หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า “Touch point” หรือ จุดสัมผัสระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดสำคัญที่ดึงให้ผู้บริโภคมารู้จักแบรนด์ โดยในบทความนี้แบรนด์หรือนักธุรกิจมือใหม่ที่อยากสร้าง Touch point บทแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง “TikTok” ห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะเรามี 5 ฟีเจอร์เด็ด ๆ มาให้ทุกคนได้ไปลองทำตามกัน
ก่อนที่จะไปดูฟีเจอร์อยากจะขออธิบายก่อนว่า Touch point คือ จุดที่ลูกค้าได้เจอสินค้า หรือบริการของแบรนด์โดยผ่านสื่อต่าง ๆไปยังกลุ่มลูกค้า ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงจุดสิ้นสุด อาทิ ลูกค้าอยากซื้อสินค้าสักอย่างโดยค้นหาสินค้าผ่านช่องทาง online และเห็นแบรนด์ผ่าน Website หรือ โฆษณาต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่ง Touch point นั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกช่วงเวลาเลยก็ว่าได้
Touch Point มีความสำคัญและมีประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างไร
Touch Point เป็นสิ่งที่แบรนด์ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะแบรนด์จำเป็นต้องสร้างความพึงพอใจให้กับ ‘ลูกค้า’ เสมอ ถ้าเราไม่ใส่ใจลูกค้า แบรนด์ก็จะไม่มีการเติบโต โดย Touch Point มีความสำคัญและประโยชน์ ดังนี้
- สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า : Touch Point เป็นโอกาสที่ธุรกิจจะสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ โดยการมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าในทุกจุดสัมผัส จะช่วยสร้างความประทับใจและทำให้ลูกค้ารู้สึกพึงพอใจ ซึ่งจะนำไปสู่การกลับมาซื้อซ้ำและบอกต่อผู้อื่นอีกด้วย
- เพิ่มยอดขาย : Touch Point สามารถใช้เพื่อเพิ่มยอดขายได้ โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า หรือการเสนอส่วนลด และโปรโมชั่นพิเศษจะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อมากขึ้น
- ปรับปรุงบริการลูกค้า : Touch Point สามารถใช้เพื่อปรับปรุงบริการลูกค้าได้ โดยการตอบสนองต่อสิ่งที่ลูกค้าต้องการให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากที่สุด จะช่วยสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า และเกิดความประทับใจ
5 ฟีเจอร์ สร้าง Touch point ที่โดนในแบบฉบับ TikTok
1.ใช้แพลตฟอร์มโฆษณาของ TikTok เพื่อให้ลูกค้าเห็นแบรนด์มากยิ่งขึ้น
TikTok ถือเป็นแพลตฟอร์มโฆษณาที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงผู้ใช้งาน TikTok ทั่วโลก ด้วยแพลตฟอร์มนี้นำเสนอรูปแบบโฆษณาที่หลากหลาย รวมถึงวิดีโอเต็มหน้าจอ วิดีโอแบบสไลด์ วิดีโอแบบไดนามิก เป็นต้น จากปัจจัยต่าง ๆ ที่กล่าวไปข้างต้น TikTok ถือเป็นการสร้าง Touch point ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.TikTok ช่วยเพิ่มยอดผู้ติดตามและสร้าง experience
TikTok มักจะสรรหาสิ่งต่าง ๆ เพื่อมาเอนเตอร์เทนผู้ใช้งานอยู่เสมอ โดยมีฟีเจอร์มาแนะนำเพิ่มยอดผู้ติดตามง่าย ๆ ได้แก่
- Recut : คือคอนเทนต์ที่มีอยู่ในทุก ๆ วัน เช่น ละคร ซีรีส์ ภาพยนตร์ หรือโฆษณา นำมาตัดเป็นคลิปสั้น ๆ ลงใน TikTok เพราะผู้ใช้งานใน TikTok ชอบดูคอนเทนต์ประเภทนี้และมักจะติดตามเพราะอยากดูต่อ
- Remix : คือการเล่าเรื่องที่มีอยู่แล้ว มาเล่าในรูปแบบใหม่ที่เป็นตัวเรามากขึ้น โดยผู้ใช้งานใน TikTok ชื่นชอบเพราะดูเป็นธรรมชาติไม่เฟค
- Reimagine : นำรูปหรือวิดีโอที่มีอยู่แล้วแต่ใส่ effect ของ TikTok การทำเช่นนี้ TikTok จะช่วยดันวิดีโอของผู้ใช้งานให้มี engagement มากยิ่งขึ้น
- ใช้แฮชแท็ก : แฮชแท็กจะช่วยร้านและแบรนด์ต่าง ๆ ได้มากในการทำการตลาด TikTok โดยเฉพาะแฮชแท็กที่ติดเทรนด์ จะช่วยให้วิดีโอของร้านติดหน้าค้นหามากขึ้น จึงช่วยเพิ่มยอดวิวไปในตัวและสร้างจุด Touch point ให้กับลูกค้าได้อีกด้วย
3.โพสต์อย่างสม่ำเสมอช่วยเพิ่ม Touch point
TikTok Marketing ก็เหมือนกับการทำการตลาด Social Media Marketing แพลตฟอร์มอื่น ๆ คือต้องอาศัยความสม่ำเสมอ เพื่อระบบของ TikTok จะช่วยดันคลิปขอแบรนด์ให้กลุ่มเป้าหมายได้เห็นมากขึ้น ข้อแนะนำว่าควรมีตารางการโพสต์วิดีโอคอนเทนต์ให้ชัดเจนให้กำหนดเลยว่าจะโพสต์อาทิตย์ละกี่ครั้ง จากนั้นก็ทำเป็นประจำ เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าอยู่เสมอ แค่ทำตามนี้แบรนด์ก็จะเพิ่มผู้ติดตามได้แน่นอน และที่สำคัญยังช่วยเพิ่ม Touch point ได้อีกด้วย
4.ศึกษาและติดตามเทรนด์ที่เกิดขึ้นในแอปพลิเคชันอยู่เสมอ
หากอยากจะเป็นผู้ประสบความสำเร็จใน TikTok และมี Touch point แบบปัง ๆ ต้องขอบอกเลยว่าต้องสังเกตช่วงเวลานั้นผู้คนสนใจอะไรและไม่ชื่นชอบเรื่องราวแบบไหน เพื่อเป็นแนวทางในการคิดและทำคอนเทนต์ให้ตรงกับใจของผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องสนใจและติดตามอยู่เสมอก็คือการพัฒนาในตัวของแอปพลิเคชันว่ามีแบบไหนที่เราสามารถใช้งานได้ เพื่อเป็นเครื่องมือให้เราประสบความสำเร็จในการสร้างคอนเทนต์อีกนั่นเอง
5.ทำคอนเทนต์ร่วมกับคนดัง หรือ Influencer
เพราะว่า Influencer หรือ กลุ่มคนดังบนโลกโซเชียล สามารถขยายกลุ่มเป้าหมายใหม่ได้ จากฐานลูกค้าของเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ อีกทั้งยังสร้างกระแสให้กับแบรนด์ผ่าน Influencer เพราะคนดังเหล่านี้เปรียบเสมือนคนที่กลุ่มเป้าหมายไว้วางใจ และติดตามสิ่งต่าง ๆ อย่างเครื่องสำอาง เสื้อผ้า ร้านอาหาร เป็นต้น การที่ Influencer ร่วมมือกับแบรนด์ในการใช้สินค้าหรือบริการจะทำให้เกิดภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ดีขึ้น รวมถึงเพิ่มโอกาสยอดขายและเพิ่ม Touch point ให้กับแบรนด์อีกด้วย