การเดินทางของ “BUZZEBEES” จากจุดเริ่มต้นให้บริการด้าน Loyalty & Marketing Platform ในปี 2012 ถึงวันนี้ได้ขยาย Business Ecosystem เป็นมากกว่าด้านบริการ CRM & Loyalty Program ล่าสุดรุก Affiliate Marketing ด้วยการเปิดตัวธุรกิจใหม่ “Mediabuzz” ที่หมายมั่นผลักดันให้เป็นธุรกิจเรือธงในปีนี้ พร้อมทั้งพัฒนาแพลตฟอร์ม “BEES’ BENEFIT” เพื่อเป็น Employee Loyalty Program สำหรับองค์กรในการสร้าง engagement กับพนักงาน
เส้นทาง 12 ปี “BUZZEBEES” จากจุดเริ่มต้นประเทศไทย ขยายสู่ตลาดอาเซียน
“BUZZEBEES” เริ่มต้นธุรกิจในปี 2012 ด้วยธุรกิจ Loyalty Program & Marketing Platform และยังคงเป็น Core Business มาถึงทุกวันนี้
– ต่อมาในปี 2015 ได้ขยายตลาดต่างประเทศครั้งแรก ปักหมุดที่มาเลเซีย
– จากนั้นปี 2019 เปิดตัวธุรกิจ Retail & Restaurant Solutions เจาะลูกค้าผู้ประกอบการ SME และธุรกิจ E-Commerce Enabler Service ให้บริการแบรนด์ – ร้านค้าที่ต้องการทำตลาดบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่างๆ ขณะเดียวกันขยายสู่ตลาดเวียดนาม และอินโดนีเซีย
– ในปี 2022 เข้าลงทุนใน ZORT ระบบบริหารจัดการออเดอร์และสต๊อกสินค้า เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของบริการ Commerce Enabler Service รวมทั้งตั้งออฟฟิศในฟิลิปปินส์
– จากนั้นในปี 2023 ตั้งธุรกิจ Mediabuzz ให้บริการด้าน Influencer & Digital Marketing นอกจากนี้ได้เปิดตัว Pay-with-Point Solution และลงทุนในเพจติดโปร
– ในปี 2024 เปิดตัวแพลตฟอร์ม BEES’ BENEFIT เป็น HR Solutions เพื่อเจาะตลาดลูกค้าองค์กร และทำ Joint Venture กับ Got It ซึ่งเป็น Gifting & Rewards Solution ที่เวียดนาม
ถึงปัจจุบัน “BUZZEBEES” แตกกิ่งก้านกลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย
– Loyalty Program & Marketing Platform
– Retail & Restaurant Solutions
– Rewards Sourcing & Management
– E-Commerce Enabler Service
– Affiliate Marketing เป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ล่าสุดที่ BUZZEBEES ต้องการชูเป็นเรือธง ภายใต้บริการ “Mediabuzz”
– B2E (Business to Employee) ด้วยแพลตฟอร์ม BEES’ BENEFIT
ให้บริการใน 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย, เวียดนาม, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย และกัมพูชา โดยพัฒนาแพลตฟอร์มพันธมิตรกว่า 1,200 แพลตฟอร์ม และมีผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มกว่า 170 ล้านบัญชี
ขณะที่ผลการดำเนินงานของ BUZZEBEES มียอดเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอด 11 ปีที่ผ่านมา โดยมีรายได้ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
– ปี 2020: 921 ล้านบาท
– ปี 2021: 1,142 ล้านบาท
– ปี 2022: 1,751 ล้านบาท
– ปี 2023: 1,980 ล้านบาท
– ปี 2024: ตั้งเป้าโต 30% จากปีก่อน
“วันแรกของเริ่มต้น BUZZEBESS เราอยู่ในห้องแถวเล็กๆ ที่ RCA ขนาดพื้นที่ 50 ตารางเมตร เรามีความฝันว่าเราจะเป็น Digital Engagement Platform และหนึ่งในวัฒนธรรมองค์กรของ BUZZEBEES คือ เรามองว่าเราจะโดน disrupt ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นจะเห็นว่าเราพัฒนาโปรเจคใหม่เยอะมาก เฉลี่ยปีหนึ่งมีกว่า 10 โปรเจค ซึ่งแน่นอนว่ามีทั้งสำเร็จ และไม่สำเร็จ แต่เราก็สู้และพยายามทำให้เกิดขึ้น” คุณณัฐธิดา สงวนสิน กรรมการผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด เล่าถึงเส้นทางของ BUZZEBEES
ชู 3 กลยุทธ์ในปี 2024 – รุก Affiliate Marketing
สำหรับในปี 2024 BUZZEBEES วางกลยุทธ์หลัก 3 ด้านคือ
1. นำเทคโนโลยีมาปรับใช้พัฒนาแพลตฟอร์ม และนวัตกรรม AI สร้าง Engagement แบบ Personalized สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ตรงกลุ่มเป้าหมาย
คุณณัฐธิดา ขยายความเพิ่มเติมว่า ปีนี้ธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวมากขึ้น และหลายองค์กรยังให้ความสำคัญกับ Digital Engagement และ Loyalty Program เพื่อสร้างสัมพันธ์อันดีกับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง และต้องมุ่งเน้นการยกระดับไปอีกขั้นด้วยการสร้าง Engagement แบบ Personalized หรือการสร้างการมีส่วนร่วมแบบเฉพาะบุคคลเพื่อให้เกิดความแตกต่างและเฉพาะเจาะจงกับแต่ละกลุ่มลูกค้า เพื่อสร้างประสบการณ์สำหรับลูกค้าที่ดีขึ้น ทั้งนี้เพื่อรักษาฐานลูกค้าในสภาวะการแข่งขันที่เข้มข้น และสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
“ถึงแม้ว่าปีนี้จะเป็นปีที่มีความท้าทายและต้องเผชิญกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัว BUZEEBEES ต้องปรับวิธีคิดในการสร้างธุรกิจใหม่ๆ รูปแบบแนวทางใหม่ๆ จากการคิดค้นและสร้างสรรค์นวัตกรรม ซึ่งเชื่อว่าจะเข้ามาพลิกโฉมวิธีการเชื่อมต่อและโต้ตอบกันในโลกออนไลน์ในอนาคต รวมถึงการปรับตัวเพื่อการอยู่รอดและการเติบโตของการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล ซึ่งยอมรับว่าเป็นอีกบททดสอบที่หนักหน่วง”
2. ขยายการให้บริการธุรกิจอีคอมเมิร์ซอย่างครอบคลุม ช่วยให้แบรนด์และร้านค้ามีรายได้เติบโต
หนึ่งในบริการของ BUZZEBEES ที่เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ และเปิดตัวในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา คือ “ธุรกิจบริการอีคอมเมิร์ซอย่างครบวงจร” (E-Commerce Enabler Service) เป็นอีกกลยุทธ์ที่ทำให้แบรนด์และร้านค้าสามารถพลิกฟื้นกลับมามีรายได้ที่เติบโตอีกครั้ง
โดยในปี 2023 ที่ผ่านมา BUZZEBEES สามารถสร้างยอดขายให้ลูกค้าในตลาดอีคอมเมิร์ซได้แบบก้าวกระโดดถึง 3 เท่า หากเทียบกับปี 2022 ที่ผ่านมา โดยมีมูลค่ายอดขายรวมกว่า 1,000 ล้านบาท จากรายได้ทั้งหมดของ BUZZEBEES ถือว่าสามารถทำทะลุเป้าหมายได้ถึง 120%
โดยในปี 2023 BUZZEBEES ได้ขึ้นแท่นเป็น E-Commerce Enabler อันดับ 1 ของ Shopee ประเทศไทย พร้อมได้รับการรับรองให้เป็น “Shopee Premium Enabler” และ “Lazada Certified 3 Stars” ต่อเนื่องจนปัจจุบันคือไตรมาส 1 ปี 2024 ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ระดับสูงสุดที่การันตีความเป็นเลิศในการให้บริการด้านอีคอมเมิร์ซครบวงจร
สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพการดำเนินงานของ BUZZEBEES ที่สามารถสร้างการเติบโตให้กับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ความสำเร็จในการสร้างยอดขาย (GMV) ให้กับลูกค้า การบริหารจัดการแคมเปญการตลาด (Marketing Campaign) รวมถึงการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพ (Operational Excellence) แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการบริการจัดการธุรกิจด้านอีคอมเมิร์ซอย่างครบวงจร พร้อมช่วยเพิ่มยอดขายให้ลูกค้าสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด
ปัจจุบัน BUZZEBEES ให้บริการในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่างๆ ได้แก่ Shopee, Lazada, Brand.com, Line Official และ TikTok ซึ่งเป็นดาวรุ่งในปี 2023 – 2024 โดย BUZZEBEES เพิ่งเริ่มขยายฐานการให้บริการจัดการร้านค้าในแพลตฟอร์ม TikTok เมื่อเมษายน 2023 ที่ผ่านมา และได้รับรางวัล Shop Management Service Excellence จาก TikTok ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2023 อีกด้วย ซึ่งเป็นช่องทางใหม่ที่สร้างยอดขาย (GMV) ให้กับลูกค้าได้มากกว่า 1,000% ภายในระยะเวลา 5 เดือน
3. สร้าง Engagement และ Conversation พร้อมเปิดตัว Mediabuzz แพลตฟอร์ม Affiliate Marketing ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับลูกค้าใหม่ สร้าง GMV 2.2 พันล้านบาท เพื่อช่วยให้ธุรกิจทุกขนาดเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
หนึ่งในกลยุทธ์มาแรงในยุคนี้ ต้องยกให้ “Affiliate Marketing” การตลาดออนไลน์ในรูปแบบของพันธมิตรระหว่างแบรนด์ หรือผู้ประกอบการธุรกิจ กับ Influencer โดยแบรนด์จะให้ Influencer โปรโมทสินค้า หรือบริการ และได้รับเป็นค่า Commission จากแบรนด์ หรือร้านค้าเมื่อมี Conversion ตามที่ตกลงไว้เกิดขึ้น เช่น Cost per sales, Cost per acquisition, Cost per click
แนวโน้มมูลค่าตลาด Affiliate Marketing ทั่วโลกเติบโตต่อเนื่องทุกปี
– ปี 2016: 13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
– ปี 2023: 17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
– คาดการณ์ปี 2030: 40 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับ “Mediabuzz” เป็นธุรกิจใหม่ด้าน Affiliate Marketing และเป็นเรือธงแห่งปี 2024 ของ BUZZEBEES ซึ่งตอบโจทย์เรื่องการสร้างยอดขาย (Sales Conversion) ผ่านการใช้ Influencer Marketing ที่ผสมผสานการที่ BUZZEBEES เป็น Tech Company ด้วยการใช้ Data และ AI เข้ามาสร้างโมเดลการทำโฆษณาที่สร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดทั่วไป
โดยในปี 2023 Mediabuzz สามารถทำยอดขายสินค้ารวม (GMV) ได้สูงถึง 2.2 พันล้านบาท ผ่านผู้ติดตามสื่อในเครือของ Mediabuzz รวมกว่า 20 ล้านคนและสามารถสร้างผลการตอบแทนจากค่าโฆษณา (ROAS) ได้สูงสุดถึง 100 เท่า
ปัจจุบัน Mediabuzz ให้บริการลูกค้าในหลายประเภทอุตสาหกรรม อาทิ สินค้าอุปโภคบริโภค, เครื่องใช้ไฟฟ้า, เฟอร์นิเจอร์, สินค้าแฟชั่น, ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน, การท่องเที่ยว เป็นต้น โดยคาดการณ์ว่าภายในปี 2024 ธุรกิจ Mediabuzz จะสร้างยอดขาย (GMV) รวมได้สูงถึงกว่า 4 พันล้านบาท
เปิดตัวแพลตฟอร์ม BEES’ BENEFIT รุกตลาด B2E (Business to Employee)
ไม่เพียงเท่านี้ ล่าสุด BUZZEBEES ได้พัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ “BEES’ BENEFIT” เพื่อขยายตลาด B2E (Business to Employee) ในประเทศไทย เน้นการให้ของรางวัลและเบเนฟิตที่ถูกใจพนักงาน (Rewards & Benefit) และสร้างความผูกพันในองค์กร มุ่งหวังให้ HR นำไปเป็นเครื่องมือที่จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพนักงานและองค์กร
เนื่องจากพบว่าตั้งแต่ช่วงโควิด-19 รูปแบบการทำงานเปลี่ยนไป ประกอบกับความต้องการของพนักงานแตกต่างกัน ดังนั้นการจะรักษาพนักงานปัจจุบัน พร้อมกับดึงดูดพนักงานใหม่ได้ องค์กรต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้รางวัลและสวัสดิการให้มีความยืดหยุ่นตามความต้องการของพนักงานแต่ละคน แต่ละกลุ่ม โดยผลวิจัยพบว่า
– 78% ของคนทำงานเห็นด้วยว่าบริษัทที่มี Flexible Benefit Program ช่วยรักษาพนักงานให้อยู่กับองค์กรได้
นอกจากนี้หลังจากทดลองใช้ “BEES’ BENEFIT” ภายในบริษัท BUZZEBEES พบว่าพนักงานส่วนใหญ่พึงพอใจ
– 32% ของพนักงานรู้สึกพึงพอใจในการทำงานมากขึ้น
– 55% ของพนักงานรู้สึกมี engagement กับองค์กรมากขึ้น
– ช่วยให้องค์กรรักษาพนักงานเพิ่มขึ้น 21%
หลังจากนี้ BUZZEBEES จะนำแพลตฟอร์ม “BEES’ BENEFIT” รุกตลาดธุรกิจ 3 เซ็กเมนต์หลักคือ ธุรกิจขนาดเล็ก, บริษัทใหญ่ และพาร์ทเนอร์ของ BUZZEBEES โดยตั้งเป้าว่าต่อไป B2E จะเป็น New S-Curve ของ BUZZEBEES
“เรามุ่งมั่นปรับตัวและเติบโตในยุคดิจิทัล เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย “CONNECTING THE WORLD” ที่ต้องการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem) ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อเชื่อมธุรกิจทุกขนาดให้สามารถเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน” คุณณัฐธิดา สรุปทิ้งท้าย