เจาะกลยุทธ์การเติบโตของ Youpik แอปพลิเคชั่นมาแรง ก้าวใหม่ของ Social Commerce ตอบโจทย์แบรนด์และผู้บริโภค

  • 30
  •  
  •  
  •  
  •  

แม้ปีนี้เป็นปีที่หนักหนาสาหัสสำหรับหลายธุรกิจ แต่อย่างไรก็ตามนับว่าเป็นปีที่ E-Commerce เติบโตได้อย่างก้าวกระโดดมากทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้คนไทยคุ้นเคยและคล่องแคล่วกับการซื้อของออนไลน์มากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นมีหลายคนที่ใช้ช่องทางออนไลน์นี้มาสร้างเป็นแหล่งรายได้ใหม่จากการเติบโตของ E-Commerce นี้ด้วย อย่างรูปแบบของการร่วมงานกับแพลตฟอร์มที่เป็น Affiliate Marketing หรือการทำการตลาดออนไลน์ที่เราสามารถนำลิงก์สินค้าและบริการต่างๆ จากเว็บไซต์มาแนะนำหรือแชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อนำคนไปซื้อสินค้าหรือใช้บริการบนเว็บไซต์นั้นๆ โดยที่ผู้แชร์จะได้รับค่าคอมมิชชันหากสินค้าที่แนะนำถูกซื้อไป ซึ่งแม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ของวงการธุรกิจแต่ในเมืองไทยพบว่ามีการเติบโตอย่างเงียบๆ และเริ่มนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ

และหนึ่งในแอปฯ ที่ประสบความสำเร็จมากในปีนี้ได้แก่ Youpik ประเทศไทย” ที่แม้จะเพิ่งรันธุรกิจที่ไทยมาได้เพียงแค่ 1 ปีเศษ แต่ก็สามารถสร้างยอดการเติบโตได้อย่างน่าสนใจ และยังมีแบรนด์น้อยใหญ่เข้าร่วมมากมาย อะไรที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จครั้งนี้บ้าง และการทำงานร่วมกับแอปฯ Youpik สร้างรายได้สร้างโอกาสให้จริงหรือไม่ เราจึงขอโอกาสพูดคุยกับ หนึ่งผู้ก่อตั้ง Youpik ประเทศไทย “ฟอยลี่ – พิชญ์นันท์ วิทยานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด Youpik ประเทศไทย” ซึ่งยินดีที่จะมาบอกทุกเคล็ดลับความสำเร็จและการช่วยยกระดับ E-Commerce ไทยให้ก้าวกระโดดยิ่งขึ้น

การเติบโตของ E-Commerce ไทย ทำให้ต้องรีบคว้าโอกาส

พิชญ์นันท์ เล่าถึงสถานการณ์ธุรกิจ E-Commerce ประเทศไทยในปัจจุบันว่า จาก Data ที่ปรากฏ ซึ่งเชื่อว่าหลายๆ คนคงทราบมาบ้างแล้วว่าตลาดของ E-Commerce ไทยปี 2020 มีมูลค่าสูงมากถึง 220,000 ล้านบาท ซึ่งโตมาจากปีที่แล้วถึง 35% นอกจากนี้ เรายังมองเห็น Data มาจาก Global Digital Report ปี 2019 ที่ชี้ให้เราเห็นว่า 50% ของผู้ที่ซื้อสินค้าออนไลน์ จะซื้อผ่านสื่อโซเชียลมีเดียถึง 50% ตรงนี้เป็นตัวเลขที่สูงมาก ถ้าเกิดว่าเปรียบเทียบกับ เมืองจีน ตัวเลขนี้มีเพียง 27% เท่านั้น ดังนั้น เราจึงมองเห็นโอกาสผนึกกำลังกับแบรนด์และร้านค้าในการผลักดันการซื้อขายผ่านโซเชียลมีเดียมากขึ้น เราต้องการเป็นแอปพลิเคชั่นที่เอางบฯ การตลาดจากแบรนด์หรือเจ้าของสินค้ามาให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะผู้บริโภคเอาสินค้าพวกนี้ไปโปรโมทในสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งเกิดเป็นช่องทางหารายได้ใหม่ให้กับผู้บริโภคอีกทางหนึ่งได้

ทำความรู้จัก Youpik ช่องทางหารายได้ใหม่

และเมื่อตัดสินใจที่จะคว้าโอกาสจากการเติบโตของ E-Commerce แล้ว ผู้บริหารและทีมงานจึงตัดสินใจก่อตั้ง Youpik ในประเทศไทยเป็นที่แรก โดยแนะนำว่าเป็นแอปพลิเคชั่น Social Commerce ที่ทุกๆ คนสามารถเข้ามาซื้อสินค้าได้ปกติ แต่มากไปกว่านั้นคือ ฟีเจอร์พิเศษเฉพาะสมาชิก ที่เรียกว่า Youpikker ซึ่งจะได้รับสิทธิพิเศษ 2 ข้อด้วยกัน ได้แก่ ข้อแรก สมาชิกจะได้รับเงินคืน กับทุกๆ การซื้อสินค้าทุกตัวในแอปพลิเคชั่น ซึ่งปัจจุบันนี้ Youpik มีสินค้ามากกว่า 1 ล้านรายการด้วยกัน ข้อสอง เมื่อนำสินค้าจากแอปพลิเคชั่นไปโปรโมทในสื่อโซเชียลมีเดีย และมีคนมาซื้อสินค้าจากลิงก์ที่สมาชิกแชร์ออกไป สมาชิกก็จะได้รับค่าคอมมิชชัน ซึ่งค่าคอมมิชชันตรงนี้ก็เป็นงบฯ การตลาดจากแบรนด์หรือเจ้าของสินค้านั่นเอง มาจ่ายให้กับคุณเพราะถือว่า คุณได้ทำการตลาดให้กับสินค้านั้นๆ ซึ่งปัจจุบันนี้มีหนึ่งในสมาชิกที่โปรโมทสินค้าเยอะที่สุดของเรา มีรายได้มากถึงเดือนละ 1 ล้านบาท

Model ที่ตอบโจทย์ทั้งแบรนด์และผู้บริโภค

แล้วทำไม Youpik จึงเหมาะกับผู้บริโภคและผู้ประกอบการไทยในช่วงนี้ พิชญ์นันท์ อธิบายให้เราเห็นภาพมากขึ้นว่า เป็นเพราะนิยามการทำงานของคนไทยเปลี่ยนไปมาก ไม่ได้ทำงานแค่อาชีพเดียว แต่ปัจจุบันหลายคนมีอาชีพเสริมมีอาชีพที่สองเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการทำงานผ่านช่องทางออนไลน์

“เราจะเห็นว่าปีหลังๆ มานี้ คำจำกัดความของคำว่างาน เปลี่ยนไป ไม่ใช่งานออฟฟิศตอนเช้าแล้วก็ออกตอนเย็น แต่มีการหารายได้จากช่องทางออนไลน์มากขึ้น โดยเฉพาะการขายสินค้าในโซเชียลมีเดีย อย่างการออกมาทำ Live Streaming และอื่น ซึ่งเราต้องการเป็นแอปพลิเคชั่นที่ช่วยผลักดันการโปรโมทหรือขายสินค้าในสื่อโซเชียลฯ มากขึ้น โดยการเอางบฯ การตลาดจากแบรนด์หรือเจ้าของสินค้ามาจ่ายให้ผู้บริโภค เพราะเราเชื่อในพลังของการบอกต่อ เราเชื่อว่า Model นี้จะให้คุณประโยชน์ ทั้งกับทางฝั่งแบรนด์หรือเจ้าของสินค้าเองรวมไปถึงผู้บริโภคที่ชอบโปรโมทสินค้าด้วย”

แปรการใช้งานโซเชียลมีเดียให้เป็นรายได้

มากไปกว่าการเติบโตของ E-Commerce ทาง Youpik เองยังมองเห็นการเติบโตจากการใช้งานโซเชียลฯ ที่เพิ่มขึ้นของไทยด้วย โดย พิชญ์นันท์ ระบุว่าเราได้มองเห็นศักยภาพของ User ชาวไทยที่ปัจจุบันใช้เวลากับอินเตอร์เน็ต หนึ่งวันถึง 9 ชั่วโมงด้วยกัน จาก 9 ชั่วโมงนั้น 3 ชั่วโมงใช้ไปกับโซเชียลมีเดีย ซึ่งเวลา 3 ชั่วโมงในโซเชียลมีเดียสามารถแปรรูปออกมาเป็นรายได้ โดยเฉพาะเมื่อคุณออกมาสร้างคอนเทนต์ หรือโปรโมทสินค้า ซึ่งปกติเราก็มักจะเห็นคอนเทนต์ของการรีวิวสินค้าหรือการบอกต่อสินค้าดีลงในโซเชียลมีเดีย ดังนั้น นี่จึงเป็นโอกาสดีที่คุณสามารถสร้างเป็นรายได้ให้เกิดขึ้นได้

ร้านค้าหรือแบรนด์ จ่ายค่าการตลาดแบบ Cost per sale

เราพอทราบแล้วว่า User ที่เข้าร่วมเป็น Youpikker จะได้สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง แล้วทางฝั่งแบรนด์หรือร้านค้าล่ะได้อะไร พิชญ์นันท์ บอกว่า ความแตกต่างระหว่างเรากับแพลตฟอร์มอื่นคือ เมื่อคุณเปิดร้านค้าออนไลน์ ส่วนใหญ่แล้วคนที่เข้ามาเลือกดูสินค้าของคุณจะเป็นผู้บริโภคโดยตรง แต่ว่าการเปิดร้านค้ากับ Youpik คุณจะมีผู้บริโภคเข้ามา 2 ประเภท ก็คือผู้บริโภคที่เข้ามาต้องการซื้อสินค้า และกลุ่มที่ 2 สมาชิกของเรา ซึ่งก็คือนักโปรโมทที่เข้ามาหาสินค้าเพื่อนำไปบอกต่อในโลกโซเชียลฯ  ซึ่งอย่างที่เกริ่นตอนแรกว่าตอนนี้พลังของการบอกต่อผ่านโซเชียลฯ มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ

นอกจากนี้ การขายสินค้าบน Youpik เป็นโมเดลในลักษณะที่เรียว่า Cost per sale” ซึ่งหมายความว่าแบรนด์จะจ่ายงบฯ การตลาด ก็ต่อเมื่อสินค้าตัวนั้นมีการซื้อขายอย่างเสร็จสมบูรณ์แล้วนั่นเอง ดังนั้น เมื่อสมาชิกของเราหยิบสินค้าของคุณไปโปรโมทในโลกโซเชียลฯ คุณก็จะได้รับการมองเห็นและพูดถึง ซึ่งสื่อตรงนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นอยากเน้นว่าการให้โปรโมชันที่ดี และการให้สต๊อกที่เพียงพอก็จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยทำให้สินค้าขายได้ เพราะว่า Youpikker ของเรา ก็จะคัดเลือกสินค้าที่มีโปรโมชันที่ค่อนข้างแรง และก็มีจำนวนสต๊อกที่มากพอเพื่อนำไปโปรโมทต่อ

พัฒนาทักษะการเป็น Influencer อย่างมีประสิทธิภาพ

Youpik มีสื่อการเรียนการสอนที่มาช่วยแนะนำสมาชิกที่เริ่มต้นใหม่ๆ เรียกว่า Youpik Academy ซึ่งจะสอนตั้งแต่ฟังก์ชันการใช้งานพื้นฐานไปจนถึงวิธีการโปรโมทสินค้าให้ประสบความสำเร็จ นอกเหนือจากนี้ เรายังมี LINE Account ชื่อว่า Youpik Lobby ซึ่งสมาชิกสามารถเข้ามาสอบถามปัญหาได้

ตอกย้ำความสำเร็จผ่านรางวัลใหญ่ระดับเอเชีย

ปัจจุบันนี้มีแบรนด์ที่ขายอยู่บนแพลตฟอร์ม Youpik มากกว่า 500 แบรนด์ ทั้งแบรนด์ไทยและต่างประเทศ ซึ่งจะครอบคลุมหลายๆ หมวดหมู่ อาทิ L’Oréal GQ  Sabina Dettol MamyPoko และ Babylove เป็นต้น ในขณะที่ปัจจุบันนี้มีผู้ใช้งานกับแอปพลิเคชั่น มากกว่า 3 ล้านคนแล้ว

ในขณะที่หลายธุรกิจประสบปัญหาหนักในปีนี้ แต่ Youpik กลับมียอดการเติบโตที่ดี ซึ่งกลยุทธ์สำคัญที่ใช้ พิชญ์นันท์ เผยว่า มันคือ Word of Mouth รวมไปถึงการสร้างแคมเปญทางการตลาดต่างๆ และใช้โปรโมชันที่ดึงดูดใจทำให้ผู้บริโภคเอาโปรโมชันของเราไปบอกต่อด้วย นอกจากนี้ เรายังมีการทำคอนเทนต์ควบคู่ไปด้วย เนื่องจากเรายังเป็นแอปพลิเคชั่นที่ค่อนข้างใหม่ ยังอาจจะมีหลายๆ คนที่อาจจะยังใช้แอปพลิเคชั่นของเราไม่ถนัดมือ ดังนั้น เราจะสร้างซีรีส์ใน Youtube ซึ่งเรียกว่า Guru Youpik เป็น Episode สั้นๆ แนะนำให้คนที่มาเป็นสมาชิกสามารถเข้าใจแอปพลิเคชั่นของเราได้ง่ายขึ้นด้วย

ล่าสุดนี้ ตอกย้ำความสำเร็จของ Youpik ได้ดีคือรางวัล จาก Marketing Ecommerce Asia Awards สาขา Influencer ซึ่งค่อนข้างใกล้เคียงกับการทำงานของสมาชิก Youpikker เพราะว่า Youpikker ก็เป็นเหมือนกึ่งๆ Influencer คุณสามารถเอาสินค้าไปโปรโมทและรับค่าคอมมิชชันได้โดยไม่ต้องรอให้แบรนด์หรือผู้ประกอบการมาจ้างเลย

ใช้เทคโนโลยี AI ช่วยสนับสนุนการทำงาน

และอีกปัจจัยที่ทำให้ Youpik ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำได้อย่างรวดเร็วก็คือ การนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อพัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น Youpik นำเทคโนโลยี AI มาใช้ในงาน Product Recommendation โดยเราจะใช้ AI เข้ามาประมวลผล และคัดเลือกสินค้าต่างๆ ที่มีมากกว่า 1 ล้านรายการว่าตัวไหนเหมาะกับคุณ ซึ่งระบบจะศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภค จากการกดเลือกกดดูสินค้าต่างๆ ที่ผ่านมา แล้วก็ Identified ออกมาเป็นแพทเทิร์น หลังจากนั้นระบบ AI จะทำการแนะนำสินค้าไปให้กับผู้บริโภค เพราะฉะนั้นผู้บริโภคแต่ละคนเมื่อเปิดแอปพลิเคชั่นของเราขึ้นมาจะเห็นสินค้าที่ระบบเราแนะนำให้ โดยแต่ละคนก็จะแนะนำแตกต่างกันออกไป

Youpik ช่วยสนับสนุนการขับเคลื่อน E-Commerce ไทย

พิชญ์นันท์ ยังเล่าถึงในช่วง Lock down ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่า แอปฯ Youpik ได้มีส่วนช่วยสร้างรายได้ให้กับหลายๆ แบรนด์ด้วย โดยกล่าวว่า ช่วงที่เมืองไทยเรา Lock down ห้างร้านก็ปิดไปก็ทำให้ผู้ประกอบการ ไม่สามารถขายสินค้าออฟไลน์ได้ ช่วงเวลานั้นเราได้มีการพาร์ทเนอร์กับจาก L’Oréal ประเทศไทย ที่ให้น้องๆ Beauty Advisor มาโปรโมทสินค้า L’Oréal ผ่านช่องทางของ Youpik ซึ่งทำให้น้องๆ พนักงานยังคงมีรายได้จากการโปรโมทสินค้าออนไลน์ช่วง Lock down

นอกจากนี้ เรายังมีการทำพาร์ทเนอร์ชิพกับ V. Group โดยให้ Youpikker ของเราโปรโมทรถยนต์และก็ได้รับค่าคอมมิชชันจากแบรนด์รถยนต์ซึ่งมีด้วยกันถึง 8 แบรนด์ และมีการทำพาร์ทเนอร์ชิพกับ Siamese Asset ให้ Youpikker ของเราโปรโมทคอนโดมีเนียมและรับค่าคอมมิชชัน เรียกว่าเป็นความหลากหลายของผลิตภัณฑ์จาก Youpik

Youpik ดาวรุ่งแห่งวงการ Startup

สำหรับทิศทางที่จะก้าวต่อไปในปีหน้าของ Youpik บริษัท Startup ที่ยังเล็กอยู่ แต่ถ้าเกิดมองอัตราการเติบโตของแอปพลิเคชั่น Youpik ค่อนข้างโตเร็วมาก เพราะก่อตั้งได้เพียง 1 ปี แต่ก็มีผู้ใช้งานแล้วถึง 3 ล้านคน เพราะฉะนั้นปัจจุบันและปีหน้าสิ่งที่ Youpik จะโฟกัสไปก็คือการพัฒนาระบบให้แข็งแรงขึ้น เพื่อรองรับผู้ใช้งานที่เข้ามาเยอะขึ้น รวมไปถึงการพัฒนา User Experience ทำให้ผู้ที่ใช้แอปฯ ของเรา มีความประทับใจและอยากจะบอกต่อให้กับเพื่อนและครอบครัวที่รู้จัก

“ล่าสุดเรามีข่าวดีที่ทีมงาน Youpik อยากจะแจ้งให้ทราบก็คือ เราได้รับ Funding จาก eWTP ซึ่งเป็นกลุ่มนักลงทุนที่สนับสนุนโดย Alibaba ซึ่งทุนนี้เราจะนำมาพัฒนาและก็ปรับปรุงระบบเป็นหลักรวมไปถึงการทำการตลาดเพื่อให้คนไทยได้รู้จักแอปพลิเคชั่นเรามากขึ้น เพราะฉะนั้นปีหน้าจะเป็นปีที่มีแคมเปญที่น่าตื่นเต้นให้กับตลาดเมืองไทยอย่างแน่นอน”

นับเป็นความน่าสนใจของการทำ Social Commerce ซึ่งปัจจุบันกำลังมาแรงมาก รวมไปถึงการรู้จักใช้พลังของการบอกต่อ โดยตรงจาก consumer ซึ่งถือว่าเป็นแอปพลิเคชั่นที่มาถูกทางถูกจังหวะมากในช่วงนี้ นั่นจึงทำให้ Youpik ก้าวขึ้นมาและเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่นับจากนี้การเปลี่ยนแปลงยังไม่สิ้นสุด Youpik จะเตรียมพร้อมอย่างไรต่อไป คงต้องจับตามแอปฯ นี้ให้ดี เพราะเชื่อว่าจะสามารถก้าวทันโลกได้อย่างแน่นอน


  • 30
  •  
  •  
  •  
  •