ถ้าพูดถึง “Kim Kardashian” หลายคนคงจะนึกถึงแต่ความเวอร์วัง ข่าวฉาว แสงแฟลช และบั้นท้ายสุดสะพรึง แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก็ไม่ควรที่จะมองข้ามว่า “Kim Kardashian” เป็นเซเลบิตี้ที่ประสบความสำเร็จในแง่ธุรกิจด้วย
ดาราเรียลลิตี้โชว์ วัย 34 ปีคนนี้ เป็น Executive Producer กับเรียลลิตี้โชว์ที่ดังที่สุดและยาวนานที่สุดในรายการชื่อ “Keeping Up with the Kardashians” ซึ่งมีรายงานล่าสุดผ่าน E! ว่าได้ต่อสัญญาใหม่อีก 4 ปีด้วยมูลค่า 100 ล้านเหรียญฯ
นอกจากนี้ เธอยังประสบความสำเร็จในแอพฯวิดีโอเกม เซลฟี่ บุ๊กของเธอขายดี และมีคนฟอลโลว์ในอินสตาแกรมเกือบจะ 31 ล้านฟอลโลวเวอร์ และตามข้อมูลจาก Fobes ระบุว่า Kim Kardashian มีรายได้ในปี 2014 สูงถึง 28 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และยังมีชื่อติดในTime Magazine’s 100 most influential people ประจำปี 2015 อีกด้วย
ในการสัมภาษณ์ผ่านนิตยสาร Variety เธอได้เปิดเผยหลัก 3 ข้อที่ทำให้เธอประสบความสำเร็จในธุรกิจ
- “คุณจำเป็นต้องบริหารจัดการให้ดี มันอาจจะดูเหมือนง่าย แต่ถ้าคุณไม่บริหารเลย มันก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ต่อไป”
- “อย่าขี้เกียจ ในเรียลลิตี้จริงๆ แล้วไม่มีใครอยากจะลุกขึ้นมาทำงานหรอก ฟังดูบ้าใช่ไหม แต่ชั้นเห็นมันตลอดเวลาเลย”
- “ถ้าคุณค้นพบบางอย่างที่คุณรู้สึกว่ามีความปรารถนาจริงๆ เดินตามความฝันนั้นให้เป็นจริงให้ได้ แล้วคุณจะมีความสุข แต่ถ้าคุณทำในสิ่งที่คุณไม่ต้องการ คุณก็จะเต็มไปด้วยความสับสน”
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเธอจะโด่งดังมาจากรายการเรียลลิตี้โชว์เป็นหลัก แต่ “คิม” ก็ยืนยันว่าเธอนั้นมองตัวเองว่า “นักธุรกิจหญิง” คนหนึ่งมากกว่า
“เมื่อโอกาสทางรายการทีวีมาถึง ฉันก็ต้องเก็บเกี่ยวเอาไว้ นำมาใช้เรียกความสนใจในร้านของเราด้วย (ร้าน DASH ซึ่งเธอเปิดกับพี่ๆ น้องๆ เมื่อปี 2006) ในตอนแรกชั้นก็คิดว่ามันคงจะไม่นานหรอก แต่เมื่อมันโตขึ้นเรื่อยๆ และกลายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ แล้วตอนนี้ยังขยายไปยังออนไลน์อีกด้วย ฉันคิดว่ามันก็น่าจะเป็นแรงผลักดันที่ดี”
ทั้งนี้ “คิม” บอกกับ Variety ว่า หัวทางธุรกิจของเธอได้มาจากคุณพ่อ “Robert Kardashian” อดีตทนายความ ผู้ซึ่งปลูกฝังแนวคิดทางธุรกิจให้กับเธอตั้งแต่ยังเล็ก
“เมื่อตอนชั้นอายุ 16 ปี พ่อให้ชั้นเซ็นสัญญา เขาให้ชั้นเซ็นสัญญาสำหรับทุกๆ สิ่ง เช่น ถ้าชั้นทุบรถฉันจะต้องรับผิดชอบจ่ายค่าเสียหายด้วย หรือถ้าชั้นขับรถไปชนเข้ากับอะไรก็ตามหรือแม้แต่ชนใครเข้า มันก็ใช่เรื่องใหญ่เพียงแค่ชั้นต้องรับผิดชอบเองด้วย มันเป็นช่วงที่มีการพิจารณาคดีของ O.J. (Simpson) เวลาพวกเค้าเห็นนามสกุลชั้น แล้วพูดว่า “Kardashian พ่อเธอเป็นทนายเหรอ?! พวกก็จะฟ้องชั้นในจำนวนเงินมหาศาล”
ธุรกิจของเธอหลังจากอยู่แค่ที่สโตร์ ไม่นาน “คิม” ก็ค้นพบโลกใหม่ โลกของออนไลน์ ช้อปปิ้ง “ฉันค้นพบ eBay และรักการช้อปปิ้ง แล้วชั้นก็มีเงินอยู่ก้อนหนึ่ง ฉันไม่มีเครดิตการ์ด แต่จะเริ่มต้นทำธุรกิจนี้อย่างไรดีล่ะ? ตอนนั้นจำได้ว่าฉันเอารองเท้า Manolo Blahnik ซึ่งราคา 700 เหรียญ พ่อให้ชั้นซื้อ 5 คู่ แต่ชั้นต้องจ่ายคืนให้ท่านด้วยพร้อมกับดอกเบี้ย แล้วชั้นก็เอาไปขายทาง eBay ได้คู่ละ 2,500 เหรียญฯ ชั้นงงมาก ชั้นขายสิ่งที่ชั้นไม่จะไม่สวมด้วยซ้ำ”
หลังจากเหตุการณ์เรื่องรองเท้า Manolo Blahnik ทำให้เธอตระหนักได้ว่าเธอนั้นมีสายตาทางด้านเทรนด์แฟชั่นพอสมควรทีเดียว จากนั้นเป็นต้นมา “คิม” ก็เริ่มสร้างสรรค์ธุรกิจจากการเคลียร์ตู้เสื้อผ้าของบรรดาเพื่อนไฮโซของเธอ นำออกขายทาง eBay
บางแง่มุมที่เราอาจจะไม่ค่อยได้เห็นในตัว “Kim Kardashian” ใช่ว่าเธอจะมีแต่เรื่องสวยๆ เริ่ดๆ ไปวันๆ แต่ในบางมุมเราก็สามารถนำเอาแนวความคิดของเธอมาใช้ในการดำเนินธุรกิจได้
