5 เหตุผล “เซ็นทรัล” ลงทุนหลายพันล้าน ปั้น “Immersive Retail Platform” นำร่องแอป “C-Verse” เชื่อมโลกจริง-โลกเสมือนเข้าด้วยกัน

  • 391
  •  
  •  
  •  
  •  

Central Retail Immersive Platform_C-Verse

หากย้อนกลับไป Retail Landscape ในอดีตตั้งแต่ “ช้อปปิ้งออนไลน์” เริ่มต้นขึ้น เป็นยุคที่ค้าปลีกแบ่งเป็น 2 โลกชัดเจนคือ ออฟไลน์ และออนไลน์ ต่อมาขยับเข้าสู่ยุค Omnichannel เชื่อมต่อทุกแพลตฟอร์มเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างประสบการณ์การช้อปแบบไร้รอยต่อ (Seamless Experience)

แต่จากความก้าวล้ำของเทคโนโลยีที่รวดเร็ว ปัจจุบันเริ่มเปลี่ยนผ่านสู่ยุค New Retail Landscape ที่จะ beyond ไปอีกขั้น นั่นคือ Next-Gen Omnichannel ที่ผสาน “โลกจริง” (Physical World) และ “โลกเสมือน” (Virtual World) เข้าด้วยกัน เพื่อสร้าง Immersive Experience อย่างไร้รอยต่อ

เมื่อ New Retail Landscape ไปในทิศทางดังกล่าว “เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น” (Central Retail Corporation: CRC) ย่อมไม่ตกขบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ค้าปลีกยุคสมัยใหม่ จึงได้เตรียมงบลงทุนระดับ “หลายพันล้านบาท” สำหรับภายใน 5 ปีนี้ในการพัฒนา CRC Immersive Retail Platform ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ CRC Retailigence

ภายใต้ CRC Immersive Retail Platform เริ่มต้นด้วยโปรเจกต์ “แอปพลิเคชัน C-Verseที่เชื่อมทุกช่องทางการช้อปปิ้งทั้งออฟไลน์ – ออนไลน์ – โซเชียลมีเดีย – Live Streaming และ Virtual Store เข้าด้วยกัน โดยเริ่มทดลองกับ Tops Club (ท็อปส์ คลับ) และมีแผนขยายไปยังกลุ่มสินค้าความงาม และกลุ่มสินค้าเกี่ยวกับบ้าน

C-Verse
โลกเสมือนในแอปพลิเคชัน C-Verse

 

ทำความรู้จักแพลตฟอร์ม C-Verse สร้างประสบกาณ์ Immersive Experience

“เซ็นทรัล รีเทล” เริ่มพัฒนาแพลตฟอร์ม C-Verse ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2022 ถือเป็นโปรเจกต์นำร่องของ CRC Immersive Retail Platform

C-Verse คือ แอปพลิเคชันที่เชื่อมทุกช่องทางการช้อปปิ้งทั้งออฟไลน์ – ออนไลน์ – โซเชียลมีเดีย – Live Streaming และ Virtual Store รวมทั้งนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้ เช่น Virtual Influencer, Generative AI ให้บริการ AI Chatbot กับลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ โดยจับมือ Huawei” (หัวเว่ย) ผู้ให้บริการ Cloud Infrastructure เพื่อรองรับความหลากหลายของเทคโนโลยี ช่วยให้การเชื่อมต่อแพลตฟอร์มระหว่างโลกจริง และโลกเสมือนเป็นไปอย่างราบรื่น รวดเร็ว

ในช่วงแรก C-Verse เริ่มทดลองใช้กับ Tops Club” (ท็อปส์ คลับ) เนื่องจากปัจจุบัน Tops Club ยังมีเพียง 1 สาขาที่พระราม 2 ดังนั้นเพื่อสร้างการเข้าถึงให้สะดวกขึ้น เซ็นทรัล รีเทล จึงมองว่าการมี C-Verse มาตอบโจทย์การช้อปเชื่อมต่อระหว่างโลกจริง กับโลกเสมือน จะช่วยสร้างความสนุก และความสะดวกในการช้อปได้

Central Retail_C-Verse
ผู้ใช้งานครีเอทร่าง Avatar เพื่อช้อปปิ้งใน Tops Club ใน C-Verse
สำหรับการใช้งาน C-Verse ประกอบด้วยฟีเจอร์หลัก

– ผู้ใช้งาน C-Verse ต้องเป็นสมาชิก The 1 ซึ่งปัจจุบัน The 1 มีฐานสมาชิก 20 ล้านราย

– สร้างตัว Avatar ที่ลูกค้าสามารถ customize เองได้ เพื่อเดินช้อปปิ้งบนโลกเสมือน

– สามารถเลือกหยิบสินค้าจากเชล์ฟในแบบ 3 มิติ และดูรายละเอียดสินค้าได้ 360 องศา แบบ 3 มิติ และกดเลือกสินค้าลงตะกร้า ไปจนถึงขั้นตอนการชำระเงิน และจัดส่งถึงบ้านภายใน 1 – 2 วัน

Central Retail_C-Verse
ดูสินค้าได้แบบ 360 องศา

– ไอคอน Product Highlight อาทิ โซนแคมป์ปิ้ง มีสินค้าให้เลือกชมกว่า 20 รายการ พร้อมจำลองบรรยากาศแคมป์ปิ้งเสมือนจริง

– ไอคอน AI Chatbot พบกับ “Annie” ในรูปแบบแชทบอทที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ ChatGPT พัฒนาขึ้นสำหรับผู้ใช้งานภายใน C-Verse โดยเฉพาะ เพื่อตอบทุกคำถามและข้อสงสัยที่ลูกค้าต้องการ โดยจะปรากฏขึ้นเมื่อผู้ใช้งานกดไอคอน Annie และสามารถถาม-ตอบคำถามได้แบบเรียลไทม์ ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ เพื่อเพิ่มความตื่นเต้นและเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน

– มี Virtual Influencer “พะพราว” เป็น Personal Shopper เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจประโยชน์ของสินค้ามากขึ้น

Central Retail_C-Verse
โซนแคมป์ปิ้ง ออกแบบบรรยากาศ Virtual Camping

– ไอคอน Mini Game เกมที่จะมาเพิ่มความสนุกสนานให้กับการใช้งาน ในคอนเซปต์ของการล่าสมบัติ กติกาคือผู้เล่นจะต้องค้นหาและเก็บรวบรวม NFT ที่มีทั้งหมด 6 แบบ เพื่อแลกรับของรางวัลสุดพิเศษ โดยผู้เล่นจะต้องเดินหา NFT ที่จะปรากฏแบบสุ่ม จากทั้ง Virtual mode ซึ่งสามารถใช้งานจากที่ไหนก็ได้ และ AR mode ใช้ได้เฉพาะที่ ท็อปส์ คลับ พระราม 2 เท่านั้น

– ไอคอน Photobooth กิจกรรมยอดนิยมอย่างบูธถ่ายภาพเสมือนจริง ให้ผู้ใช้งานได้ถ่ายภาพร่วมกับเพื่อน ครอบครัว หรือ “พะพราว” เพื่อเก็บเป็นที่ระลึกและสร้างสรรค์เป็นคอนเทนต์แชร์ลงโซเชียลมีเดียที่ไม่ซ้ำใครกับมุมที่เป็นเอกลักษณ์ และท่าทางที่ต้องการตามความชอบเพื่อให้ Avatar โพสต์ท่าตาม และยังสามารถถ่ายรูปตัวเรากับอวตารของตัวเองและเพื่อนภายในร้านได้อีกด้วย

Central Retail_C-Verse
Annie เป็น AI Chatbot ลูกค้าพิมพ์สอบถามได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

 

ลุยขยาย Immersive Retail กลุ่มความงาม สินค้าเกี่ยวกับบ้าน และห้างฯ รีนาเชนเต อิตาลี ตั้งเป้าปี 2023 มี 30,000 ดาวน์โหลด

สเต็ปต่อไปของ C-Verse เซ็นทรัล รีเทลเตรียมขยายไปยังกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ภายในเครือ ไม่ว่าจะเป็น

– กลุ่มสินค้าบิวตี้

– กลุ่มสินค้าเกี่ยวกับบ้าน

– ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ประเทศอิตาลี

– นอกจากนี้จะทยอยเพิ่มทุกกลุ่มสินค้าให้ครบบนแพลตฟอร์ม C-Verse ภายใน 3 – 5 ปีนี้

เพื่อเชื่อมโยงผู้คนทั้งโลกให้ได้รับประสบการณ์การช้อปปิ้งอย่างเหนือระดับจากที่ไหนก็ได้ในโลก และ ทำให้ธุรกิจในเครือเซ็นทรัล รีเทล กลายเป็นเดสติเนชันของการใช้ชีวิตในทุกทุกช่องทางทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ โซเชียลมีเดีย Live Streaming และ Virtual Store อย่างไร้รอยต่อ

“เราจะลงทุนเทคโนโลยีภายใต้ CRC Immersive Retail Platform ด้วยงบหลายพันล้านบาทภายในระยะเวลา 5 ปีนับจากปีนี้เป็นต้นไป

หนึ่งในโปรเจกต์คือ C-Verse เป็น Digital Retail Twin ที่เชื่อมทุกช่องทางการช้อปปิ้งเข้าด้วยกัน เรามั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค โดยคาดว่าจะมียอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเกินกว่า 30,000 ดาวน์โหลดภายในสิ้นปีนี้” คุณณัฐธีรา บุญศรี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจพาณิชย์ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เล่าถึงแผนการลงทุน

Central Retail Corporation
คุณณัฐธีรา บุญศรี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจพาณิชย์ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

 

5 เหตุผล “เซ็นทรัล” ลงทุนหลายพันล้าน พัฒนา Immersive Retail Platform  

1. “เซ็นทรัล รีเทล” ต้องการปักธงเป็นเบอร์ 1 Next-Gen Omni Retailer แห่งเอเชีย

ในยุค New Retail Landscape การสร้างประสบการณ์แบบ Immersive ที่เชื่อมต่อทุกช่องทางและผสานการใช้เทคโนโลยีสุดล้ำเข้าด้วยกัน แม้ในวันนี้แพลตฟอร์ม C-Verse ยังเป็นช่วงเริ่มต้นที่มีผู้ใช้จำนวนหนึ่งเท่านั้น เมื่อเทียบกับการช้อปผ่าน Physical Store และ Online Store ซึ่งมีพัฒนาการมาสักพักแล้ว จนกลายเป็น norm ของผู้คนไปแล้ว

แต่เซ็นทรัล รีเทลเชื่อว่าเมื่อถึงวันหนึ่งที่เทคโนโลยี Immersive Retail กลายเป็น Mass Adoption ถึงเวลานั้นแพลตฟอร์ม C-Verse และโปรเจกต์ต่างๆ ของ CRC Immersive Retail Platform จะเติบโตในระดับ Go Mass ด้วยเช่นกัน

Central Retail_C-Verse

 

2. ช้อปออนไลน์เป็นมากกว่าการซื้อขายทั่วไป แต่คือ “Retail Therapy” ด้วยประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับนักช้อป

จากรายงาน Thailand’s Future Shopper 2023: Divergence and Disruption of the Status Quo ของ Wunderman Thompson ชี้ว่าในปี 2023 จักรวาลการช้อปปิ้งออนไลน์ไม่ใช่เทรนด์อีกต่อไป แต่เป็นบรรทัดฐานการใช้ชีวิต เมื่อนักช้อปไทยเริ่มคุ้นเคยกับการซื้อของออนไลน์มากขึ้น และมีพฤติกรรมการแสวงหาความหลากหลาย

รวมทั้งผู้บริโภคยังมีความคาดหวังมากขึ้น โดยนอกจากปัจจัยพื้นฐาน เช่น ความสะดวก ง่ายดาย จัดส่งเร็ว จัดส่งฟรี หรือค่าส่งถูก และความหลากาหลายในการชำระเงินแล้ว ยังพบว่าผู้บริโภคต้องการประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ทันสมัยด้วยเทคโนโลยีและมีความสนุกสนานมากขึ้น

เพราะการช้อปปิ้งออนไลน์ได้เปลี่ยนจากความจำเป็นต่อการใช้งานไปสู่ “Retail Therapy” ที่เติมเต็มความสนุก ความสุขของวัน นักช้อปยุคนี้จึงต้องการการช้อปปิ้งที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อมอบประสบการณ์ความบันเทิงให้กับพวกเขามากขึ้น

สำหรับ C-Verse ได้ออกแบบฟีเจอร์ที่สร้างประสบการณ์ให้ผู้ใช้ได้มีส่วนร่วมกับแพลตฟอร์มมากขึ้น และสามารถ Interact ได้ทันที เช่น ให้ผู้ใช้งานสร้าง Avatar ในแบบที่ตัวเองชอบ, มี AI Chatbot, Virtual Influencer, นำแนวคิด Gamification มาพัฒนาเกม และกิจกรรมบูธถ่ายรูปเสมือนจริง

ฟีเจอร์เหล่านี้ เซ็นทรัล รีเทลเชื่อว่าจะสร้าง Customer Engagement และทำให้เมื่อผู้บริโภคเข้ามาใช้ C-Verse แล้ว จะ spend time ไปกับแพลตฟอร์มนานขึ้น เข้ามาใช้ถี่ขึ้น บ่อยขึ้น

Central Retail_C-Verse
เบ็คกี้ รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง ชวนสัมผัสประสบการณ์ C-Verse

 

3. สร้างช่องทางการจำหน่ายรูปแบบใหม่ให้กับพาร์ทเนอร์

นอกจากโปรเจกต์ C-Verse ที่เน้นการสร้าง Immersive Experience และ Engagement ให้กับลูกค้าแล้ว ขณะเดียวกันยังตอบโจทย์ พาร์ทเนอร์ธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล” ด้วยเช่นกัน ในการเป็นช่องทางจัดจำหน่ายรูปแบบใหม่ที่นอกเหนือไปจากการเปิดหน้าร้านใน Physical Space และ Online Space ของเครือเซ็นทรัล รีเทล ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงผู้บริโภค และเพิ่มโอกาสการขายให้กับพาร์ทเนอร์ธุรกิจ

 

4. เชื่อมต่อและขยายฐานกลุ่ม Young Generation

การพัฒนาโปรเจกต์ภายใต้ CRC Immersive Retail Platform เชื่อว่าเซ็นทรัล รีเทลต้องการเชื่อมต่อและขยายฐานลูกค้าในกลุ่ม “Gen Z” มากขึ้น ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มนี้เกิดและเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี จึงต้องการสร้าง engage กับคนรุ่นใหม่ ได้มีประสบการณ์และความผูกพันกับสินค้า-บริการต่างๆ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ผ่านแพลตฟอร์ม C-Verse

Success Learning หนึ่งที่เซ็นทรัล รีเทล ได้เรียนรู้เมื่อครั้งที่ทำแคมเปญฉลอง 75 ปีห้างเซ็นทรัลในปี 2022 หนึ่งในกิจกรรมไฮไลท์คือ เปิดตัวคอลเลกชันศิลปะ NFT (Non-fungible Token) “75th Central Shopping Bag Collection” ออกแบบโดย “นักรบ มูลมานัส” ศิลปินแนวคอลลาจชื่อดัง ให้เหล่านักช้อปได้ครอบครองเพื่อสะสมและรับสิทธิพิเศษต่างๆ ในจำนวนจำกัดผ่าน Central Collectibles ในแอป The1

คุณโกวินทร์ กุลฤชากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายนวัตกรรม เซ็นทรัล รีเทล ดิจิทัล เล่าว่าก่อนเกิด C-Verse เซ็นทรัลได้ทำ NFT เฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปีห้างเซ็นทรัล ประสบความสำเร็จอย่างมาก สามารถจับกลุ่มลูกค้าอายุไม่เกิน 34 ปี และขยายฐานลูกค้าผู้ชายได้ จากที่ผ่านมาฐานลูกค้าหลักของเซ็นทรัลเป็นกลุ่มผู้หญิง

“ในการพัฒนา C-Verse ครั้งนี้ก็เช่นกัน เราคาดว่ากลุ่มที่จะมาใช้แอปฯ นี้ จะเป็นกลุ่ม Gen Z และเราเอาเกมเข้าไปอยู่ในแอปฯ นี้ด้วย และต่อไปที่เราเตรียมขยายเพิ่มคือ Beauty World ผสานกับเทคโนโลยี AR เช่น ลูกค้าสามารถทดลองแต่งหน้า โดยระบุได้ว่าอยากได้การแต่งหน้าแบบไหน ระบบจะประมวลผลออกมา พร้อมคำแนะนำผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ได้การแต่งหน้าตามแบบที่ลูกค้าต้องการ” 

Central Retail_C-Verse

 

5. เป็นจิ๊กซอว์ผลักดันการเติบโตยอดขาย

แน่นอนว่าวัตถุประสงค์หลักของการพัฒนา C-Verse และโปรเจกต์อื่นภายใต้ CRC Immersive Retail Platform ในสเต็ปนี้ยังไม่ใช่เพื่อยอดขายเป็นหลัก แต่เพื่อเตรียมการรองรับเข้าสู่ยุค Next-Gen Omnichannel Retailer และเมื่อถึงวันที่สิ่งเหล่านี้เข้าสู่ขั้น Mass Adoption วันนั้นเซ็นทรัล รีเทลจะมีทั้ง Learning Success, โมเดลธุรกิจใหม่ และปักธงความเป็นผู้นำ Next-Gen Omni Retailer ได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตามในอีกมุมหนึ่งการเปิดตัวโปรเจกต์ C-Verse ก็น่าจะเป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์ผลักดันการเติบโตด้านยอดขายให้กับเครือเซ็นทรัล รีเทลไม่มากก็น้อย อย่างปัจจุบันยอดขายผ่านทาง Personal Shopper ของ Tops Club อยู่ที่ 10% ตั้งเป้าว่าหลังจากมี C-Verse มาให้บริการลูกค้า จะช่วยสร้างการเติบโตเป็น 30% และเซ็นทรัล รีเทลตั้งเป้ารายได้ในปี 2023 เติบโต 12 – 15%

CRC Immersive Retail Platform ถือเป็นหนึ่งในผลงานภายใต้ยุทธศาสตร์ CRC Retailligence ซึ่งเป็นการทำให้กลยุทธ์เกิดขึ้นได้จริง โดยเรามุ่งมั่นที่จะยกระดับและส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด ด้วยการนำ Digital Solution และเทคโนโลยีแห่งอนาคตมาตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า เราจึงมั่นใจว่า C-Verse ซึ่งเป็นโปรเจกต์หนึ่งใน CRC Immersive Retail Platform นี้จะได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค คุณณัฐธีรา กล่าวสรุป

Central Retail_C-Verse

Central Retail Corporation


  • 391
  •  
  •  
  •  
  •  
WP
อยู่ในแวดวงนิตยสารธุรกิจการตลาดกว่าสิบปี สนุกและชอบติตตามเทรนด์ ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ และอยากเรียนรู้เพิ่มเติมในแพลตฟอร์มดิจิทัล มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การตลาดและดิจิทัลร่วมกันนะคะ