#quittok เทรนด์การลาออกผ่าน LIVE บน TikTok ระเบิดเวลาหรือพฤติกรรมเลือดร้อนของหนุ่มสาว Gen Z ?

  • 21
  •  
  •  
  •  
  •  

เราทราบดีกันแล้วว่า ดิจิทัล และเทคโนโลยี คือส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของมนุษย์ปัจจุบัน ในแบบที่เป็นหนึ่งเดียวแล้ว โดยเฉพาะโซเชียลมีเดีย ชื่อว่า อย่างน้อยคนหนึ่งคนจะต้องมีสักหนึ่งแพล็ตฟอร์มที่ใช้งานอยู่ และหลายครั้งที่เรานำโซเชียลมีเดีย มาใช้ในการทำงานหลายๆ อย่างด้วย แต่อาจจะนึกไม่ถึง หรือเคยคิดแต่ไม่กล้าทำ (ฮา) ว่าจะกลายมาเป็นพื้นที่ไว้สำหรับประกาศลาออกด้วย

 

เทรนด์ที่เกริ่นมา เริ่มค่อยๆ แพร่หลายในต่างประเทศแล้ว โดยพบว่า หนุ่มสาวจำนวนมาก Young workers ประกาศลาออกผ่านการสตรีมมิ่งบนแพล็ตฟอร์มแบบเรียลไทม์ และวิดีโอคอนเทนต์ของพวกเขาก็กลายเป็นไวรัลยอดวิวหลักล้านอย่างรวดเร็ว

 

ย้อนกลับไปเมื่อสัก 2-3 ปีก่อน กับสถานการณ์ที่เรียกว่า การลาออกครั้งใหญ่ (the Great Resignation) ซึ่งถึงจะเกิดสภาวะเช่นนั้น แต่การลาออกของพนักงานส่วนใหญ่ก็ยังทำบน อีเมล์ โดยทำเอกสารอย่างเป็นทางการส่งไปหาผู้บังคับบัญชา แต่ระยะหลังกลับพบว่า คนทำงานอายุน้อยๆ เริ่มหันมาใช้วิธีลาออกกันแบบ Live สด กันแล้ว

 

ในเดือนกรกฎาคม ปี 2021 คลิปของพนักงานแมคโดนัลด์ในสหราชอาณาจักร (ข่าวเพิ่มเติม) ที่ลาออกจากกะกลางคันกลายเป็นไวรัล และตอนนี้ TikTok ก็ตื่นตระหนกกับผู้ใช้ที่แชร์ฟุตเทจแบบเรียลไทม์ในช่วงเวลาที่พวกเขาบอกเจ้านายว่า ฉันลาออก และบางครั้งความตึงเครียดก็มักจะตลกและน่าสนใจ จนเป็นกระแสทำให้เกิดคลิปสั้นนั้นที่ประกาศลาออกผ่านการ LIVE สด  ซึ่งเหล่านี้ดึงดูดผู้ชมจนทำให้มีการส่งต่อกันหลายพันครั้งหรือบางครั้งหลายล้านครั้งบนโซเชียลมีเดีย

จนทำให้เกิดแฮชแทร็ก #quittok และคิดว่าอะไรกันที่ขับเคลื่อนเทรนด์นี้

 

เกิดอะไรขึ้น?

 

แม้ว่าวิดีโอ #quittok เหล่านี้จะมีรูปแบบที่แตกต่างกัน เช่น เป็นการถ่ายทําการจากไปของคนงานในการโทรสดผ่าน Zoom หรือการบันทึกวินาทีที่พวกเขาส่งจดหมายลาออก ทว่า แต่ละคลิปจะบันทึกช่วงเวลาแบบเรียลไทม์ โมเมนต์เมื่อคนงานลาออก

 

ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2022 “คริสตินา ซุมโบ” วัย 31 ปี อดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาลออสเตรเลีย ได้แชร์ช่วงเวลาที่เธอคลิกส่งอีเมลลาออกของเธอ และรอการสนทนาทางวิดีโอจากเจ้านายของเธออย่างใจจดใจจ่อ “ซุมโบ” ซึ่งเคยแชร์ภาพการต่อสู้ด้านสุขภาพจิตที่เกี่ยวข้องกับการทํางาน ผ่านผู้ติดตามบน TikTok ของเขากว่า 140,000 คน  เธอรู้สึกว่าโพสต์ของเธอนั้นมีสิ่งที่รีเลทเกี่ยวพันกับผู้ติดตามของเธอด้วย

 

“ชั้นต้องดิ้นรนกับการตัดสินใจลาออก รู้สึกเหมือนกับว่ากําลังทําให้ทีมและผู้จัดการทีมของชั้นผิดหวัง และความคิดที่จะไม่มีงานทํา หรือไม่มีอะไรยึดเหนี่ยว แต่จะต้องกระโจนลงไปตลาดงานที่วุ่นวายอีกครั้ง แต่ชั้นก็ตัดสินใจแล้ว และจะแชร์การเดินทางครั้งนี้ทางออนไลน์ด้วย เพราะมันไม่ได้ถูกพูดถึงมากพอ”

 

แต่ถึงกระนั้นเธอก็รู้สึกประหลาดใจกับการตอบสนองอย่างท่วมท้นด้วยยอดไลค์ 53,000 ครั้ง และการแสดงความคิดเห็นเกือบ 3,000 รายการในคลิปสั้น ๆ

@christinainbloom WHY IS THIS SO HARD? It’s okay to leave things that don’t make you happy, in fact – you are probably going to be better off than staying in that comfort bubble that you aren’t growing in. As an anxious people pleaser, I’ve never been able to see it that way. But today, I chose to put myself first. No more quiet quitting over here… it’s my life and I want to be the main character instead of watching it play out from afar without a say. #resignation #villianera #quitwithme #quitmyjob #loudquitting #quietquitting #nervous #emotional #storytime #peoplepleaser #anxiety ♬ original sound – Christina Zumbo 🍋

 

“ชั้นไม่คิดว่าผู้คนจํานวนมากจะได้เห็น และรู้สึกรีเลท รู้สึกอยากแบ่งปันเรื่องราวของตนเองด้วย หรือความกลัวที่จะออกจากที่ทํางานในปัจจุบัน หรือความปรารถนาอย่างแรงกล้าของพวกเขาที่จะทําในสิ่งที่เดียวกับที่ชั้นทํา”  ซุมโบ กล่าวและว่า “มันน่าประหลาดใจเสมอ ในทางที่ดีนะ ความรู้สึกของคอมมูนิตี้ที่คุณรู้สึกว่าถ้าคุณเปิดใจแสดงเรื่องราวอันที่แท้จริงและใช้ช่องช่องทางออนไลน์ มันเป็นเรื่องเซฮร์ไพรส์เลยทีเดียว”

 

Marisa Jo Mayes ซึ่งเปิดเผยกับ BBC ว่า เธอเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ใช้ TikTok ในการเป็นพื้นที่แบ่งปันความคิดสร้างสรรค์และความสนุก ขณะเดียวกันก็ใช้เป็นวิธีที่เธอใช้ต่อสู้กับปัญหาในการทำงาน เมื่อเธอตัดสินใจจะลาออกจากงานที่ทำอยู่

 

“ฉันมีเงินเดือนที่ดี ได้เดินทาง และทํางานกับคนดังในอุตสาหกรรมนี้ แต่ฉันก็เศร้าหมองไปหมด” อายุ 29 ปี อาศัยอยู่ในรัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกากล่าว ตนเองนั้นอยู่ในภาวะหมดไฟที่ลึกที่สุดในชีวิตไม่สามารถคิดอะไรได้นอกจากการทํางานและกําลังดิ้นรนกับปัญหาสุขภาพที่เกิดจากความเครียด

 

@itsmarisajo It’s like an elephant took its foot off my chest, but I’m also sad. Onward & upward 🤍 #quittingcorporate #quittingmyjob #HelloWinter #9to5problems ♬ Dog Days Are Over – Florence & The Machine

 

คลิปความยาว 30 วินาทีของ Mayes แสดงให้เห็นว่าเธอในช่วงเวลาที่ตึงเครียดซึ่งนําไปสู่การโทรกับเจ้านายของเธอ – จากนั้นเธอก็โล่งใจทันที มันเหมือนกับเอาเท้าช้างออกจากอกของฉัน แต่ฉันก็เศร้าเช่นกัน’ เธอบรรยายวิดีโอ

 

2 ปีหลังจากแชร์ครั้งแรกในปลายปี 2020 ยังคงเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่มีคนดูมากที่สุด #quittok โดยมียอดไลค์มากกว่า 200,000 ครั้งในงานเขียนนี้

การแบ่งปันช่วงเวลาบนแพลตฟอร์มให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ Mayes กล่าวด้วยว่า “มันไม่ใช่การตัดสินใจอย่างมีสติในการทําวิดีโอ เพราะมันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจําวันของฉัน ฉันแบ่งปันเส้นทางการพัฒนาตนเองของฉันมามากมาย ดังนั้น มันจึงรู้สึกเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาที่จะแบ่งปันเพราะมันเป็นเหตุการณ์ในชีวิตที่ยิ่งใหญ่”

 

อะไรเป็นแรงผลักดันให้เกิดสิ่งนี้?

 

ผู้ใช้งาน TikTok ที่เป็นกลุ่มคนอายุน้อย (Young user) พวกเขาส่วนใหญ่เติบโตมาพร้อมกับโลกออนไลน์ ในฐานะชาวดิจิทัล รวมไปถึงโตมากับการแบ่งปันเรื่องราว หรือเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ของชีวิตบนโลกออนไลน์ ทั้งนี้ นักบำบัดด้านจิต Tess Brigham ในแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่คนกลุ่มนี้จะแชร์บทสนทนาที่เป็นส่วนตัวกับนายจ้าง หรือแม้แต่เรื่องการตัดสินใจลาออก

 

“มันเป็นวิธีที่คนรุ่นนี้มีประสบการณ์ มันเป็นวิธีที่พวกเขาเรียนรู้ที่จะอยู่ในโลก” Tess Brigham กล่าว “ถ้าคุณโตขึ้นคุ้นเคยกับการบันทึกและแบ่งปันสิ่งต่างๆ ทําไมคุณไม่แบ่งปันช่วงเวลาที่ใหญ่กว่าและสําคัญกว่านี้ในช่วงเวลาแบบนี้”

 

แต่ยังมีการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานมากขึ้นในทัศนคติที่สนับสนุนแนวโน้ม #quittok เธอเชื่อว่า

 

คนรุ่นมิลเลนเนียลและ Gen Z เฝ้าดูพ่อแม่ของพวกเขาดิ้นรนในงานขององค์กรในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำในปี 2008 และคนหนุ่มสาวเหล่านี้บางคนมีชีวิตที่หม่นหมองกับการติดหนี้ในช่วงชีวิตนักเรียนและต้องออกทำงานหาเลี้ยงตัวเองด้วยรายได้ที่น้อยนิด พวกเขายังมีประสบการณ์การทํางานในช่วงแรกๆ ที่เกิดจาก Covid-19 ด้วย โดยคนงานที่อายุน้อยที่สุดไม่เคยแม้แต่จะก้าวเท้าเข้าไปในสํานักงานเลย

 

Tess Brigham กล่าวว่าความเครียดเหล่านี้รวมกัน หมายความว่ากลุ่มคนงานที่อายุน้อยกว่า โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z กําลังให้ความสําคัญกับสุขภาพจิต ความสุข และสภาพแวดล้อมการทํางานในเชิงบวก ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเห็นเนื้อหาที่แสดงถึงผู้คนที่ลาออกจาก ‘สถานที่ทํางานที่เป็นพิษ’ (toxic workplaces) และความคิดที่จะเผชิญหน้ากับผู้บังคับบัญชาที่ไม่เป็นธรรมว่าเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขาอย่างลึกซึ้ง

 

สิ่งนี้เป็นจริงสําหรับ Zumbo ผู้ซึ่งเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในความสมดุลระหว่างชีวิตและการทํางานและลําดับความสําคัญตั้งแต่ Covid-19 “ฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งสําคัญที่จะควบคุมชีวิตของเราและอยู่บนเส้นทางที่เราต้องการอยู่แทนที่จะเดินไปตามเส้นทางที่เราไม่ต้องการอยู่หรือไม่รู้อะไรดีไปกว่านี้” เธอกล่าว และว่า  “การแบ่งปันการลาออกจากงานทางออนไลน์และการไตร่ตรองถึงการตัดสินใจในอาชีพครั้งใหญ่เป็นสิ่งสําคัญเพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณควบคุมความสุขของคุณเอง คุณตัดสินใจเพื่อชีวิตของคุณ และงานก็แค่งาน ดังนั้น มันจึงไม่ใช่ตัวตนทั้งหมดของคุณ”

 

สิ่งนี้จะส่งผลอย่างไรต่อไปหรือไม่?

 

ผลกระทบระยะยาว กับการลาออกผ่านโพสต์วิดีโอ #quittok ยังไม่ชัดเจนว่าเจะเป้นอย่างไร Tess Brigham กล่าว เพราะค่อนข้างคาดเดาได้ยากว่าโพสต์เหล่านี้จะส่งผลต่อโอกาสในการหางานหรือทำงานในอนาคตของคนกลุ่มนี้หรือไม่

 

ผลกระทบระยะยาวของการเลิกถ่ายทอดสดและการโพสต์วิดีโอ #quittok ไม่ชัดเจนบริคัมกล่าว ตัวอย่างเช่น ไม่มีทางคาดเดาได้ว่าโพสต์เหล่านี้อาจส่งผลต่อโอกาสในการทํางานในอนาคตอย่างไร อย่างไรก็ตาม ทว่าในตอนนี้ เทรนด์ #quittok มีผลกระทบในแง่ของการส่งเสริมความโปร่งใสในโลกธุรกิจ

 

ส่วนบริบทของสังคมไทย ยังคิดว่าอาจจะค่อนข้างไกลที่จะเกิดสิ่งนี้ มากที่สุด ก็คงจะเป็นเรื่องของการระบายความอัดอั้นออกมา เป็นคลิปในเชิงจิกกัดเหน็บแหนม สร้างความสนุกมากกว่าที่จะทำให้เป็นเรื่องจริงจัง นั่นเพราะ #คนไทยเป็นคนตลก สามารถหยิบเอาเรื่องเครียดมาเปลี่ยนให้เป็นอารมณ์ขันได้ อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของสุขภาพจิต และความเครียดจากการทำงาน โดยเฉพาะพฤติกรรมการทำงานของคนไทย ซึ่งหลายงานวิจัยยืนยันว่าเป็นชาติที่ทำงานค่อนข้างหนักติดอันดับท็อปของโลก สิ่งนี้น่าห่วงใยมากกว่า ซึ่งในต่างประเทศการเข้าพบนักจิตวิทยาสามารถแก้ปัญหาได้ ขณะที่คนไทยยังมองเรื่องนี้ในทางลบ ยังมีน้อยคนเข้าหานักจิตเรื่องนี้ หรือบางองค์กรเองยังมีวัฒนธรรมเน้นให้พนักงานทำงานหนักเป็นเรื่องดี ยังมีทัศนคติเรื่องนี้อยู่มาก ดังนั้น สิ่งนี้ควรที่จะหยิบมาเป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขอย่างจริงจังมากขึ้น ก่อนที่จะลามไประเบิดผ่านโซเชียลฯ ซึ่งหวังว่าจะไม่เกิดกับเมืองไทยเรา.

 

Source:

BBC

 


  • 21
  •  
  •  
  •  
  •  
pigabyte
การเรียนรู้ไม่มีวันจบสิ้น มาเรียนรู้และสนุกไปกับบทความ จาก MarketingOops! กันนะคะ แล้วเราจะได้ค้นพบว่าโลกของ Marketing นั้น So Sexy and Cool!