แดน บิวต์เนอร์ (Dan Buettner) คือชายผู้หลงใหลในการสำรวจโลก ไม่ใช่แค่ในฐานะนักเดินทาง แต่ในบทบาทของนักสำรวจแห่งเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก นักข่าวเจ้าของรางวัล และนักเขียนผู้เชี่ยวชาญเรื่องอายุยืน ผลงานของเขาไม่ได้มีเพียงบทความที่ได้รับความนิยม แต่ยังรวมถึงสารคดีที่เปลี่ยนมุมมองของผู้คนทั่วโลก อย่าง Live to 100: Secrets of the Blue Zones ทาง Netflix ซึ่งคว้ารางวัล Emmy มาแล้วถึงสามรางวัล
สิ่งที่ทำให้บิวต์เนอร์เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ คือการค้นพบ ‘Blue Zones’ พื้นที่ 5 แห่งทั่วโลกที่ผู้คนมีอายุยืนที่สุด พร้อมสุขภาพที่แข็งแรงเหนือค่าเฉลี่ยของมนุษย์ Blue Zones เหล่านี้ ได้แก่ ซาร์ดิเนีย (อิตาลี), อิคาเรีย (กรีซ), โอกินาวา (ญี่ปุ่น), คาบสมุทรนิโคยา (คอสตาริกา) และโลมา ลินดา (สหรัฐฯ) การเดินทางของเขานำไปสู่บทความทรงอิทธิพลใน The New York Times และ National Geographic จนกลายเป็นสารคดีที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy ถึงหกสาขา
หนังสือ The Blue Zones Secrets for Living Longer ของเขาเจาะลึกถึงวิถีชีวิตของผู้คนในบลูโซน ตั้งแต่แนวคิดเรื่องเป้าหมายชีวิต ความเชื่อทางศาสนา ชุมชนที่แน่นแฟ้น ไปจนถึงกิจวัตรประจำวันที่เต็มไปด้วยการเคลื่อนไหวและอาหารแพลนต์เบส ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้พวกเขามีอายุยืนยาวขึ้นกว่าทศวรรษ
บิวต์เนอร์ไม่ได้หยุดแค่การศึกษาและบันทึกผล เขายังนำแนวคิดจาก Blue Zones มาประยุกต์ใช้ในโครงการพัฒนาสุขภาวะสำหรับชุมชน องค์กร และมหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้ชาวอเมริกันกว่า 5 ล้านคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และล่าสุด เขายังได้ค้นพบ Blue Zones แห่งใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มนุษย์สร้างขึ้นโดยอาศัยหลักการจาก Blue Zones ดั้งเดิม
นอกจากความสนใจเรื่องสุขภาพและอายุยืน บิวต์เนอร์ยังเป็นนักปั่นจักรยานผู้ครองสถิติโลกของกินเนสส์ถึงสามรายการ แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้เพียงแค่ศึกษาชีวิตยืนยาว แต่ยังใช้ชีวิตอย่างเต็มที่
ล่าสุด บิวต์เนอร์เดินทางมาถึงประเทศไทย ในฐานะแขกรับเชิญของ Amway เพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับ Blue Zones เราได้รับโอกาสพิเศษในการสัมภาษณ์เขาแบบเอ็กซ์คลูซีฟ พร้อมเก็บแนวคิดที่น่าสนใจมาฝากกัน
Blue Zones: พื้นที่ที่กักเก็บความลับของการมีอายุยืน
หากมีสถานที่ใดในโลกที่ผู้คนสามารถมีอายุยืนเกินร้อยปีได้อย่างเป็นธรรมชาติ พื้นที่เหล่านั้นคือ Blue Zones ดินแดนที่ความลับแห่งอายุยืนถูกถักทอผ่านวัฒนธรรม วิถีชีวิต และสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพ
แนวคิดของ Blue Zones เกิดขึ้นจากการสังเกตของบิวต์เนอร์ เขาได้รับแรงบันดาลใจจากงานวิจัยของนักประชากรศาสตร์ Gianni Pes และ Michel Poulain ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Experimental Gerontology ซึ่งค้นพบว่าในแถบซาร์ดิเนีย ประเทศอิตาลี มีประชากรชายที่มีอายุยืนยาวที่สุดในโลก
Pes และ Poulain ใช้ปากกาสีน้ำเงินขีดวงกลมล้อมรอบหมู่บ้านที่มีอัตราส่วนของผู้มีอายุเกินร้อยปีสูงที่สุด และเรียกพื้นที่นี้ว่า Blue Zones ซึ่งภายหลังบิวต์เนอร์ได้นำแนวคิดนี้ไปขยายต่อ จนสามารถระบุพื้นที่แห่งการมีอายุยืนยาวทั้งหมด 5 แห่ง ได้แก่
- โอกินาวา, ญี่ปุ่น – บ้านของหญิงชราที่ยืนยาวที่สุดในโลก พร้อมแนวคิด Ikigai หรือ ‘เหตุผลในการตื่นนอนทุกเช้า’
- ซาร์ดิเนีย, อิตาลี – หมู่บ้านเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยชายสูงวัยที่ยังคงแข็งแรงและมีบทบาทในสังคม
- อิคาเรีย, กรีซ – เกาะที่ผู้คนแทบไม่รู้จักโรคอัลไซเมอร์และมีอายุขัยเฉลี่ยสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก
- โลมา ลินดา, สหรัฐฯ – ชุมชนของชาวเซเว่นธ์เดย์ แอดเวนทิสต์ ที่มีวิถีชีวิตเรียบง่ายและเน้นอาหารจากพืช
- คาบสมุทรนิโคยา, คอสตาริกา – ดินแดนที่ผู้สูงวัยยังคงทำงานและมีจิตวิญญาณที่เข้มแข็ง
เบื้องหลังการค้นพบ Blue Zones
ปี 2000 บิวต์เนอร์เริ่มต้นการเดินทางของเขาที่โอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น เพื่อตามหาคำตอบว่าเหตุใดผู้คนที่นั่นจึงมีอายุยืนกว่าที่อื่น หลังจากสำรวจแนวทางการใช้ชีวิตและอาหารการกิน เขาร่วมมือกับทีมนักวิทยาศาสตร์และนักประชากรศาสตร์ เดินทางไปทั่วโลกเพื่อค้นหาพื้นที่ที่ผู้คนมีชีวิตยืนยาวและสุขภาพดี
โครงการสำรวจของเขาในปี 2004 ได้รับการสนับสนุนจาก National Geographic และนำไปสู่การค้นพบว่าสิ่งที่เชื่อมโยงพื้นที่ Blue Zones ทั้งหมดเข้าด้วยกัน ไม่ใช่แค่พันธุกรรม แต่คือ ‘พฤติกรรม’ ที่สร้างอายุขัยที่ยืนยาวขึ้น บิวต์เนอร์และทีมนักวิจัยสามารถสกัด 9 นิสัยสำคัญที่เรียกว่า Power 9® ซึ่งเป็นหัวใจของชีวิตใน Blue Zones
แนวคิดนี้ถูกนำเสนอผ่านหนังสือชุด The Blue Zones ของบิวต์เนอร์ ซึ่งกลายเป็นหนังสือขายดีของ The New York Times และได้รับการกล่าวถึงในสื่อต่างๆ ทั่วโลก เขายังต่อยอดแนวคิดนี้ไปสู่การศึกษาความสุขในระดับโลกผ่านหนังสือ Thrive และ Blue Zones of Happiness
จากงานวิจัยสู่การเปลี่ยนแปลงชุมชน
จากแค่แนวคิดเรื่องอายุยืน วันนี้ Blue Zones กลายเป็นโครงการพัฒนาเมืองเพื่อสุขภาพที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ จุดเริ่มต้นของโครงการนี้เกิดขึ้นที่เมืองอัลเบิร์ต ลี รัฐมินนิโซตา ซึ่งกลายเป็นต้นแบบของ Blue Zones Projects ที่ช่วยให้ผู้คนนับล้านปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น
ในวันนี้ Blue Zones ไม่ใช่แค่คำจำกัดความของพื้นที่ที่มีอายุขัยสูงอีกต่อไป แต่เป็นสัญลักษณ์ของไลฟ์สไตล์ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ทุกที่ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนในโลก
9 เคล็ดลับจาก Blue Zones: กุญแจสู่สุขภาพดีและอายุยืน
หากคุณต้องการมีชีวิตที่ยืนยาวและเปี่ยมสุขแบบคนใน Blue Zones นี่คือ 9 เคล็ดลับที่คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้ตั้งแต่วันนี้
-
ปรับเปลี่ยนการกินอาหาร: น้อยแต่มากคุณค่า
อาหารเป็นหัวใจสำคัญของสุขภาพ คนใน Blue Zones ให้ความสำคัญกับอาหารจากพืชเป็นหลัก ลดเนื้อสัตว์ น้ำตาล และอาหารแปรรูป พวกเขาเลือกรับประทานอาหารตามธรรมชาติที่ปลูกเอง หรือหาได้ในท้องถิ่น นี่คือเคล็ดลับเฉพาะของแต่ละพื้นที่:
- กินให้อิ่ม 80% – โอกินาวา, ญี่ปุ่น
ชาวโอกินาวาใช้หลัก ‘ฮาราฮาจิบุนเมะ’ หรือการกินให้อิ่มเพียง 80% พวกเขาเน้นอาหารที่มีผัก ปลา และถั่วเหลือง เช่น เต้าหู้ และซุปมิโซะ อีกทั้งยังดื่มน้ำมากกว่า 2 ลิตรต่อวัน - ดื่มนมแพะ ชา และไวน์ – อิคาเรีย, กรีซ
ชาวอิคาเรียนิยมดื่มนมแพะมากกว่านมวัว และชาที่มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์สูง พวกเขายังดื่มไวน์สูตรเฉพาะที่ช่วยเสริมสุขภาพหัวใจ และกินน้ำผึ้งเป็นประจำในตอนเช้าและเย็น - ไม่กินอาหารแปรรูป – นิโคยา, คอสตาริกา
คนในนิโคยารับประทานข้าวโพดและถั่วเป็นหลัก หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป และจำกัดปริมาณอาหารมื้อเย็น พวกเขายังดื่มน้ำที่อุดมไปด้วยแคลเซียมซึ่งช่วยให้กระดูกแข็งแรง - กินถั่ววันละ 1 กำมือ – โลมา ลินดา, สหรัฐอเมริกา
ชุมชนเซเว่นธ์เดย์แอดเวนตีสในโลมา ลินดา กินถั่วเปลือกแข็ง เช่น อัลมอนด์ และวอลนัททุกวัน ลดการบริโภคเนื้อสัตว์ และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัด - เน้นปลาและผัก – ซาร์ดิเนีย, อิตาลี
คนในซาร์ดิเนียกินอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน เน้นปลา ผัก และน้ำมันมะกอก พวกเขาดื่มไวน์ Cannonau ที่อุดมไปด้วยแอนตี้ออกซิแดนท์ และให้เวลากับการกินอาหารแต่ละมื้ออย่างไม่เร่งรีบ
2. เคลื่อนไหวร่างกายอยู่เสมอ
คนใน Blue Zones ไม่ได้ออกกำลังกายแบบหนักหน่วง แต่พวกเขามีวิถีชีวิตที่กระฉับกระเฉงและเคลื่อนไหวตลอดวัน พวกเขาทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงงานในชีวิตประจำวัน เช่น ผู้สูงอายุชาวโอกินาวาทำสวนพืชผักสมุนไพร ชาวซาร์ดิเนียและชาวโลมา ลินดาเลือกเดินแทนการใช้รถยนต์ ในขณะที่ผู้สูงอายุชาวนิโคยาออกไปจ่ายตลาด ผ่าฟืน และทำงานบ้านทุกวัน การเคลื่อนไหวในรูปแบบนี้ช่วยให้กล้ามเนื้อและข้อต่อยังคงแข็งแรง ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง และช่วยยืดอายุขัยได้
3. รับแสงแดดอย่างเหมาะสม
คนใน Blue Zones มักใช้เวลากลางแจ้งเป็นประจำ ซึ่งช่วยให้พวกเขาได้รับวิตามินดีจากแสงแดด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ Dr. Greg Plotnikoff ซึ่งทำงานร่วมกับบิวต์เนอร์อธิบายว่า แสงแดดช่วยกระตุ้นการสร้างวิตามินดี ซึ่งมีความสำคัญต่อการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง สนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน และควบคุมการเติบโตของเซลล์ หากร่างกายขาดวิตามินดี อาจส่งผลให้กระดูกเปราะบาง กล้ามเนื้ออ่อนแรง และเสี่ยงต่อการหกล้มและกระดูกหัก โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่หากกระดูกสะโพกหัก อาจเพิ่มอัตราการเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ การขาดวิตามินดียังเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงของโรคร้าย เช่น มะเร็ง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และโรคภูมิคุ้มกันผิดปกติ โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคไต การขาดวิตามินดีอาจเป็นปัจจัยเร่งให้เกิดโรคหัวใจได้ ดังนั้น การรับแสงแดดอย่างเหมาะสมจึงเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญของอายุที่ยืนยาว
4. นอนเป็นเวลา: เคล็ดลับสู่การพักผ่อนที่มีคุณภาพ
ในโลกที่เต็มไปด้วยแสงสีและความเร่งรีบ การนอนให้เพียงพอกลายเป็นเรื่องที่ถูกละเลย แต่สำหรับผู้คนใน Blue Zones การนอนหลับเป็นหัวใจสำคัญของสุขภาพที่ดี ผลการศึกษาพบว่า ชาว Blue Zones มีตารางเวลานอนที่เป็นระบบ การเข้านอนในเวลาที่เหมาะสม เช่น ก่อนสี่ทุ่มหรืออย่างช้าก็ไม่เกินเที่ยงคืน หลีกเลี่ยงการตื่นกลางดึกและไม่ใช้ยานอนหลับ หยุดใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน 60-90 นาที ลดแสงสีฟ้าที่รบกวนการหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนิน และหลีกเลี่ยงคาเฟอีนหลังบ่ายสอง เคล็ดลับง่ายๆ เหล่านี้ช่วยให้หลับสนิทและตื่นขึ้นมาพร้อมกับพลังที่เต็มเปี่ยมทุกวัน
5. หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และไม่สูบบุหรี่: สุขภาพที่ดีเริ่มจากสิ่งที่ไม่ใส่เข้าไปในร่างกาย
ผู้คนใน Blue Zones มักมีพฤติกรรมที่ช่วยยืดอายุขัยของตนเอง และหนึ่งในนั้นคือการหลีกเลี่ยงสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น บุหรี่และแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะในชุมชน โลมา ลินดา ที่ยึดมั่นในหลักศาสนาของ Seventh-day Adventist Church ทำให้พวกเขางดเว้นจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่อย่างเคร่งครัด
อย่างไรก็ตาม ในบางพื้นที่ เช่น อิคาเรีย และ ซาร์ดิเนีย ผู้คนยังคงเพลิดเพลินกับไวน์เล็กน้อยระหว่างมื้ออาหารหรือในการสังสรรค์กับเพื่อนฝูง ซึ่งไม่ใช่แค่เพื่อรสชาติ แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและการดูแลสุขภาพจิต เพราะไวน์ในปริมาณที่เหมาะสมอาจมีประโยชน์ต่อหัวใจ และการดื่มร่วมกับผู้อื่นยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
6. ตั้งเป้าหมายให้ชีวิต: พลังแห่ง ‘เหตุผลในการตื่นนอน’
คนใน Blue Zones ไม่ได้แค่ใช้ชีวิตไปวันๆ แต่พวกเขามีเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้พวกเขามีสุขภาพที่ดีและอายุยืน
ที่ โอกินาวา พวกเขามีแนวคิดที่เรียกว่า ‘อิคิไก’ – เหตุผลของการมีชีวิตอยู่ ในขณะที่ชาว นิโคยา ใช้คำว่า ‘ปลัน เด ปีดา’ ซึ่งหมายถึงเป้าหมายของชีวิต ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ อาจเป็นเพียงการดูแลครอบครัว ปลูกต้นไม้ หรือทำสิ่งที่รัก สิ่งเหล่านี้ช่วยให้พวกเขามีความสุข และมีแรงจูงใจในการดูแลสุขภาพของตนเองอย่างต่อเนื่อง
7. ใช้ชีวิตแบบ Slow Life: ศิลปะแห่งการใช้ชีวิตให้มีความสุข
ในขณะที่หลายคนใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ แข่งกับเวลา คนใน Blue Zones กลับให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตอย่างช้าๆ และใส่ใจกับปัจจุบัน
ตัวอย่างเช่น ชาว โอกินาวา มักหยุดพักจากงานเพื่อมองดูท้องฟ้า สูดอากาศบริสุทธิ์ ชาว ซาร์ดิเนีย ใช้เวลาชื่นชมทุ่งหญ้ากว้างจากที่ราบสูง และที่ โลมา ลินดา พวกเขามีช่วงเวลา สะบาโต ซึ่งเป็นช่วงที่หยุดทุกกิจกรรมตั้งแต่เย็นวันศุกร์จนถึงเย็นวันเสาร์ เพื่อใช้เวลากับครอบครัว ธรรมชาติ และการสะท้อนตนเอง
การใช้ชีวิตแบบ Slow Life ไม่เพียงช่วยลดความเครียด แต่ยังทำให้พวกเขามีความสุขและแข็งแรงขึ้น
8. มองโลกในแง่ดี: คิดบวกเพื่ออายุยืน
ทัศนคติที่เป็นบวกไม่ใช่แค่เรื่องของมุมมอง แต่เป็นกุญแจสำคัญของการมีชีวิตที่ยืนยาว ผู้คนใน Blue Zones มักมองโลกในแง่ดี พวกเขาหัวเราะง่าย ไม่เก็บความเครียดสะสม และรู้จักปล่อยวาง
ที่ ซาร์ดิเนีย ผู้คนมีวัฒนธรรมของการเล่าเรื่องตลก พวกเขารวมกลุ่มกันในช่วงบ่าย หัวเราะและแบ่งปันเรื่องราวของวันนั้นๆ ในขณะที่ผู้สูงอายุใน โอกินาวา แม้จะเคยผ่านสงครามและความลำบากในวัยเด็ก พวกเขากลับเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและมีความสุขในปัจจุบันมากกว่าจมอยู่กับอดีต
การมองโลกในแง่ดีไม่เพียงช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้น แต่ยังมีผลต่อสุขภาพกาย ทำให้พวกเขามีชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพ
9. อยู่ในสังคมที่ไม่ Toxic: พลังของสายสัมพันธ์ที่ดี
การมีสังคมที่ดีเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของชีวิตที่ยืนยาว คนใน Blue Zones ให้ความสำคัญกับครอบครัวและเพื่อนฝูง พวกเขาไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องอยู่โดดเดี่ยว
ที่ โอกินาวา พวกเขามีแนวคิด ‘โมอิ’ – การรวมกลุ่มเพื่อนสนิทที่ช่วยเหลือกันทั้งด้านอารมณ์และการเงิน ขณะที่ใน ซาร์ดิเนีย ระบบครอบครัวแข็งแกร่ง คนรุ่นปู่ย่าตายายอาศัยอยู่ร่วมกับลูกหลาน และมีบทบาทสำคัญในการเลี้ยงดูคนรุ่นใหม่
การมีคนที่รักและพร้อมสนับสนุนกัน ทำให้พวกเขารู้สึกมีคุณค่า ลดความเครียด และมีชีวิตที่มีความหมายมากขึ้น
เคล็ดลับของ Blue Zones ไม่ใช่เรื่องของโชคชะตา แต่เป็นผลลัพธ์จากวิถีชีวิตที่ใส่ใจสุขภาพ กินอาหารที่มีประโยชน์ เคลื่อนไหวอยู่เสมอ นอนหลับให้เพียงพอ มองโลกในแง่ดี และรายล้อมตัวเองด้วยความรักจากครอบครัวและสังคม
เพียงแค่ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างในชีวิตประจำวัน คุณก็อาจพบว่าตัวเองไม่เพียงมีสุขภาพที่ดีขึ้น แต่ยังรู้สึกมีความสุขกับชีวิตมากขึ้นด้วย