ในยุคที่หุ่นยนต์และ AI กำลังจะเข้ามาทำงานแทนคน ทักษะด้านสังคม หรือ “Soft Skills” เช่น การใช้ภาษา การติดต่อสื่อสาร ความเป็นมิตร การมองโลกในแง่ดี การแสดงออกทางสังคม บุคลิก ฯลฯ เป็นทักษะที่สำคัญ เพราะหุ่นยนต์ใช้ทักษะนี้ไม่ได้อยู่แล้ว แน่นอนว่า นายจ้างหรืององค์กรปัจจุบันก็ยังให้ความสำคัญของทักษะด้านวิชาการ ความรู้ความสามารถ เพื่อทำงานให้บรรลุเป้าหมาย แต่สิ่งที่จะช่วยเสริมให้พนักงานมีความโดดเด่น คือ ทักษะด้านสังคม
งานวิจัยในต่างประเทศระบุว่า องค์กรกว่า 92% ให้ความสำคัญกับ “Soft Skills” นี้มาก และกว่า 80% บอกว่า “Soft Skills” มีความสำคัญต่อความสำเร็จขององค์กร
“Soft Skills” แบบไหนที่องค์กรต้องการ
1. ครีเอทีฟ และความคิดสร้างสรรค์
องค์กรมักมองหาทาเลนท์หรือพนักงานที่มีความคิดสร้างสรรค์มาเป็นอันดับต้น ๆ ของลิสต์ผู้สมัครงานที่ต้องมี “Soft Skills” แน่นอนว่า หุ่นยนต์และ AI อาจจะแต่งเพลงหรือเขียนนิยายได้ในระดับหนึ่ง แต่หากต้องใช้ภาษาที่ลึกซึ้ง พล็อตเรื่องที่ไม่ซ้ำใคร และคีย์โน้ตที่เข้าถึงอารมณ์ผู้ฟังที่มีเนื้อหนังมังสาอย่างมนุษย์ หุ่นยนต์และ AI ทำไม่ได้แน่นอน
ความคิดสร้างสรรค์ที่พูดถึงนี้ไม่ได้หมายถึงแค่งานศิลปะหรืองานออกแบบเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการสร้างโซลูชั่นสดใหม่เพื่อตอบโจทย์หรือแก้ปัญหาเดิม ๆ สังเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากมารวมกันเป็นข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำมาใช้ได้ และสามารถสร้างการเชื่อมโยงและหาจุดร่วมของไอเดียต่าง ๆ ที่กระจัดกระจายให้มาอยู่รวมกันได้
2. โน้มน้าวจูงใจได้
ทักษะในการโน้มน้าวและจูงใจเป็นอีกทักษะสำคัญกับหลายงานในออฟฟิศ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือพนักงานขาย พนักงานให้บริการลูกค้า และตำแหน่งอื่นที่ต้องประสานงานกับคน ตำแหน่งเหล่านี้ ถ้าพนักงานไม่เก่งเรื่องโน้มน้าวและจูงใจคน จะส่งผลต่อผลการดำเนินงานของบริษัท ไปจนถึงรายได้ของบริษัท
แม้หุ่นยนต์และ AIจะเก่งงาน Hard Skills กว่ามนุษย์ แต่พอมาถึงเหตุการณ์ที่ต้องโต้แย้ง เล่าเรื่องราวต่าง ๆ อยากออกรสออกชาติ และอธิบายสถิติที่มีแต่ตัวเลขให้คนที่ไม่เก่งเลขได้เห็นภาพ ก็คงหนีไม่พ้นงานมนุษย์ที่เก่งเรื่องโน้มน้าวและจูงใจคนอยู่ดี
3. ทีมเวิร์ค และการให้ความร่วมมือ
การทำงานให้ประสบความสำเร็จได้ต้องอาศัยความร่วมมือของหลายฝ่าย จากหลายแผนก การขอความร่วมมือจากคนแผนกอื่น ๆ เป็นเรื่องที่ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไปสำหรับทาเลนท์ที่มีทักษะทางด้านสังคมเป็นเลิศ ในโลกแห่งธุรกิจที่ทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทักษะในการขอความร่วมมือและให้ความร่วมมือในการทำงานเป็นเรื่องที่นายจ้างให้ความสำคัญอย่างยิ่ง
4. การปรับตัว
ในโลกธุรกิจทุกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และหนึ่งในทักษะที่จะทำให้การทำงานของพนักงานในแต่ละที่มั่นคงคือทักษะการปรับตัว และนอกจากทักษะความสามารถของการทำงานร่วมกันผู้คนอื่นในออฟฟิศได้ ยังหมายรวมถึงการยิ้มรับและโอบกอดความเปลี่ยนแปลงในแง่ของธุรกิจ ดีมานด์ในตลาดมีขึ้นมีลง ลูกค้ารักหรืออาจจะไม่ชอบสินค้าของคุณ พนักงานเข้ามาเริ่มงานได้ไม่นานก็ลาออก เป็นต้น ในโลกธุรกิจอะไรก็เกิดขึ้นได้ เพียงแต่ต้องปรับตัวตามให้ทัน
5. บริหารจัดการเวลา
ทักษะหนึ่งที่องค์กรต้องการเสมอและเป็นทักษะที่สำคัญตลอดกาล คือ ทักษะในการจัดการเวลา เพราะทุกคนมีเวลาทำงานเท่ากัน และเวลาก็ยังคงเป็นวินาที นาทีและชั่วโมง เป็นวัน และปี และไม่มีเปลี่ยนแปลง ทักษะในการจัดสรรเวลาต่อวินาที ต่อนาที หรือไม่ว่าจะต่อชั่วโมง แสดงให้เห็นว่า พนักงานใส่ใจและลงแรงให้นายจ้างอย่างเต็มที่ ถึงแม้ว่าบางครั้งนายจ้างอาจไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งกับทักษะการจัดการเวลาอย่างเห็นได้ชัด แต่นั่นจะทำให้พนักงานรู้สึกภูมิใจที่ได้ทำงานเสร็จทันตามกำหนดและสร้างอิมแพ็คที่ดีให้กับนายจ้างในอนาคต
เขียนโดย Glenn Leibowitz
ที่มา Inc.
แปลและเรียบเรียงโดย วณิชชา สุมานัส