จับ 5 เทรนด์เทคโนโลยีที่ธุรกิจและพนักงานต้องเรียนรู้รับมือการทำงานยุคใหม่ 2025

  • 57
  •  
  •  
  •  
  •  

ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันทำให้การทำธุรกิจกลายเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น และในความเป็นจริงมันง่ายขนาดนั้นหรือเปล่า?  เพราะหลายครั้งที่หลายธุรกิจใช้ AI แบบเดียวกัน แต่กลับได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน นั่นชี้ให้เห็นว่า แม้จะใช้เทคโนโลยีที่เคยประสบความสำเร็จในธุรกิจนั้น จะสามารถใช้แล้วประสบความสำเร็จกับอีกธุรกิจได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับธุรกิจจะเข้าใจเทคโนโลยีและปรับใช้ให้เข้ากับธุรกิจได้อย่างตัว

ซึ่งจากงาน “ttb spark REAL change” มีการชี้ให้เห็นเทรนด์ของธุรกิจในการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้โดยเฉพาะ AI ที่ในปีนี้คือเป็นปีที่สำคัญอย่างมากของธุรกิจ รวมไปถึงการปรับตัวของพนักงานให้เข้ากับการทำงานของ AI ซึ่งสามารถสรุปออกมาได้ทั้งสิ้น 5 เทรนด์ที่สำคัญ ที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับใช้เทคโนโลยีให้เข้ากับบริบทของธุรกิจและช่วยให้พนักงานสามารถทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างลงตัว

 

AI เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

หนึ่งในเทรนด์ที่เห็นได้อย่างชัดเจน นั่นคือการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี AI ตลอดระยะเวลาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นอกจาก ChatGPT แล้วยังมีผู้ให้บริการด้าน AI อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Gemini หรือ CoPilot  อ่านก็ถูกพัฒนาออกมาเพื่อใช้เป็นเครื่องมือสำคัญให้กับธุรกิจ ไม่เพียงเท่านี้การเข้ามาของ DeepSeek ยังชี้ให้เห็นว่า การพัฒนา AI เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วมากขึ้น ที่สำคัญยังมีราคาที่ลดลง

ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของเทคโนโลยี AI ทำให้ธุรกิจมีโอกาสในการเลือกใช้เทคโนโลยีได้อย่างมากมาย เพื่อให้สามารถสอดรับกับบริบทต่างๆ ของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลางหรือขนาดใหญ่ โดยสิ่งที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญในการเลือกใช้ AI มีด้วยกัน 3 ประการ ประกอบไปด้วย

  • ใช้เทคโนโลยี AI เพื่อทำให้ใช้ต้นทุนถูกที่สุด
  • ใช้เทคโนโลยี AI เพื่อทำให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุด
  • ใช้เทคโนโลยี AI โดยทำให้ความเร็วของธุรกิจเท่ากับความต้องการของมนุษย์

นั่นจึงทำให้หลายธุรกิจเริ่มใช้ AI ในรูปแบบ Agentic AI ที่จะช่วยให้การทำงานในแต่ละแผนก สะดวกรวดเร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้น ช่วยลดความซ้ำซ้อนของการทำงาน และยังช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว

 

AI สำหรับธุรกิจขนาดเล็กควรใช้เพียงตัวเดียว

แม้จะมีเทรนด์การใช้ Agentic AI ที่ช่วยให้การทำงานของธุรกิจสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น แต่เป็นการชี้ให้เห็นว่า Agentic AI เหมาะกับการทำงานภายในองค์กร โดยเฉพาะการสื่อสารภายในองค์กร เพื่อช่วยให้การขับเคลื่อนส่งผ่านข้อมูลภายในธุรกิจสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ซึ่ง Agentic AI เหมาะกับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีหลายแผนกและมีความซับซ้อนในการทำงานมากมาย

ขณะที่ธุรกิจขนาดเล็กการใช้งาน Agentic AI อาจไม่เหมาะสม ดังนั้นเทรนด์การใช้ เทคโนโลยี AI สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ควรจะใช้ AI เพียงตัวเดียว โดยให้เรียนรู้ผ่านข้อมูลทั้งหมดของธุรกิจ นั่นเพราะการใช้ AI หลายๆ ตัวจะทำให้ธุรกิจต้องใช้ต้นทุนค่อนข้างสูง ที่สำคัญจะทำให้ AI ที่แยกออกไปในแต่ละงานมีความไม่ฉลาด แถมยังก่อให้เกิดความซ้ำซ้อนในการทำงาน

ดังนั้นสำหรับธุรกิจขนาดเล็กแล้ว การใช้เทคโนโลยี AI มีความสำคัญและต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบในการใช้งาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดด้วยต้นทุนที่สามารถควบคุมได้ แม้ว่าจะมีเทคโนโลยี AI หลายตัวให้เลือกใช้ในราคาที่ไม่แพงมาก แต่การใช้เทคโนโลยี AI เพียงตัวเดียวบนฐานข้อมูลทั้งหมดของธุรกิจ จะช่วยให้ AI นั้นมีความฉลาดและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจ

 

เปิดปีแห่งการใช้ AI จริงในธุรกิจ

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจะเห็นว่าหลายธุรกิจมีการนำ AI เข้ามาใช้ในการขายและการให้บริการ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ช่วงหลายปีที่ผ่านมาอาจเรียกได้ว่า เป็นการทดลองใช้ AI ในธุรกิจมากกว่าการใช้งานจริง ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการทดลองหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับธุรกิจและต้นทุน อีกส่วนหนึ่งเป็นการสร้างการเรียนรู้ให้กับ AI ผ่านการจัดเก็บและรวบรวมทุกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ

แต่ในปีนี้จะเป็นปีที่ธุรกิจมีการนำ AI เข้ามาใช้งานจริง เนื่องจากเทคโนโลยี AI มีราคาที่ถูกลงและมีความหลากหลาย ทำให้ธุรกิจสามารถเลือกนำมาใช้ได้อย่างเหมาะสมกับธุรกิจ รวมไปถึงพนักงานที่จะมีการนำ AI เข้ามาใช้ร่วมกับการทำงาน ส่งผลให้ AI คือโอกาสของทุกคน ทุกธุรกิจ โดยในปีนี้จะเห็นเทรนด์การใช้ AI อย่างจริงจังทั้งในธุรกิจและผู้คนทั่วไป ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสให้กับการทำงานของธุรกิจและผู้คน

ขณะที่ธุรกิจหรือผู้คนที่ยังไม่ได้ใช้ AI ปีนี้ยังถือเป็นปีที่สำคัญ ที่ช่วยให้ธุรกิจและผู้คนสามารถเข้าถึง AI ได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเปิดโอกาสให้กับการทำงานมากขึ้นตามไปด้วย ในทางกลับกันธุรกิจและผู้คนที่ยังไม่ใช้ AI และไม่คิดจะใช้ AI อาจจะทำให้เกิดอุปสรรคในการทำงาน โดยกรณีศึกษาที่มีการหยิบยกเด็กจบใหม่ที่สามารถใช้งาน AI ได้ในเงินเดือน ที่น้อยกว่าคนที่ทำงานมานานที่เก่งโดยไม่ใช้ AI แต่ได้ผลลัพธ์ที่เท่ากัน

 

AI ยังคงเป็นผู้ช่วยคนทำงาน

แม้ AI จะสามารถพัฒนาการทำงานในรูปแบบของ Agentic AI ที่จะถูกฝังอยู่ในทุกแผนกของธุรกิจ จนอาจทำให้ธุรกิจมองว่าการใช้เทคโนโลยี AI สามารถเข้ามาทดแทนพนักงานได้อย่างสมบูรณ์ในแต่ละแผนก ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว แม้ AI จะได้รับการพัฒนาให้มีความฉลาดและมีประสิทธิภาพสูงในการทำงาน แต่สุดท้ายแล้ว AI ไม่สามารถทำได้ทุกงาน ยังคงมีงานบางที่ AI ไม่สามารถเข้าไปทดแทนได้

 

ถึง AI จะสามารถประมวลผลได้ซับซ้อนเชิงไดนามิก แต่ในเรื่องของเหตุผลและความเข้าใจถึงอารมณ์ยังเป็นสิ่งที่ AI ไม่สามารถประมวลผลได้ ดังนั้นเทรนด์การใช้งาน AI จึงเป็นเสมือนผู้ช่วยพนักงาน มากกว่าการเข้ามาทดแทนการทำงานของทุกคน ที่สำคัญการใช้งาน AI แต่ละครั้งจำเป็นต้องมีพนักงานในการออกคำสั่งให้ AI ปฏิบัติตามเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ตามที่ต้องการ

ยิ่งในปีนี้ที่จะมีการใช้งาน AI อย่างจริงจังในภาคธุรกิจ พนักงานจึงควรต้องมีการเรียนรู้ในการใช้งาน AI ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการออกคำสั่งให้ AI ปฏิบัติตามสิ่งที่ต้องการเพื่อให้สามารถขับเคลื่อนองค์กรธุรกิจบรรลุเป้าหมายตามที่คาดหวังไว้ ตอกย้ำว่าคนที่ไม่เรียนรู้เรื่อง AI อาจจะทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับคนที่เรียนรู้เรื่อง AI

 

ทำตัวให้ช้าเพื่อปรับตัวรับความเร็วของ AI

นอกจาก AI จะช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จแล้ว พนักงานคือสิ่งสำคัญในการที่จะช่วยให้ AI สามารถบรรลุเป้าหมายของธุรกิจ และเพราะเทคโนโลยีในปัจจุบันทำให้การใช้ชีวิตของแต่ละคนมีความรวดเร็วมากเกินไป ทำให้พนักงานบางคน อาจเกิดอาการ “Dead Wood” หรือคนที่ยังไม่พร้อมในการปรับตัวให้เข้ากับ AI เพราะความรวดเร็วของเทคโนโลยีในปัจจุบันทำให้ทุกอย่างในชีวิตเร็วไปหมด

 

นำไปสู่อาการสมาธิสั้นทำให้ความคิดในเชิงซ้อนลดลงและส่งผลต่อการใช้ AI โดยเฉพาะกลุ่มพนักงานที่ทำงานมานาน แม้ว่าจะมีการเรียนรู้การใช้งาน AI แต่ก็อาจจะยังไม่พร้อม หนึ่งในเทรนด์การปรับตัวของพนักงาน คือการหยุดพักและทำอะไรให้ช้าลง เพื่อสร้างสมาธิในการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน โดยมีการยกกรณีศึกษาเพื่อทดสอบสมาธิอย่างการไปเที่ยว หากทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยความรวดเร็ว แทนที่จะได้พักผ่อนกลับกลายเป็นยิ่งเหนื่อยกว่าเดิม ที่สำคัญยังอาจจำไม่ได้ด้วยว่าไปเที่ยวอะไรมาบ้าง

ดังนั้นพนักงานที่ต้องทำงานกับ AI จำเป็นต้องมีสมาธิอย่างสูง และควรเรียนรู้การใช้งานด้าน AI ควบคู่กับการฝึกสมาธิ เพื่อลดความรวดเร็วในการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งนอกจากจะช่วยให้เรียนรู้การใช้งานได้อย่างเข้าใจแล้ว ยังช่วยให้การทำงานกับ AI สามารถทำให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูง

 

ทั้งหมดนี้คือเทรนด์ในการปรับตัวของธุรกิจและพนักงานเพื่อใช้ AI ในการเพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อนองค์กรธุรกิจ แม้ว่าเทคโนโลยีจะช่วยให้ธุรกิจลดต้นทุนและดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว แต่พนักงานยังถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจ ขณะที่พนักงานเองต้องมีการเรียนรู้และปรับตัวเพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


  • 57
  •  
  •  
  •  
  •  
Gigolo
เมื่อเทคโนโลยีอยู่ใกล้กับชีวิตทุกคน มารู้เท่าทันเทคโนโลยีเพื่อใช้มัน แต่อย่าให้เทคโนโลยีมันใช้เรา