หากย้อนกลับไป Retail Landscape ในอดีตตั้งแต่ “ช้อปปิ้งออนไลน์” เริ่มต้นขึ้น เป็นยุคที่ค้าปลีกแบ่งเป็น 2 โลกชัดเจนคือ ออฟไลน์ และออนไลน์ ต่อมาขยับเข้าสู่ยุค “Omnichannel” เชื่อมต่อทุกแพลตฟอร์มเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างประสบการณ์การช้อปแบบไร้รอยต่อ (Seamless Experience)
แต่จากความก้าวล้ำของเทคโนโลยีที่รวดเร็ว ปัจจุบันเริ่มเปลี่ยนผ่านสู่ยุค New Retail Landscape ที่จะ beyond ไปอีกขั้น นั่นคือ “Next-Gen Omnichannel” ที่ผสาน “โลกจริง” (Physical World) และ “โลกเสมือน” (Virtual World) เข้าด้วยกัน เพื่อสร้าง “Immersive Experience” อย่างไร้รอยต่อ
เมื่อ New Retail Landscape ไปในทิศทางดังกล่าว “เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น” (Central Retail Corporation: CRC) ย่อมไม่ตกขบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ค้าปลีกยุคสมัยใหม่ จึงได้เตรียมงบลงทุนระดับ “หลายพันล้านบาท” สำหรับภายใน 5 ปีนี้ในการพัฒนา “CRC Immersive Retail Platform” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “CRC Retailigence”
ภายใต้ CRC Immersive Retail Platform เริ่มต้นด้วยโปรเจกต์ “แอปพลิเคชัน C-Verse” ที่เชื่อมทุกช่องทางการช้อปปิ้งทั้งออฟไลน์ – ออนไลน์ – โซเชียลมีเดีย – Live Streaming และ Virtual Store เข้าด้วยกัน โดยเริ่มทดลองกับ Tops Club (ท็อปส์ คลับ) และมีแผนขยายไปยังกลุ่มสินค้าความงาม และกลุ่มสินค้าเกี่ยวกับบ้าน

ทำความรู้จักแพลตฟอร์ม C-Verse สร้างประสบการณ์ Immersive Experience
“เซ็นทรัล รีเทล” เริ่มพัฒนาแพลตฟอร์ม C-Verse ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2022 ถือเป็นโปรเจกต์นำร่องของ CRC Immersive Retail Platform
C-Verse คือ แอปพลิเคชันที่เชื่อมทุกช่องทางการช้อปปิ้งทั้งออฟไลน์ – ออนไลน์ – โซเชียลมีเดีย – Live Streaming และ Virtual Store รวมทั้งนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้ เช่น Virtual Influencer, Generative AI ให้บริการ AI Chatbot กับลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ โดยจับมือ “Huawei” (หัวเว่ย) ผู้ให้บริการ Cloud Infrastructure เพื่อรองรับความหลากหลายของเทคโนโลยี ช่วยให้การเชื่อมต่อแพลตฟอร์มระหว่างโลกจริง และโลกเสมือนเป็นไปอย่างราบรื่น รวดเร็ว
ในช่วงแรก C-Verse เริ่มทดลองใช้กับ “Tops Club” (ท็อปส์ คลับ) เนื่องจากปัจจุบัน Tops Club ยังมีเพียง 1 สาขาที่พระราม 2 ดังนั้นเพื่อสร้างการเข้าถึงให้สะดวกขึ้น เซ็นทรัล รีเทล จึงมองว่าการมี C-Verse มาตอบโจทย์การช้อปเชื่อมต่อระหว่างโลกจริง กับโลกเสมือน จะช่วยสร้างความสนุก และความสะดวกในการช้อปได้

สำหรับการใช้งาน C-Verse ประกอบด้วยฟีเจอร์หลัก
– ผู้ใช้งาน C-Verse ต้องเป็นสมาชิก The 1 ซึ่งปัจจุบัน The 1 มีฐานสมาชิก 20 ล้านราย
– สร้างตัว Avatar ที่ลูกค้าสามารถ customize เองได้ เพื่อเดินช้อปปิ้งบนโลกเสมือน
– สามารถเลือกหยิบสินค้าจากเชล์ฟในแบบ 3 มิติ และดูรายละเอียดสินค้าได้ 360 องศา แบบ 3 มิติ และกดเลือกสินค้าลงตะกร้า ไปจนถึงขั้นตอนการชำระเงิน และจัดส่งถึงบ้านภายใน 1 – 2 วัน

– ไอคอน Product Highlight อาทิ โซนแคมป์ปิ้ง มีสินค้าให้เลือกชมกว่า 20 รายการ พร้อมจำลองบรรยากาศแคมป์ปิ้งเสมือนจริง
– ไอคอน AI Chatbot พบกับ “Annie” ในรูปแบบแชทบอทที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ ChatGPT พัฒนาขึ้นสำหรับผู้ใช้งานภายใน C-Verse โดยเฉพาะ เพื่อตอบทุกคำถามและข้อสงสัยที่ลูกค้าต้องการ โดยจะปรากฏขึ้นเมื่อผู้ใช้งานกดไอคอน Annie และสามารถถาม-ตอบคำถามได้แบบเรียลไทม์ ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ เพื่อเพิ่มความตื่นเต้นและเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
– มี Virtual Influencer “พะพราว” เป็น Personal Shopper เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจประโยชน์ของสินค้ามากขึ้น

– ไอคอน Mini Game เกมที่จะมาเพิ่มความสนุกสนานให้กับการใช้งาน ในคอนเซปต์ของการล่าสมบัติ กติกาคือผู้เล่นจะต้องค้นหาและเก็บรวบรวม NFT ที่มีทั้งหมด 6 แบบ เพื่อแลกรับของรางวัลสุดพิเศษ โดยผู้เล่นจะต้องเดินหา NFT ที่จะปรากฏแบบสุ่ม จากทั้ง Virtual mode ซึ่งสามารถใช้งานจากที่ไหนก็ได้ และ AR mode ใช้ได้เฉพาะที่ ท็อปส์ คลับ พระราม 2 เท่านั้น
– ไอคอน Photobooth กิจกรรมยอดนิยมอย่างบูธถ่ายภาพเสมือนจริง ให้ผู้ใช้งานได้ถ่ายภาพร่วมกับเพื่อน ครอบครัว หรือ “พะพราว” เพื่อเก็บเป็นที่ระลึกและสร้างสรรค์เป็นคอนเทนต์แชร์ลงโซเชียลมีเดียที่ไม่ซ้ำใครกับมุมที่เป็นเอกลักษณ์ และท่าทางที่ต้องการตามความชอบเพื่อให้ Avatar โพสต์ท่าตาม และยังสามารถถ่ายรูปตัวเรากับอวตารของตัวเองและเพื่อนภายในร้านได้อีกด้วย

ลุยขยาย Immersive Retail กลุ่มความงาม – สินค้าเกี่ยวกับบ้าน และห้างฯ รีนาเชนเต อิตาลี – ตั้งเป้าปี 2023 มี 30,000 ดาวน์โหลด
สเต็ปต่อไปของ C-Verse เซ็นทรัล รีเทลเตรียมขยายไปยังกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ภายในเครือ ไม่ว่าจะเป็น
– กลุ่มสินค้าบิวตี้
– กลุ่มสินค้าเกี่ยวกับบ้าน
– ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ประเทศอิตาลี
– นอกจากนี้จะทยอยเพิ่มทุกกลุ่มสินค้าให้ครบบนแพลตฟอร์ม C-Verse ภายใน 3 – 5 ปีนี้
เพื่อเชื่อมโยงผู้คนทั้งโลกให้ได้รับประสบการณ์การช้อปปิ้งอย่างเหนือระดับจากที่ไหนก็ได้ในโลก และ ทำให้ธุรกิจในเครือเซ็นทรัล รีเทล กลายเป็นเดสติเนชันของการใช้ชีวิตในทุกทุกช่องทางทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ โซเชียลมีเดีย Live Streaming และ Virtual Store อย่างไร้รอยต่อ
“เราจะลงทุนเทคโนโลยีภายใต้ CRC Immersive Retail Platform ด้วยงบหลายพันล้านบาทภายในระยะเวลา 5 ปีนับจากปีนี้เป็นต้นไป
หนึ่งในโปรเจกต์คือ C-Verse เป็น Digital Retail Twin ที่เชื่อมทุกช่องทางการช้อปปิ้งเข้าด้วยกัน เรามั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค โดยคาดว่าจะมียอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเกินกว่า 30,000 ดาวน์โหลดภายในสิ้นปีนี้” คุณณัฐธีรา บุญศรี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจพาณิชย์ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เล่าถึงแผนการลงทุน

5 เหตุผล “เซ็นทรัล” ลงทุนหลายพันล้าน พัฒนา Immersive Retail Platform
1. “เซ็นทรัล รีเทล” ต้องการปักธงเป็นเบอร์ 1 Next-Gen Omni Retailer แห่งเอเชีย
ในยุค New Retail Landscape การสร้างประสบการณ์แบบ Immersive ที่เชื่อมต่อทุกช่องทางและผสานการใช้เทคโนโลยีสุดล้ำเข้าด้วยกัน แม้ในวันนี้แพลตฟอร์ม C-Verse ยังเป็นช่วงเริ่มต้นที่มีผู้ใช้จำนวนหนึ่งเท่านั้น เมื่อเทียบกับการช้อปผ่าน Physical Store และ Online Store ซึ่งมีพัฒนาการมาสักพักแล้ว จนกลายเป็น norm ของผู้คนไปแล้ว
แต่เซ็นทรัล รีเทลเชื่อว่าเมื่อถึงวันหนึ่งที่เทคโนโลยี Immersive Retail กลายเป็น Mass Adoption ถึงเวลานั้นแพลตฟอร์ม C-Verse และโปรเจกต์ต่างๆ ของ CRC Immersive Retail Platform จะเติบโตในระดับ Go Mass ด้วยเช่นกัน
2. ช้อปออนไลน์เป็นมากกว่าการซื้อขายทั่วไป แต่คือ “Retail Therapy” ด้วยประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับนักช้อป
จากรายงาน Thailand’s Future Shopper 2023: Divergence and Disruption of the Status Quo ของ Wunderman Thompson ชี้ว่าในปี 2023 จักรวาลการช้อปปิ้งออนไลน์ไม่ใช่เทรนด์อีกต่อไป แต่เป็นบรรทัดฐานการใช้ชีวิต เมื่อนักช้อปไทยเริ่มคุ้นเคยกับการซื้อของออนไลน์มากขึ้น และมีพฤติกรรมการแสวงหาความหลากหลาย
รวมทั้งผู้บริโภคยังมีความคาดหวังมากขึ้น โดยนอกจากปัจจัยพื้นฐาน เช่น ความสะดวก ง่ายดาย จัดส่งเร็ว จัดส่งฟรี หรือค่าส่งถูก และความหลากาหลายในการชำระเงินแล้ว ยังพบว่าผู้บริโภคต้องการประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ทันสมัยด้วยเทคโนโลยีและมีความสนุกสนานมากขึ้น
เพราะการช้อปปิ้งออนไลน์ได้เปลี่ยนจากความจำเป็นต่อการใช้งานไปสู่ “Retail Therapy” ที่เติมเต็มความสนุก ความสุขของวัน นักช้อปยุคนี้จึงต้องการการช้อปปิ้งที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อมอบประสบการณ์ความบันเทิงให้กับพวกเขามากขึ้น
- อ่านเพิ่มเติม: เปิดเทรนด์ “นักช้อปออนไลน์ไทย” ค้นหาและซื้อจากมาร์เก็ตเพลส-โซเชียลลดลง – เข้า “เว็บไซต์แบรนด์” มากขึ้น พร้อมฮาวทูแบรนด์ชนะใจลูกค้า
สำหรับ C-Verse ได้ออกแบบฟีเจอร์ที่สร้างประสบการณ์ให้ผู้ใช้ได้มีส่วนร่วมกับแพลตฟอร์มมากขึ้น และสามารถ Interact ได้ทันที เช่น ให้ผู้ใช้งานสร้าง Avatar ในแบบที่ตัวเองชอบ, มี AI Chatbot, Virtual Influencer, นำแนวคิด Gamification มาพัฒนาเกม และกิจกรรมบูธถ่ายรูปเสมือนจริง
ฟีเจอร์เหล่านี้ เซ็นทรัล รีเทลเชื่อว่าจะสร้าง Customer Engagement และทำให้เมื่อผู้บริโภคเข้ามาใช้ C-Verse แล้ว จะ spend time ไปกับแพลตฟอร์มนานขึ้น เข้ามาใช้ถี่ขึ้น บ่อยขึ้น

3. สร้างช่องทางการจำหน่ายรูปแบบใหม่ให้กับพาร์ทเนอร์
นอกจากโปรเจกต์ C-Verse ที่เน้นการสร้าง Immersive Experience และ Engagement ให้กับลูกค้าแล้ว ขณะเดียวกันยังตอบโจทย์ “พาร์ทเนอร์ธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล” ด้วยเช่นกัน ในการเป็นช่องทางจัดจำหน่ายรูปแบบใหม่ที่นอกเหนือไปจากการเปิดหน้าร้านใน Physical Space และ Online Space ของเครือเซ็นทรัล รีเทล ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงผู้บริโภค และเพิ่มโอกาสการขายให้กับพาร์ทเนอร์ธุรกิจ
4. เชื่อมต่อและขยายฐานกลุ่ม Young Generation
การพัฒนาโปรเจกต์ภายใต้ CRC Immersive Retail Platform เชื่อว่าเซ็นทรัล รีเทลต้องการเชื่อมต่อและขยายฐานลูกค้าในกลุ่ม “Gen Z” มากขึ้น ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มนี้เกิดและเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี จึงต้องการสร้าง engage กับคนรุ่นใหม่ ได้มีประสบการณ์และความผูกพันกับสินค้า-บริการต่างๆ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ผ่านแพลตฟอร์ม C-Verse
Success Learning หนึ่งที่เซ็นทรัล รีเทล ได้เรียนรู้เมื่อครั้งที่ทำแคมเปญฉลอง 75 ปีห้างเซ็นทรัลในปี 2022 หนึ่งในกิจกรรมไฮไลท์คือ เปิดตัวคอลเลกชันศิลปะ NFT (Non-fungible Token) “75th Central Shopping Bag Collection” ออกแบบโดย “นักรบ มูลมานัส” ศิลปินแนวคอลลาจชื่อดัง ให้เหล่านักช้อปได้ครอบครองเพื่อสะสมและรับสิทธิพิเศษต่างๆ ในจำนวนจำกัดผ่าน Central Collectibles ในแอป The1
คุณโกวินทร์ กุลฤชากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายนวัตกรรม เซ็นทรัล รีเทล ดิจิทัล เล่าว่าก่อนเกิด C-Verse เซ็นทรัลได้ทำ NFT เฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปีห้างเซ็นทรัล ประสบความสำเร็จอย่างมาก สามารถจับกลุ่มลูกค้าอายุไม่เกิน 34 ปี และขยายฐานลูกค้าผู้ชายได้ จากที่ผ่านมาฐานลูกค้าหลักของเซ็นทรัลเป็นกลุ่มผู้หญิง
“ในการพัฒนา C-Verse ครั้งนี้ก็เช่นกัน เราคาดว่ากลุ่มที่จะมาใช้แอปฯ นี้ จะเป็นกลุ่ม Gen Z และเราเอาเกมเข้าไปอยู่ในแอปฯ นี้ด้วย และต่อไปที่เราเตรียมขยายเพิ่มคือ Beauty World ผสานกับเทคโนโลยี AR เช่น ลูกค้าสามารถทดลองแต่งหน้า โดยระบุได้ว่าอยากได้การแต่งหน้าแบบไหน ระบบจะประมวลผลออกมา พร้อมคำแนะนำผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ได้การแต่งหน้าตามแบบที่ลูกค้าต้องการ”
5. เป็นจิ๊กซอว์ผลักดันการเติบโตยอดขาย
แน่นอนว่าวัตถุประสงค์หลักของการพัฒนา C-Verse และโปรเจกต์อื่นภายใต้ CRC Immersive Retail Platform ในสเต็ปนี้ยังไม่ใช่เพื่อยอดขายเป็นหลัก แต่เพื่อเตรียมการรองรับเข้าสู่ยุค Next-Gen Omnichannel Retailer และเมื่อถึงวันที่สิ่งเหล่านี้เข้าสู่ขั้น Mass Adoption วันนั้นเซ็นทรัล รีเทลจะมีทั้ง Learning Success, โมเดลธุรกิจใหม่ และปักธงความเป็นผู้นำ Next-Gen Omni Retailer ได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตามในอีกมุมหนึ่งการเปิดตัวโปรเจกต์ C-Verse ก็น่าจะเป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์ผลักดันการเติบโตด้านยอดขายให้กับเครือเซ็นทรัล รีเทลไม่มากก็น้อย อย่างปัจจุบันยอดขายผ่านทาง Personal Shopper ของ Tops Club อยู่ที่ 10% ตั้งเป้าว่าหลังจากมี C-Verse มาให้บริการลูกค้า จะช่วยสร้างการเติบโตเป็น 30% และเซ็นทรัล รีเทลตั้งเป้ารายได้ในปี 2023 เติบโต 12 – 15%
“CRC Immersive Retail Platform ถือเป็นหนึ่งในผลงานภายใต้ยุทธศาสตร์ CRC Retailligence ซึ่งเป็นการทำให้กลยุทธ์เกิดขึ้นได้จริง โดยเรามุ่งมั่นที่จะยกระดับและส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด ด้วยการนำ Digital Solution และเทคโนโลยีแห่งอนาคตมาตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า เราจึงมั่นใจว่า C-Verse ซึ่งเป็นโปรเจกต์หนึ่งใน CRC Immersive Retail Platform นี้จะได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค” คุณณัฐธีรา กล่าวสรุป