ปีเถาะ หรือปีกระต่าย กำลังจะผ่านไปแล้ว ขอให้ทุกคน “ฉ่ำ” ชื่นสุขใจกันให้เต็มที่ก่อนที่จะอำลาไปและเริ่มต้นปีใหม่ ปี 2567 กันอย่างสดใส
และเป็นประจำเช่นทุกปีที่ Marketing Oops! เราจะคัดเลือก ที่สุดแห่งปี ที่สร้างประเด็นอิมแพ็คสะเทือนวงการในช่วงปี 2023 ที่ผ่านมา สำหรับปีนี้ เราขอยกให้ 5 เรื่องสุดร้อนแรง ดังนี้
Year of AI : การถือกำเนิดของ Generative AI และการแข่งขันของ Tech Company
ปี 2023 เป็นปีของ AI อย่างไม่ต้องสงสัย และจุดเริ่มต้นปรากฎการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจาก ChatGPT ถูกปล่อยให้คนได้ใช้งานในช่วงปลายปี 2022 ก่อนจะทำสถิติโลกมีผู้ใช้งานถึง 100 ล้าน User เร็วที่สุดในโลก ด้วยช่วงเวลาเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น จนทำให้ในปี 2023 “Generative AI” กลายเป็นคำที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคนหนึ่งในทุกๆวงการ
Generative AI ที่มีความสามารถในการสร้างทั้งจากข้อความเป็นข้อความ แบบ ChatCPT จากข้อความเป็นภาพแบบ Midjourney หรือ Dall-E หรือแม้แต่ ข้อความเป็นเสียง หรือข้อความเป็นวิดีโอได้ เทคโนโลยี AI กลายเป็นกระแสและมีความสามารถนำไปใช้ในโลกธุรกิจแทบทุกอุตสาหกรรม สามารถเพิ่ม Productivity ได้อย่างมหาศาลและความสามารถมากมายเหล่านี้ทำให้ AI เป็นเรื่องที่อยู่บนหน้าสื่อได้ทุกๆวัน
ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันกันพัฒนา AI ระหว่างบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Google ที่เปิดตัว Bard ออกมาแข่งในช่วงต้นปี ก่อนที่ Microsoft จะสวนกลับด้วย Bing Chat ในเวลาไม่กี่วันต่อมา ในขณะที่ ChatGPT เองก็พัฒนาต่อเนื่องจาก GPT-3.5 สู่ GPT-4 ที่เปิดให้ใช้บริการผ่าน ChatGPT Plus แบบเก็บค่าบริการรายเดือน ในขณะที่ Google เปิดตัว Gemimi LLM ที่อ้างว่าเก่งกว่า GPT-4 ในช่วงปลายปี 2023 นี้เอง
อย่างไรก็ตามแม้ AI จะมีความสามารถน่าทึ่งจนถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ของโลกนี้ แต่ปัจจุบันก็ยังคงมีปัญหาทั้งเรื่องของการ Hallucination หรือการหลอนให้ข้อมูลผิดๆ ปัญหาในแง่กฎหมายเรื่องของลิขสิทธิในการใช้ข้อมูลในการนำมาเทรนให้ AI รวมไปถึง รูปภาพหรือข้อมูลที่สร้างโดย AI และถูกนำมาใช้ในทางที่ผิดซึ่งการใช้งานในเวลานี้ก็ต้องมีความระมัดระวัง และในอนาคตก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมีมาตรฐาน Regulation เกี่ยวกับการใช้งาน AI ในอุตสาหกรรมต่างๆกันอย่างไร
Year of EV : เทรนด์ EV พุ่งทะยานรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ถือเป็นความแรงต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาของตลาด EV ในประเทศไทย และปฏิเสธไม่ได้ว่า EV ส่วนใหญ่ที่มียอดขายจำนวนมากล้วนเป็น EV สัญชาติจีน โดยเฉพาะ BYD Seal ที่เพิ่งเปิดตัวเรียกความสนใจได้อย่างมากมายจากตลาด นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ใหม่ๆ ที่ทะยอยเข้ามาเปิดตัวในประเทศไทยอย่าง AION และ CHANGAN (ฉางอัน) ที่สร้างความฮือฮาได้ไม่แพ้แบรนด์ EV รุ่นพี่จากจีนที่ยังมีรุ่นใหม่ๆ ออกมารับตลาด
ฝากฝั่งแบรนด์จากยุโรปเองก็มีการบุกตลาด EV อย่างต่อเนื่อง หรือแม้แต่ยักษ์ใหญ่อย่าง Tesla ก็มีการเชื้อเชิญให้เข้ามาลงทุนโดยรัฐบาล และอีกภาพของ EV ที่ชัดเจนในปีนี้ คือการเข้ามาตั้งโรงงานผลิตของหลายๆ ค่าย ซึ่งหมายความว่าโอกาสที่ราคารถและอะไหล่มีแนวโน้มที่จะถูกลง รวมไปถึง ecosystem ต่างๆ ตั้งแต่การพัฒนาจุดชาร์จ ประกันภัยรถ EV และการพัฒนาฝีมือช่างด้าน EV มีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปี 2024 อาจจะเป็นอีกปีที่ EV จะมีการแข่งขันที่ดุเดือดยิ่งกว่าในปีนี้
Year of หมาล่า : “หมาล่าฟีเวอร์” ปรากฏการณ์เทรนด์ร้านอาหารมาแรงแห่งปี 2023
ปี 2023 เป็นปีที่ธุรกิจร้านอาหารในไทยที่มีมูลค่ากว่า 400,000 ล้านบาทกลับมาคึกคัก โดยเฉพาะร้านประเภทหม้อไฟ และปิ้งย่าง หนึ่งในปรากฏการณ์มาแรงแห่งปี ต้องยกให้กับ “หมาล่าฟีเวอร์” ซึ่งเป็นกระแสมาสักพักหนึ่งแล้วตั้งแต่ช่วง COVID-19 และมาพีคสุดๆ เมื่อคนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้านตามปกติในช่วง 1 – 2 ปีนี้ มาจาก 5 ปัจจัยหลัก ประกอบด้วย
- การเกิดขึ้นของร้านหม้อไฟหมาล่าในไทย ทั้งเชนร้านหม้อไฟรายใหญ่จากจีน Hai Di Lao ปักหมุดเปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัลเวิลด์ในปี 2019 ก่อนจะขยายสาขาไปยังทำเลโซนต่างๆ โดยมีน้ำซุปหมาล่าเป็นหนึ่งในน้ำซุปยอดนิยม รวมทั้งยังมีร้านของผู้ประกอบการรายย่อย ผู้ประกอบการขนาดกลาง เช่น สุกี้จินดา ร้านหมาล่าสายพาน, Hotpot Man และร้านหม้อไฟหมาล่าอีกมากมายที่ทยอยเปิด กระจายอยู่ตามทำเลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นย่านของกิน ย่านออฟฟิศ ย่านชุมชน หรือย่านที่อยู่อาศัย ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่าย ไม่ว่าไปที่ไหนก็เจอร้านหมาล่า
- เชนใหญ่จับกระแสหมาล่า เปิดตัวแบรนด์ใหม่ – พัฒนาเมนูหมาล่า จากความร้อนแรงของเทรนด์หมาล่า ทำให้กลุ่มเชนใหญ่ก็ไม่พลาดตกขบวนด้วยเช่นกัน อย่างเชนร้านสุกี้รายใหญ่ของไทย MK ทำแคมเปญเอเชียน ซิกเนเจอร์ที่มาพร้อมซุปหมาล่าเสฉวน จำหน่ายเฉพาะช่วงจัดแคมเปญเท่านั้น, Minor Food Group เปิดตัวแบรนด์ ริเวอร์ไซด์ กริลล์ ฟิช แอนด์ หมาล่า, สุกี้ตี๋น้อย ทำน้ำซุปหมาล่าด้วยเช่นกัน เพื่อเอาใจชาวหมาล่าเลิฟเวอร์ (Mala Lover), “บาร์บีคิวพลาซ่า” ส่งเมนูหมาล่าไฟลุก หรือแม้แต่เชนไก่ทอดเกาหลีอย่าง “บอนชอน” จับกระแสหมาล่าเช่นกัน ออกเมนูพิเศษหมาล่าบอนชอน ขายเฉพาะช่วงจัดแคมเปญ
- ราคาหลักร้อย ถึงหลักพัน ด้วยความที่เกิดร้านหม้อไฟหมาล่า และเมนูหมาล่ามากกมาย ย่อมทำให้การแข่งขันในตลาดนี้เป็น Red Ocean โดยมีตั้งแต่เซ็กเมนต์ Affordable Price ในราคาหลักร้อย ไปจนถึงเซ็กเมนต์ Premium ราคาหลักพัน ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกหลากหลายในการใช้บริการ
- กระแสใน Social Media ขยายสู่เทรนด์ฮิต เมื่ออาหารการกินกลายเป็นไลฟ์สไตล์ มีทั้ง Influencer และผู้บริโภคทั่วไปรีวิว บอกต่อ หรือแชร์กันใน Social Media จนเกิดกระแส อย่างปรากฏการณ์หมาล่า ติดเทรนด์บนแพลตฟอร์ม X และเป็นกระแสใน TikTok เกิดการตามรอยร้านที่กำลังเป็นที่พูดถึงกัน ก็ยิ่งจุดให้กระแสนั้นขยายในวงกว้าง ซึ่ง่สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคดิจิทัลคือ “FOMO” (Fear Of Missing Out) กลัวตัวเองจะตกเทรนด์ฮิต หรือตกกระแส และอยากจะรู้ อยากไปลอง อยากแชร์ จึงเกาะติดสื่อสังคมออนไลน์ และไม่พลาดเทรนด์ฮิตที่กำลังเกิดขึ้น
- การขยายตัวของธุรกิจค้าส่งอาหาร จากแนวโน้มการขยายตัวของธุรกิจร้านอาหารในไทย ทำให้ “ตลาดค้าส่งอาหาร” เติบโตตาม เช่น การขยายสาขาของ Makro Food Service และล่าสุด GO Wholesale กลายเป็นแหล่งจัดซื้อวัตถุดิบสดของผู้ประกอบการ้านอาหาร โดยเฉพาะรายย่อย และขนาดกลางเข้าถึงวัตถุดิบได้สะดวกขึ้น ง่ายขึ้น ในราคาขายส่ง เช่น เนื้อสัตว์, เม็ดหมาล่า, ซอสหมาล่า, พริกหมาล่า ฯลฯ
และนี่คือ 5 เหตุผลว่าทำไมปี 2023 เทรนด์ธุรกิจร้านอาหารและอาหารจึงเป็นปีแห่งหมาล่า
Year of M&A : ปีแห่งการควบรวมธุรกิจยักษ์ใหญ่ระดับตำนาน
นอกจากนี้ยังมีดีลการควบรวมอีกกรณีที่ถือว่าใหญ่ไม่แพ้กันกับการที่ บางจาก เข้าซื้อหุ้น เอสโซ่ (ประเทศไทย) จาก ExxonMobil Asia Holdings Pte. Ltd. ในสัดส่วน 65.99% และจะซื้อในส่วนที่เหลือช่วงปลายปี 2023 ปิดฉากตำนาน “จับเสือใส่ถัง” กว่า 129 ปี ซึ่งจะช่วยให้บางจากสามารถเข้าดำเนินการธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันกำลังการกลั่น 174,000 บาร์เรลต่อวัน รวมถึงเครือข่ายคลังน้ำมันและสถานีบริการทั่วประเทศกว่า 800 แห่งได้ทันที
แถมอีกนิดกับดีลปลายปีที่ AIS สามารถควบรวมกับ 3BB ได้ ส่งผลให้ AIS ก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดอินเตอร์ความเร็วสูงผ่านไฟเบอร์ออปติกในแง่ปริมาณผู้ใช้งาน และยังได้ไฟเขียวจาก กสทช.ที่ดูเหมือนว่าจะราบรื่นกว่าอีกดีลด้านโทรคมนาคม
Year of Concert & Music Festival : จับจังหวะ ‘อุตสาหกรรมดนตรี’
ปรากฏการณ์คอนเสิร์ตในปี 2023 เรียกว่าเป็นมหกรรมแห่งความสุขตลอดทั้งปี สร้างเม็ดเงินมหาศาลทั้งไทย – เทศ การจัดทัวร์คอนเสิร์ต ทำให้เกิดรายได้นอกรายได้ทางตรงจากการขายบัตร ยังมีรายได้แฝงอย่างการสินค้าจำหน่ายที่ระลึก บริการร้านอาหาร ที่พัก ระบบขนส่งมวลชน รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านอื่น ๆ กระตุ้นเศรษฐกิจวงกว้างได้อีกด้วย ประเภทของงานอีเวนต์ด้านดนตรี ประกอบด้วย คอนเสิร์ต, เฟสติวัล, แฟนมีตติ้ง โดยเฉพาะทัวร์คอนเสิร์ตของศิลปินที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก การจัดทัวร์คอนเสิร์ตในลักษณะ “World Tour” ที่ตระเวนจัดทัวร์คอนเสิร์ตไปตามเมืองหรือประเทศต่างๆ ซึ่งเป็นการดึงดูดให้ผู้ชมจากทั่วทุกมุมโลก ได้ชมทัวร์คอนเสิร์ตของศิลปินที่ชื่นชอบจากสถานที่ที่ตนสามารถเดินทางไปได้ และทำให้เกิดรายได้และมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาลตามมา
สถิติคอนเสิร์ต ประเทศไทยในปี 2022 นั้น มีคอนเสิร์ตทั้งหมด 210 งาน เพิ่มขึ้นจากปี 2019 กว่า 22% และมีการคาดการณ์ว่าในอีก 4 ปีข้างหน้ามีการคาดการณ์ว่า มูลค่าทางเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมอีเวนต์ด้านดนตรี จะเติบโตและสร้างมูลค่าสูงถึง 1.26 ล้านล้านบาท โดยอีเวนต์ด้านดนตรีอย่าง ‘ทัวร์คอนเสิร์ต’ กลายเป็นหนึ่งใน Soft Power ที่ทรงพลังและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับโลกอย่างมหาศาล ซึ่งใน ปี 2023 มีมูลค่าโดยรวมสูงถึง 1.17 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว
รวมคอนเสิร์ตที่สร้างปรากฎการณ์ทางเศรษฐกินทั้งในไทยและต่างประเทศ
Taylor Swift : The Eras tour 2023 รอบการแสดง : 131 โชว์ ใน 17 รัฐของสหรัฐอเมริกาและ 5 ทวีปทั่วโลกหนึ่งในทัวร์คอนเสิร์ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ดนตรี ความสำเร็จของป๊อปสตาร์สาวแห่งยุคครั้งนี้ดันยอดขายตั๋วรับชมคอนเสิร์ตสูงทะลุพันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 45,723 ล้านบาท
Harry Styles : Love On Tour 2023 อดีตสมาชิกของวง One Direction ประกาศเวิล์ดทัวร์ร้างปรากฎการณ์กวาดรายได้สูงสุดเป็นอันดับสามของโลก ทำรายได้ไป 124 ล้านดอลลาร์ จากการแสดง 34 รอบจำนวนผู้เข้าชม 5.3 ล้านคน รวมถึงในไทยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งจากการคาดการณ์มูลค่าทางเศรษฐกิจ ทัวร์คอนเสิร์ตของ Harry Styles จะสร้างมูลค่าได้มากถึง 14.3 พันล้านบาท
Beyoncé : Renaissance พบปะแฟนๆ กว่า 2.7 ล้านคน จากการแสดงสุดยิ่งใหญ่กว่า 56 รอบ ซึ่งเวิลด์ทัวร์ครั้งนี้ก็ทำให้เธอได้ครองตำแหน่งศิลปินเดี่ยวชาวอเมริกันที่กวาดรายได้จากการทัวร์คอนเสิร์ตมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยจำนวนเงินกว่า 579 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราวๆ 21,527.2 ล้านบาท ซึ่งเปิดแสดงที่แรกในสวีเดนและอีกหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงถึง 98.6 พันล้านบาท
Black Pink : Born Pink World Tour จำนวนผู้เข้าชม 1.5 ล้านคน รอบการแสดง 64 โชว์ ทัวร์คอนเสิร์ตสายเกา เอาใจเหล่าชาว ‘Blink’ โดย 4 สาวซูเปอร์สตาร์ Black Pink จากค่าย YG Entertainment ที่จุดกระแสความนิยมไปทั่วโลก กวาดรายได้ 163.8 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมถึงกระแสไวรัลจากการเดินทางไปท่องเที่ยว หรือทานอาหารท้องถิ่น ก็ทำให้เกิดกลุ่มแฟนคลับที่อยากตามรอย 4 สาว ซึ่งสร้างรายได้ในภาคการท่องเที่ยวตามมาอย่างต่อเนื่อง
Coldplay : Music Of The Spheres World Tour จำนวนผู้เข้าชม 8.5 ล้านคน กวาดรายได้ทั้งหมด 561.2 ล้านเหรียญ ซึ่งมีการคาดการณ์มูลค่าทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นราวๆ 24 พันล้านบาท จากการจัดทัวน์คอนเสิร์ตในครั้งนี้
Coachella : เทศกาลดนตรีที่แหล่งรวม ‘Soft Power’ จากทั่วโลก ในปี 2022 ยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขรายได้จริงของ Coachella แต่มีผู้เข้าร่วมงาน 750,000 คน เทศกาลดนตรีระดับโลกนี้อัดฉีดเม็ดเงินให้กับเศรษฐกิจราว 704 ล้านเหรียญหรือราว 2.4 หมื่นล้านบาท โดยสร้างเม็ดเงินในเมือง Indio แห่งเดียวมูลค่า 106 ล้านเหรียญหรือราว 3.6 พันล้านบาท
นี่คือตัวอย่างของมหกรรมอีเวนต์ทางดนตรียุคหลังโควิด-19 พฤติกรรมผู้บริโภคต้องการอะไร คือ กลุ่มผู้บริโภคเต็มใจที่จะใช้จ่ายเงินให้กับสิ่งที่พวกเขาพลาดไปในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม และก็ยังเป็นเทรนด์ให้นักการตลาดมองเห็นอะไรบางอย่างได้ขึ้นมา
ทั้งหมดนี้คือ 5 Year of 2023 กับ 5 ที่สุดแห่งปี “กระต่าย” ที่ Marketing Oops! ขอยกมงให้กับ 5 ประเด็นร้อนสร้างอิมแพ็คแห่งปีนี้