ลองใช้ Gemini Advanced สกิลเขียนภาษาไทยเป็นอย่างไร? นำมาประยุกต์ใช้สร้าง Content ได้แบบไหนบ้าง?

  • 217
  •  
  •  
  •  
  •  

ตลาด Generative AI กำลังแข่งขันกันอย่างร้อนแรงล่าสุด Google ก็เพิ่งรีแบรนด์ AI ของตัวเองจากเดิมใช้ชื่อว่า Bard เปลี่ยนเป็น Gemini พร้อมกับเปิดตัว Gemini Advanced ที่เป็น AI โมเดล Ultra 1.0 โมเดลที่เก่งที่สุดของ Google ให้คนทั่วไปได้ใช้งานกันแล้ว และในบทความนี้เราจะมาลองใช้งาน Gemini Advanced ในการเขียนภาษาไทยกันดูว่ามีความสามารถมากน้อยแค่ไหน

Google Gemini คืออะไร?

Gemini คือชื่อใหม่ของ Bard ที่เพิ่งเปลี่ยนแปลงไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เอง โดยเป็นการนำชื่อโมเดล LLM ขึ้นมาใช้โดยตรง โดย Google ระบุว่าสาเหตุของการเปลี่ยนชื่อรีแบรนด์ใหม่ครั้งนี้เพราะต้องการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะพัฒนา AI ให้ก้าวไปข้างหน้า โดยเราสามารถเข้าไปใช้งานได้ที่ https://gemini.google.com/app

ปัจจุบัน Gemini มีสองโมเดลให้ใช้งานคือ

  1. Gemini Pro 1.0 ที่รองรับ 40 ภาษาใช้ได้กว่า 230 ประเทศทั่วโลก
  2. Gemeni Advanced โมเดลออกใหม่ที่ใช้โมเดล Ultra 1.0 โมเดล AI ที่เก่งที่สุดของ Google ในเวลานี้ สามารถเขียนโค้ดได้เก่งขึ้น จดจำบทสนทนาก่อนหน้าได้และคิดไอเดียเก่งขึ้น ใช้งานได้ด้วยการสมัครแพคเกจ Google One AI Premuim ราคาราว 750 บาทต่อเดือน โดยจะได้รับพื้นที่เก็บข้อมูล 2TB ด้วยกัน ซึ่งในช่วงเริ่มต้นนี้ Google เปิดให้ใช้ Gemini Advanced ฟรี 2 เดือนด้วยกัน โดยเวลานี้ จะรองรับงานยากๆเฉพาะภาษาอังกฤษเท่านั้น

สมัครใช้ Gemini Advanced

สำหรับ Gemini Advanced จะมาพร้อมกับแพ็กเกจ Google One AI Premium ที่จะให้พื้นที่เก็บข้อมูล 2TB และเตรียมที่จะมีบริการ Gemini Advanced ใน Gmail, Google Doc รวมถึงบริการอื่นๆต่อไปในเร็วๆนี้ ซึ่งแพ็กเกจนี้ในช่วงแรก Google เปิดให้ใช้งานฟรีเป็นเวลา 2 เดือน

หลังจากสมัครแล้วหน้าเว็บของ Gemini จะเปลี่ยนเป็น Gemini Advanced สีดำๆแบบนี้ หลังจากนั้นเราก็จะเริ่มใช้งานเอไอโมเดลที่ฉลาดที่สุดของ Google กันได้แล้ว

แม้เวลานี้ Gemini Advanced จะรองรับภาษาอังกฤษเท่านั้น แต่เราจะลองทดสอบใช้ Gemini Advanced มาช่วยเขียน Content ภาษาไทยกันดูว่ามันจะมีความสามารถมากน้อยแค่ไหนโดยจะ Prompt คำสั่งเป็นภาษาอังกฤษ โดยโจทย์แรกเราจะลองให้ Gemini Advanced ลองเขียนบทความสั้น ในหัวข้อ “พลังของการสร้างแบรนด์ผ่านเรื่องราว” เล่าโดยใช้ภาษาที่กินใจกันดู

โดยเราจะลองใช้ prompt ว่า Write a short article in Thai about building a brand through storytelling. The article should give overwhelming emotion to reader.

และผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ

เมื่อเรื่องราวคือลมหายใจของแบรนด์

ในโลกที่จอแจไปด้วยเสียงเรียกร้อง ข้อมูลข่าวสารและภาพนับพันล้าน อย่าปล่อยให้แบรนด์ของคุณเป็นเพียงเสียงกระซิบที่ถูกลืม แปลงวิสัยทัศน์ พันธกิจ และหัวใจของแบรนด์คุณให้กลายเป็นเรื่องราวอันจับใจ เพื่อสร้างความแตกต่างที่ผู้คนจะจดจำ

เรื่องราวเป็นภาษาเดียวที่ทุกหัวใจเข้าใจ มันทำให้เราหัวเราะ ร้องไห้ โกรธขึ้ง หรือเกิดแรงบันดาลใจ เมื่อคุณผูกมิตรกับลูกค้าผ่านเรื่องราว…มันไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่พวกเขาซื้อ แต่เป็นความรู้สึกที่คุณได้มอบให้

ลองนึกย้อนไปยังวันเก่าๆ คุณเติบโตมากับนิทานที่ปลูกฝังคุณค่าและจินตนาการใช่ไหม? นั่นแหละคือพลังของเรื่องราว แบรนด์ก็เช่นกัน…ไม่ใช่แค่ขายของ แต่ต้องขาย”ความเชื่อ” ขาย”แรงบันดาลใจ” สร้างโลกที่ลูกค้าปรารถนาอยากจะเป็นส่วนหนึ่ง

จุดประกายความหลงใหลให้ลูกค้าด้วยการให้พวกเขาเป็นตัวเอกในเรื่องราวของคุณเอง ปลุกภาพฝัน ปัญหา ความสุขของพวกเขาผ่านตัวละคร เหตุการณ์ ความกล้าหาญ ที่จะสะท้อนว่าแบรนด์ของคุณเข้าใจโลกของพวกเขาอย่างแท้จริง

คุณอาจเล่าที่มาของวัตถุดิบล้ำค่าจากดินแดนห่างไกล ความพิถีพิถันของงานฝีมือแบบดั้งเดิม หรือชัยชนะเล็กๆของลูกค้าท่านอื่นที่แบรนด์ได้มีส่วนช่วย…ทุกแบรนด์มีเรื่องให้เล่า

คำถามสำคัญคือ: เรื่องราวของคุณนั้น สร้างแรงสั่นสะเทือนในใจผู้คนให้ลุกขึ้นทำอะไรบางอย่างหรือไม่? หรือมันเป็นเพียงเสียงเบาๆ ที่ปล่อยผ่านเลยไป

แบรนด์ที่ดีสร้างยอดขาย แบรนด์ที่ยิ่งใหญ่สร้างสาวกผู้ภักดี…และสาวกเหล่านั้นเกิดขึ้นได้เพราะเลือดลมที่สูบฉีดในแบรนด์ของคุณคือ “เรื่องราว” อันทรงพลังนั่นเอง

พร้อมจะใช้เสียงของคุณจุดประกายโลกแล้วหรือยัง?

สังเกตดูสำนวนและการใช้คำของ Gemeni ในการสร้าง Content ตามโจทย์ที่ให้ไว้ในการเขียนบทความเกี่ยวกับสร้างแบรนด์จากการเล่าเรื่อง ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว อ่านแล้วดูไม่ได้เป็นภาษาไทยที่แปลมาจากภาษาอังกฤษทั้งดุ้น และอ่านแล้วก็กินใจดึงอารมณ์ความรู้สึกออกมาได้ตามโจทย์จริงๆ หากจะใช้งานอาจจะปรับคำเล็กน้อยและสามารถนำไปเผยแพร่ได้เลย

ที่น่าสนใจก็คือ Gemeni Advanced ยังวิเคราะห์บทความที่ตัวเองเขียน ว่าใช้วิธีการอย่างไรในการดึงความสนใจจากผู้อ่าน และยังให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมมาให้ด้วย เช่นแนะนำว่าเราสามารถยกตัวอย่างแบรนด์ที่เล่าเรื่องเก่งๆเพิ่มเติมเข้าไปในเนื้อหาได้ด้วย เรียกว่าเหมือนกับเรากำลังคุยกับคนๆนึงเลยก็ว่าได้

เขียนสคริป TikTok จากบทความรีวิวคาเฟ่

โจทย์ต่อมาเราลองให้ Gemini Advanced ทดลองเขียนสคริปต์ TikTok วิดีโอรีวิว ค่าเฟ่ โดยใช้เนื้อหาจากบทความรีวิวคาเฟ่ของเว็บไซต์ Jeab.com ก็อปปี้เนื้อหามาให้ Gemini Advanced ได้อ่านและเอาไปช่วยทำสคริปต์ให้เราดู

โดย Prompt ที่เราใช้ก็คือ Write 1 minute TikTok video voice over script from this text “รีวิว Moomin Café Thailand พาทุกคนไปชมกันค่ะ ใครที่ยังไม่เคยไป ตามเรามาดู แล้วจด Wish List กันเอาไว้ เพราะนี่คืออีกหนึ่งสถานที่ที่คนรักมูมินไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง! บรรยากาศหน้าร้านแค่เห็นก็น่าเข้าแล้ว จุดเด่นของ Moomin Café คือการที่ภายในร้านเต็มไปด้วยตุ๊กตามูมินทั้งครอบครัวและผองเพื่อนไซส์จัมโบ้ ให้เราสามารถหยิบมานั่งรับประทานอาหารข้างๆ กันได้ ชอบตัวไหนก็เรียกพนักงานอุ้มมาให้ได้เลย ขอแนะนำให้เตรียมกล้องให้พร้อม ก่อนที่อาหารจะมาเสิร์ฟ แชะรูปให้เต็มที่ เพราะถ้าอาหารมา มัวแต่แชะรูปกันนานเกินไป อาจจะทำให้รับประทานแล้วไม่อร่อยได้นะ บรรยากาศในร้าน บอกได้คำเดียวว่า “น่ารักมาก” ด้วยความที่มองไปทางไหนก็เห็นเหล่าตุ๊กตามูมินไซส์จัมโบ้จับจองที่นั่งราวกับเป็นลูกค้าไปด้วย เมนูอาหารมีให้เลือกทั้งของคาว ของหวาน และเครื่องดื่ม แต่ด้วยความที่ไปตอนบ่ายกว่าๆ แล้วยังไม่ได้กินอะไรกันมา หิวหนักกันมาก ทีมงาน Jeab.com เลยขอจัดอาหารคาวกันไปก่อนคนละจาน ได้เป็นข้าวแกงกะหรี่หมูทอดมูมิน”

ผลลัพท์ที่ได้ก็คือ

เรียกว่าไม่เลวเลย โดยสคริปต์สามารถนำไปใช้พากษ์เสียงและอ่านจบได้ในราวๆ 1 นาทีพอดิบพอดีและสามารถ เอาไปใช้พากษ์เสียงลง TikTok ได้แบบแทบไม่ต้องแก้เลยก็ยังได้

ช่วยคิด Ads Copy

คราวนี้เราลองมาให้ Gemini ช่วยคิด Ads Copy เป็นภาษาไทยกันบ้างโดยโจทย์ก็คือเราจะขายเก้าอี้สนามพับได้ แล้วให้ Gemini คิด Ads Headline ที่ดึงดูดใจออกมาให้เรา ซัก 10 รูปแบบ โดย Prompt ที่ใช้ก็คือHelp me come up with 5 Thai Ads Headlines for outdoor chair products และผลลัพท์ก็ได้ดังนี้

จะเห็นได้ว่า Gemini นอกจากจะคิด Ads Copy มาให้ 5 รูปแบบแล้ว มันยังให้คำอธิบายว่าแต่ละแบบนั้นให้ความสำคัญกับการสื่อสารให้คนมองเห็นหรือรู้สึกอะไรกับเก้าอี้สนามอีกด้วย วิธีการนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการช่วยคิดหาไอเดีย พาดหัวบทความ Blog หรือแม้แต่ caption ของแต่ละโพสต์ในแพลทฟอร์มต่างให้ดูน่าสนใจมากขึ้นได้

เปลี่ยนสไตล์การเขียนเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย

อีกหนึ่งวิธีที่สามารถใช้ Google Gemini ช่วยได้ก็คือการ เปลีย่นสไตล์การเขียนให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมายในวัยที่แตกต่างกัน โดยโจทย์นี้เราให้ข้อมูลร้านสุกี้หม่าล่า เกี่ยวกับสถานที่ รูปแบบร้าน ราคา เวลาเปิดปิด แล้วให้ เขียน ad copy รูปแบบต่างๆเพื่อให้เข้าถึงลูกค้าวัยที่แตกต่างกัน 5 ช่วงวัยตั้งแต่ อายุ 15-25, 26-35, 36-45, 46-55 และ 56-65 ปี

โดย Promt คือ : write ads copy from this information “ชื่อร้าน หม่าล่าสีลม สถานที่ถนนสีลม ตรงข้ามสีลมคอมเพล็กซ์ เป็นร้านสุกี้หม่าล่า สายพาน ที่มีจุดเด่นของร้านคือมีน้ำซุปให้เลือกถึง 9 ประเภท กับราคาอาหารเริ่มต้นที่ 10 บาท และราคาถัดไปคือ 10, 20, 30 และ 40 บาท วัตถุดิบมีครบทั้งสารพัดผัดสด เนื้อไก่ หมู เนื้อวัว ลูกชิ้น ไส้กรอก เส้นรูปแบบต่างๆ ทานเท่าไหร่จ่ายเท่านั้น ร้านเปิดตั้งแต่ 11.30 น. ถึง 23.00 น.” with 5 writing style in Thai. 1. for customer age 15-25, 2. age 26-35, 3. age 36-45 4. age 46-55 and 5. age 56-65.

ผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าพอใจเลยทีเดียว สามารถแข่งช่วงวัยได้ว่าเป็นกลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์แบบไหนและปรับรูปแบบคำรวมถึงเนื้อหาให้เข้ากับแต่ละช่วงวัยได้อย่างเหมาะเจาะ แถมมี emoji ใส่ให้อย่างสวยงาม เราสามารถปรับแต่งคำได้เล็กๆน้อยๆก็พร้อมที่จะนำไปโพสต์ลงโซเชียลมีเดียช่องทางต่างๆได้แล้ว

Gemini ก็ใช้สร้างรูปก็ได้นะ

นอกจากการเขียนบทความแล้ว Gemini ยังสามารถสร้างภาพให้เราได้ด้วยโดยสามารถทำได้ทั้ง Gemini ธรรมดาและ Gemini Advance เลยวิธีใช้ก็คือต้องพิมพ์ Prompt เป็นภาษาอังกฤษ ขึ้นต้นด้วย generate หรือ create ต่อจากนั้นต่อด้วย imagephoto, drawing หรือคำอธิบายรูปแบบภาพอื่นๆ ก่อนจะอธิบายลักษณะของภาพที่เราต้องการ

prompt : generate photo of Thailand grand palace with background of modern city with high-rise building , realistic, 16:9, 4K.

ผลลัพธ์ที่ได้

นี่คือวิธีการใช้งานบางส่วนของ Gemini Advance ที่เราได้ทดลองใช้ และแม้ Gemini โมเดล Ultra 1.0 ยังรองรับแค่ภาษาอังกฤษเท่านั้นยังทำงานภาษาไทยได้มากขนาดนี้ ในอนาคตหากพัฒนาให้ครอบคลุมมาถึงภาษาไทยได้ก็น่าจะทำได้เก่งกว่านี้อย่างแน่นอน

สำหรับความรู้สึกหลังใช้งาน Gemini Advance ในรูปแบบภาษาไทยพบว่ายังคงมีความหน่วงและช้าอยู่บ้างเล็กน้อย แต่หากใช้เป็นภาษาอังกฤษทั้ง input และ output จะสามารถทำได้รวดเร็วมากๆ เรียกว่าน่าจะเร็วกว่า ChatGPT-4 อยู่เล็กน้อย แต่ ChatGPT-4 ก็จะได้เปรียบตรงที่มี Plugins ให้ใช้ตามวัตถุประสงค์ได้มากกว่า ส่วนราคา Subscription ทั้งสองตัวไม่ต่างกันแต่ ChatGPT-4 จะมีข้อจำกัดเล็กน้อยที่ไม่เกิน 50 ข้อความใน 3 ชั่วโมง ใครจะใช้แพลทฟอร์มไหนก็ลงพิจารณากันดู


  • 217
  •  
  •  
  •  
  •