จะเชื่อหรือไม่? ถ้ายุค AI จะใช้ข้อมูลน้อยลง ไม่ใช่มากขึ้น

ความกังวลในเรื่องของความสามารถของ AI ยังคงมีให้เห็นอยู่ โดยเฉพาะการทำงานแทนที่แรงงานคน แต่เราก็รู้ดีว่า AI ในตอนนี้ยังต้องพึ่งพาข้อมูลมหาศาลหรือ Big Data ให้ AI ได้เรียนรู้ข้อมูลที่ว่าแล้วทำนายหรือแสดงการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา พูดอีกอย่างหนึ่งคือ AI ยังคิดเองไม่ได้ดีพอ ถ้าไม่มีข้อมูลมาป้อนมากพอ

แต่ถ้าจะบอกว่าในอนาคต AI จะพึ่งข้อมูลน้อยลงล่ะ?

หมายความว่า ในอนาคต AI จะฉลาดมากกว่านี้เหมือนคน คิดเองได้ ไม่ต้องเรียนรู้อะไรมาก AI ที่ฉลาดขึ้นแบบนี้จะเป็นที่นิยม ด้วยเหตุผลอยู่ 3 ข้อ

1. ตัดปัญหาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลลูกค้าไป

ฟังดูสุดโต่งไปหน่อย แต่เพราะในเมื่อ AI ไม่ได้ต้องการข้อมูลในการติดสินใจมากนัก แต่ใช้ตรรกะและเหตุผลอย่างเดียวแทน ธุรกิจก็ไม่จำเป็นต้องปวดหัวกับสิทธิ์ในข้อมูลส่วนตัวของลูกค้ามากเหมือนในตอนนี้ก็ได้ กฏหมายที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่สำคัญในตอนนี้ อาจจะถูกลดความสำคัญลงไป

2. AI ที่ฉลาดขึ้นจะเข้ามาตัดสินใจแทนคนได้เลย

จริงอยู่ที่ตอนนี้มนุษย์มีบทบาทในการติดใจในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะธุรกิจ เพราะ AI ไม่สามารถประเมินความเสี่ยงที่ไม่สามารถรับรู้ได้จากข้อมูลที่ป้อนไป แต่ในอนาคต เมื่อ AI คิดเชิงตรรกะเหตุผลเป็น สักวัน AI ก็ตัดสินใจในเรื่องต่างในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเหมือนที่คนทำอยู่ก็ได้

3. AI มี Common Sense ดีพอๆกับมนุษย์

AI สามารถคิดได้เอง ใช้เหตุผลได้เองโดยไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ข้อมูลมากมายนัก AI สามารถรู้จักและระบุวัตถุที่เห็นอยู่ตรงหน้าได้ถูกต้อง โดย AI ไม่จำเป็นต้องเห็นวัตถุนั้นเลยด้วยซ้ำ หรือแม้แต่การเล่นหมากล้อม GO ของ Deepmind ที่ตอนนี้สามารถเล่นชนะคนเก่งๆได้เพราะ AI เรียนรู้ Pattern ในการเดินหมากหลากหลายรูปแบบ แต่ในอนาคต AI อาจจะชนะคนโดยไม่ต้องเรียนรู้ Pattern ที่ว่าก็ได้

การที่ AI จะถูกพัฒนาถึงขั้นคิดเป็นเหตุเป็นผลได้เองนั้น AI จะต้องถูกสอนให้คิดแบบนั้นเสียก่อนผ่านโมเดลความน่าจะเป็น ต้องถูกฝึกให้คิดในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนหลายๆแบบ มีข้อมูลจำกัด และเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ AI เคยเจอเอง ตรงนี้แหละที่เป็นจุดที่น้อยคนคิดจะทำ เพราะนักพัฒนา AI ก็จะได้แต่ป้อนข้อมูลเยอะๆให้ AI ทำนายผลลัพธ์เพียงอย่างเดียว

จนลืมพัฒนาให้ AI คิดเองเป็นด้วย

แหล่งอ้างอิงส่วนหนึ่งจาก The Future of AI Will Be The Less Data, Not More จาก H. James Wilson, Paul Daugherty และ Chase Davenport จาก Artificial Intelligence: Harvard Business Review