 10.36 ชั่วโมงต่อวัน โดยทั้ง 3 โครงการวางเป้าหมายสร้างยอดขาย 600 ล้านบาท ในไตรมาสแรกของปี 2564 นี้
กลับมาที่ ความสามารถของ “น้อง IRIS” และจากผลสำเร็จที่เกิดขึ้น น่าคิดว่าจะกระทบกับวงการพรีเซ็นเตอร์ไทยหรือไม่ ?? ดาราคนดัง อินฟลูเอนเซอร์ บล็อกเกอร์ จะได้รับผลกระทบหรือไม่ หากว่าความนิยมใน การใช้ AI หรือ Virtual Presenter สามารถเอามาแทนมนุษย์จริงๆ ได้แล้ว ??
น่าติดตามในอนาคตต่อไปอย่างแน่นอน
PS. ที่มาชื่อ IRIS มาจากการ สลับตัวอักษรของคำว่า “SIRI” นั่นเอง