ต้อนรับ #สมรสเท่าเทียม กับ 7 วิธีที่แบรนด์สามารถหลีกเลี่ยง Rainbow Washing และสร้างสรรค์แคมเปญที่ส่งเสริม Inclusivity อย่างแท้จริง

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

 

เป็นเวลายาวนานที่ชาว LGBTQIA+ เมืองไทยต่อสู้เพื่อการสมรสอย่างเท่าเทียมมานาน ล่าสุด (ซึ่งเชื่อว่าทุกคนทราบข่าวดีนี้แล้ว) กฎหมายสมรสเท่าเทียม ได้ผ่านการอนุมัติจากรัฐบาลไทย เป็นที่เรียบร้อย โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 22 มกราคมนี้เป็นต้นไป

สาระสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้ เพื่อให้บุคคล 2 คนไม่ว่าจะเพศใดสามารถทำการหมั้นและสมรสได้ จาก กม.สมรสปัจจุบันที่การหมั้น ใช้คำว่า “ฝ่ายชาย ฝ่ายหญิง” แก้ไขเป็น “ผู้หมั้นและผู้รับหมั้น” หรือ “เพศ” ที่ใช้คำว่า “ชาย-หญิง” แก้ไขเป็น “บุคคลทั้ง 2 ฝ่าย” และสถานะหลังจดทะเบียนสมรส จาก “สามีภริยา/คู่สมรส” แก้เป็น “คู่สมรส/คู่สมรส” รวมทั้งการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติอื่น ซึ่งจะทำให้บุคคลนั้นมีสิทธิ หน้าที่สถานะทางครอบครัว เท่าเทียมกับคู่สมรสที่เป็นชายและหญิง

สำหรับกฎหมายนี้ จะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้น 120 นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา หมายความว่า หากมีผู้ประสงค์จะจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายใหม่ จะยังไม่สามารถทำได้ทันทีระหว่างที่กฎหมายเพิ่งประกาศใช้ ต้องรอให้พ้น 120 วัน หรือตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 68 เป็นต้นไป จึงจะสามารถไปจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายแพ่งใหม่ที่รับรองสิทธิสมรสเท่าเทียม ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทำความเข้าใจ ประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะรายละเอียดกฎหมายที่ผูกพัน ทั้งอาญา และแพ่ง เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจถึงสิทธิต่าง ๆ ทั้งสิทธิการจัดการทรัพย์สินของคู่สมรส สิทธิรับบุตรบุญธรรม สิทธิการลงนามยินยอมให้รักษาพยาบาลอีกฝ่าย เป็นต้น
(อ่านประกาศราชกิจจาฯ ฉบับเต็ม คลิก https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/36482.pdf)

ดังนั้น เชื่อว่าหลังจากกฎหมายนี้ผลมีบังคับใช้แล้ว เราอาจจะได้เริ่มเห็นแคมเปญการตลาดเกี่ยวกับ Rainbow Marketing เพิ่มมากขึ้น ก่อนช่วง Pride moth เสียอีก ซึ่งเพื่อการเตรียมพร้อมของแบรนด์และนักการตลาด เราจึงขอแนะนำวิธีที่จะทำการตลาด Rainbow Marketing ที่ดีเหมาะสม โดยหลีกเลี่ยงที่จะไม่ทำให้แบรนด์ของคุณทำการตลาดแบบ Rainbow Washing ได้ (สำหรับข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับ Rainbow Washing สามารถติดตามได้จาก คลิกนี้)

 

7 วิธีที่แบรนด์สามารถหลีกเลี่ยง Rainbow Washing

 

1. มีส่วนร่วมกับชุมชน LGBTQIA+ อย่างต่อเนื่อง

การสนับสนุนที่แท้จริงสําหรับชุมชน LGBTQIA+ เกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่แค่ในช่วงเดือน Pride Month เท่านั้น ซึ่งอาจหมายถึงการเป็นพันธมิตรกับองค์กร LGBTQIA+ การเข้าร่วมกิจกรรม การทํางานร่วมกับครีเอเตอร์จากชุมชน หรือเป็นตัวแทน/กระบอกเสียงให้ชุมชน LGBTQIA+ อย่างต่อเนื่อง

 

2. ให้มั่นใจว่าได้ก้าวสู่ผู้นำของการเป็นตัวแทนของความหลากหลาย

ความจริงใจเริ่มต้นจากภายในองค์กร ดังนั้น จงสร้างความมั่นใจว่า บุคคลในกลุ่ม LGBTQIA+ ได้รับการเป็นตัวแทนในตำแหน่งผู้นำภายในบริษัทของคุณ การดำเนินการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยสร้างมุมมองที่หลากหลาย แต่ยังเป็นสัญญาณสำคัญที่แสดงถึงความมุ่งมั่นอย่างแท้จริงต่อการสร้างความเท่าเทียมและยอมรับความหลากหลายภายในองค์กร

 

3.วางนโยบายและแนวปฏิบัติที่ครอบคลุม

การไม่แบ่งแยกควรฝังอยู่ใน DNA ของบริษัทของคุณ การเสนอผลประโยชน์ให้กับคู่รักเพศเดียวกัน และส่งเสริมวัฒนธรรมในที่ทํางานที่สนับสนุนพนักงานทุกคน โดยไม่คํานึงถึงรสนิยมทางเพศหรืออัตลักษณ์ทางเพศ จะสะท้อนความมุ่งมั่นและความจริงใจในการยอมรับความเท่าเทียมและความหลากหลาย

 

4.สนับสนุนสาเหตุ LGBTQIA+ ทั้งด้านการเงินและทางด้านสังคม

การบริจาคทางการเงินเพื่อการกุศล องค์กรการกุศล และความคิดริเริ่มของ LGBTQIA+ แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนที่จับต้องได้ ขณะที่การสนับสนุนสิทธิ LGBTQIA+ ทางด้านสังคม และใช้แพลตฟอร์มของคุณเพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกในสังคม ก็เป็นอีกแนวทางที่บอกว่าคุณให้การสนับสนุนอย่างแท้จริง

 

5.เข้าไปมีส่วนร่วมในแคมเปญอย่างแท้จริง

เมื่อสร้างแคมเปญในธีม LGBTQIA+ หรือเมื่อทํางานกับครีเอเตอร์ไม่ว่าในทางใดทางหนึ่ง ควรมีส่วนร่วมกับผู้คนในชุมชนสีรุ้งด้วย แต่ควรหลีกเลี่ยงการทำให้ดูเหมือนสนับสนุนเพียงผิวเผิน (Tokenism) ไม่ใช่เพียงแค่การแสดงออกเพื่อภาพลักษณ์ แต่ต้องมีการมีส่วนร่วมของกลุ่ม LGBTQIA+ ในกระบวนการทำงานจริง เช่น การมีบทบาทในทีมสร้างสรรค์หรือการตัดสินใจ เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมและความเคารพที่แท้จริงในองค์กรหรือโปรเจกต์นั้นๆ

 

6. มีความโปร่งใสในกระบวนการทำงานและติดตามได้

ความโปร่งใสเป็นกุญแจสําคัญในการสร้างความไว้วางใจ แบ่งปันเป้าหมาย เผยขั้นตอนที่คุณกําลังทําเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย หรือแม้แต่ปัญหาหรืออุปสรรคระหว่างทาง ผู้บริโภคจะชื่นชมความซื่อสัตย์และมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนแบรนด์ที่ตรงไปตรงมาเกี่ยวกับการเดินทางสู่แนวคิดของความหลากหลาย

 

7.ให้ความรู้แก่ทีมของคุณเกี่ยวกับประเด็นและความอ่อนไหวของ LGBTQIA+ ด้วยการฝึกอบรม DE&I

สร้างความมั่นใจได้ว่า ทั้งทีมของคุณ (หรือในองค์กร) ตั้งแต่ระดับบนลงล่างเข้าใจประเด็น LGBTQIA+ และให้ความสําคัญในประเด็นความหลากหลาย ความเสมอภาค และการไม่แบ่งแยก (diversity, equity, and inclusion – DE&I) การฝึกอบรมอย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยป้องกันความผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจและส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ครอบคลุมมากขึ้น

 

ทั้งหมดนี้น่าจะพอเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางในการที่นักการตลาดหรือแบรนด์จะเลือกใช้นำมาสู่การไม่ทำให้แคมเปญในลักษณะ Rainbow Washing ได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะอาจะส่งผลร้ายแรงต่อการทําลายทั้งชื่อเสียงของแบรนด์และความไว้วางใจของชุมชน LGBTQIA+ ดังนั้น ควรทําให้แน่ใจว่าการกระทําของคุณสอดคล้องกับข้อความของคุณแบรนด์ของคุณ และไม่ใช่ Rainbow Washing แต่เป็นการสนับสนุนเพื่อความเท่าเทียมและการไม่แบ่งแยก ในท้ายที่สุด ความถูกต้องและความสม่ําเสมอเป็นกุญแจสําคัญในการเป็นพันธมิตรที่แท้จริงนั่นเอง

 

Source

www.purplegoatagency.com


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
pigabyte
การเรียนรู้ไม่มีวันจบสิ้น มาเรียนรู้และสนุกไปกับบทความ จาก MarketingOops! กันนะคะ แล้วเราจะได้ค้นพบว่าโลกของ Marketing นั้น So Sexy and Cool!