อย่างที่เราได้รู้กันแล้วว่า Google เปิดตัว Function ใหม่ =AI() เรียกใช้งาน Gemini ผ่าน Google Sheets ได้แล้ว พูดง่ายๆก็คือ ฟังก์ชันนี้เหมือนกับ Google ติดตั้ง “ผู้ช่วย” ให้เราสั่งงานได้ง่ายๆ ไม่ต้องใส่สูตรให้วุ่นวายเหมือนเดิมแล้ว
มันดีกว่าเดิมยังไง?
อธิบายง่ายๆว่า เมื่อก่อน ถ้าเราอยากจะให้ Google Sheets ทำงานที่ซับซ้อนเกี่ยวกับข้อความ เช่น สรุปรีวิวลูกค้าเยอะๆ หรือจัดกลุ่มความคิดเห็นต่างๆ เราอาจจะต้องใช้สูตรที่ซับซ้อนมากๆ หรือต้องเขียนโปรแกรมเพิ่มเติมซึ่งอาจจะยากสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคย
แต่ด้วยฟังก์ชัน =AI() จะทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นเพราะแทนที่จะต้องเขียนสูตรยาวๆ เราสามารถสั่งงานด้วยคำสั่งแบบ “ภาษาคนคุยกัน” ได้แล้ว เช่น =AI(“สรุปรีวิวนี้ให้หน่อย”, A2)
หากยังไม่เห็นภาพ เด๋วจะยกตัวอย่างการใช้งานในช่วงท้ายบทความ
ความสามารถหลักของ AI ใน Google Sheets
ส่วนฟังก์ชั่น AI ที่มีออกมาครั้งนี้ Google เปิดให้ใช้งานแบบพื้นฐาน 4 รูปแบบด้วยกันก็คือ
- Generate (สร้าง Text ใหม่): ให้ AI ช่วยคิดแคปชั่นสินค้า คิดไอเดียตั้งชื่อ หรือร่างอีเมล จากข้อมูลใน Google Sheets
- Summarize (สรุปข้อมูล): สรุปใจความสำคัญจากข้อมูลเซลช์ต่างๆใน Google Sheet ออกมาสั้นๆ
- Categorize (จับกลุ่มข้อมูล): จัดกลุ่มข้อมูลใน Google Sheet ให้เป็นระเบียบ เช่น จัดกลุ่มสินค้าหรือจัดกลุ่มความคิดเห็น ตามหัวข้อ
- Sentiment (วิเคราะห์ความเห็น): อยากรู้ว่าคนส่วนใหญ่รู้สึกยังไงกับสินค้าหรือบริการของเรา เป็นบวก เป็นลบ หรือเป็นกลาง AI ก็ช่วยวิเคราะห์ให้ได้
ตัวอย่างวิเคราะห์ Sentiment ของลูกค้า
สมมติว่าเรามีข้อมูลรีวิวสินค้าที่ดึงออกมาจากระบบหลังบ้านมาอยู่ใน Google Sheet ซึ่งปกติแล้วก็มีอยู่จำนวนมากมายอาจเป็นร้อยๆเป็นพันข้อความไล่ลงไปเป็นตับเริ่มตั้งแต่เซลล์ B2 ไล่ลงไปเรื่อยๆ
การที่เราจะนั่งดูทีละข้อความแล้วรวบรวมว่าลูกค้ามี Sentiment กับสินค้าเราเป็นบวก เป็นลบ หรือกลางๆกันแน่ ก็คงจะเหนื่อย เฉพาะฉะนั้นฟังก์ชั่น =AI() ก็จะมาช่วยเราทำตรงนี้แทนเราอย่างรวดเร็ว
วิธีการก็ให้ใส่สูตรในช่องที่เราต้องการให้แสดงผลลัพธ์เช่นในเซลล์ C2 โดยสูตรก็คือ
=AI(“วิเคราะห์ความรู้สึกของข้อความนี้ว่าเป็น: บวก, ลบ, หรือเป็นกลาง”, B2)
จากนั้นเราก็แค่กด Enter ก็จะได้ความรู้สึกจากรีวิวลูกค้านั้นๆมาแล้ว ที่เราทำต่อไปก็แค่ Copy สูตรไปวางในแถวถัดๆไปเพื่อให้ Gemini วิเคราะห์รีวิวที่เหลือของลูกค้า แล้วเราก็นำผลลัพธ์ทั้งหมดมาวิเคราะห์อีกทีว่าสรุปแล้วรีวิวสินค้าชิ้นนั้นของเราเป็นอย่างไรกันแน่
อีกตัวอย่างก็คือการ Generate (สร้าง Text ใหม่) ที่เราสามารถให้ AI ช่วยคิดแคปชั่นสินค้า คิดไอเดียตั้งชื่อ หรือร่างอีเมล จากข้อมูลใน Google Sheets เช่นเรามี “ชื่อสินค้า” และ “คุณสมบัติ” ในเซลล์ A2 และ B2 แล้วใช้สูตร =AI() นี้มาใช้เพื่อให้สร้างแคปชั่นสำหรับโพสต์บน Instagram ในเซล C2 ก็ทำได้เช่นกัน โดยใช้สูตร
=AI(“คิดแคปชั่นสั้นๆ ที่น่าสนใจสำหรับโปรโมทสินค้าชื่อ ‘”&A2&”‘ ที่มีคุณสมบัติว่า ‘”&B2&”‘ สำหรับโพสต์บน Instagram”)
ก็จะสามารถคิดแปชั่น Instagram สำหรับสินค้าเราที่มีเยอะๆได้ในคลิกเดียว
ข้อควรรู้ก่อนลองใช้
ที่ต้องรู้ก็คือฟีเจอร์ =AI() นี้ยังอยู่ในช่วง “ทดลอง” หมายความว่า หมายความว่าฟังก์ชั่นนี้เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม Gemini for Google Workspace Alpha และ Google Workspace Labs ซึ่งต้องมีการสมัครและได้รับการอนุมัติ หรือเข้าร่วมโปรแกรม Labs ก่อนถึงจะใช้งานได้
เราสามารถเช็กได้ว่า Google Sheet เรารองรับ =AI() หรือไม่ด้วยการลองพิมพ์ =AI ดูในเซลล์ไหนก็ได้ ถ้ามีคำแนะนำฟังก์ชันขึ้นมา ก็แปลว่าอาจจะใช้งานได้
แต่ถ้าใช้ไม่ได้ก็จะมีเครื่องหมาย ! พร้อมข้อความ “ฟังก์ชั่น AI ยังไม่พร้อมใช้งาน” ก็อาจจะต้องรอไปก่อนที่จะรองรับในแพกเกจที่เราใช้งานอยู่
อีกเรื่องคือตอนนี้ฟังก์ชั่นนี้รองรับแบบ “ภาษาอังกฤษ” เท่านั้น ดังนั้น Google Sheets ของเราจึงต้อง “ตั้งค่าภาษาหลักเป็นภาษาอังกฤษ” ด้วย ในขณะที่ตัวอย่างเราทำให้ดูเป็นภาษาไทยเพื่อให้เห็นภาพว่าในอนาคตเมื่อรองรับภาษาไทยแล้วจะเป็นอย่างไร
สำหรับวิธีใช้และข้อจำกัดอื่นๆแบบละเอียดสามารถอ่านคู่มือการใช้ =AI() function แบบเต็มๆ ได้ที่: https://support.google.com/docs/answer/15820999