ถือเป็นบริษัท Content Creator ที่กำลังมาแรง ทั้งการเติบโตด้านธุรกิจ และเป็นหนึ่งในบริษัทที่คนรุ่นใหม่ Gen Z สนใจอยากมาร่วมงาน สำหรับ “บริษัท โคตรคูล จำกัด” ที่มี “โอ๊ต–ปราโมทย์ ปาทาน” เป็นผู้ก่อตั้ง และดำรงตำแหน่ง CEO ในปัจจุบัน สะท้อนได้จากผลสำรวจ 50 บริษัทที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วยมากที่สุด (Top 50 Companies in Thailand) จัดทำโดย WorkVenture พบว่า “โคตรคูล” ติด 1 ใน 50 บริษัทติดต่อกันสองปีซ้อน นับตั้งแต่ปี 2023 อยู่ในอันดับที่ 39 และล่าสุดที่เพิ่งประกาศผล ปี 2024 ขยับขึ้นมาเป็นอันดับที่ 20
เมื่อดูจากภาพรวมทั้ง 50 บริษัท ส่วนใหญ่แล้วเป็นองค์กรขนาดใหญ่ และเป็นองค์กรระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจมายาวนาน มีพนักงานหลักพัน หลักหมื่นคน ในขณะที่ “โคตรคูล” เป็นบริษัทที่เพิ่งตั้งได้ไม่นาน และปัจจุบันมีพนักงานหลักสิบเท่านั้น แต่อะไรคือหัวใจสำคัญที่ทำให้ “โคตรคูล” ได้รับการโหวตจากคนรุ่นใหม่ให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่อยากทำงานด้วยมากที่สุด มาหาคำตอบกัน ?!?
เส้นทาง “โคตรคูล” บริษัทที่มี DNA “ความสนุก”
ถึงวันนี้เป็นเวลา 6 ปีที่ “บริษัท โคตรคูล” ดำเนินธุรกิจ Content Creator ผลิตรายการและมีช่องออนไลน์ทางแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆ เช่น YouTube, Facebook, TikTok
บน YouTube มี 4 ช่องหลักคือ
– โคตรคูล มีผู้ติดตาม 3.09 ล้านราย
– โคตรคูล LIVE มีผู้ติดตาม 3.1 แสนราย
– โคตรคูล Music มีผู้ติดตาม 6.6 แสนราย
– KHOTKOOL GAMING มีผู้ติดตาม 1.1 แสนราย
แม้เริ่มต้นบริษัทเพียงไม่นาน แต่โคตรคูลสามารถสร้าง “ผลกำไร” ต่อเนื่องทุกปี จากฐานข้อมูลของ Creden Data แพลตฟอร์มด้านข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูลบริษัท ระบุว่า “บริษัท โคตรคูล จำกัด” (KK) ปัจจุบันมี “ปราโมทย์ ปาทาน” (หรือที่รู้จักกันในนาม โอ๊ต-ปราโมทย์) เป็นกรรมการ และเป็นผู้มีอำนาจลงนาม โดยที่ผ่านมามีผลการดำเนินงานกำไรต่อเนื่อง ดังนี้
ปี 2560: รายได้รวม 13,993,595 บาท / กำไรสุทธิ 2,547,855 บาท
ปี 2561: รายได้รวม 29,413,562 บาท / กำไรสุทธิ 4,212,417 บาท
ปี 2562: รายได้รวม 29,650,490 บาท / กำไรสุทธิ 4,655,269 บาท
ปี 2563: รายได้รวม 37,416,526 บาท / กำไรสุทธิ 2,517,415 บาท
ปี 2564: รายได้รวม 80,222,271 บาท / กำไรสุทธิ 6,079,140 บาท
ปี 2565: รายได้รวม 112,461,004 บาท / กำไรสุทธิ 18,186,874 บาท
จากศักยภาพและความสามารถในการทำกำไรของโคตรคูล ได้ไปสะดุดตา “บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)” (WORK) โดยเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ได้ส่งบริษัทลูก “บริษัท ไทยบรอดคลาสติ้ง จำกัด” (THB) เข้าซื้อหุ้น “บริษัท โคตรคูล จำกัด” ในสัดส่วน 49% มูลค่า 216 ล้านบาท ในขณะที่ผู้ถือหุ้นเดิม ถือหุ้น 51%
โอ๊ต–ปราโมทย์ เล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นของโคตรคูลภายในงานประกาศผล Top 50 Companies Thailand 2024 ว่าก่อนหน้าจะตั้งบริษัทฯ ตนเองและเพื่อนทำรายการให้บริษัทอื่น จนวันหนึ่งใฝ่ฝันว่าอยากมีบริษัทของตัวเอง เพื่อผลิตรายการเล็กๆ กับเพื่อน
“จุดเริ่มต้นของโคตรคูลล้มลุกคลุกคลานสุดๆ จากพนักงาน 1 คน 2 คน 3 คน 4 คน จนมีออฟฟิศของตัวเอง เปิดออฟฟิศได้ง 6 เดือน เจอฝนตก น้ำท่วมออฟฟิศ คอมพิวเตอร์ที่วางอยู่ ลอยเหมือนผู้ประสบภัย นั่นคือจุดเริ่มต้นของโคตรคูลที่ทุลักทุเลเหลือเกิน จนวันนี้พนักงาน 40 กว่าคน
เราเป็น Content Creator เป็น YouTuber เป็นช่องบันเทิงที่มอบความสุขให้กับทุกคน ดังนั้น DNA ของโคตรคูลคือ “ความสนุก” ซึ่ง DNA นี้ฝังอยู่ในทุกรายการที่ครีเอทขึ้นมา”
วิถีการทำงานโคตรคูล “ระบบนิเวศที่ดูแลและเกื้อหนุนกัน”
จุดเด่นที่ทำให้ “โคตรคูล” เป็นบริษัทที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วยมากที่สุด โอ๊ต ปราโมทย์ มองว่าการมี “บุคลากรที่ยอมเยี่ยม” และการสร้าง “ระบบนิเวศภายในองค์กร” ที่แข็งแกร่ง
“บริษัทเราเหรอติด 1 ใน 50 ที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานมากที่สุด มันเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์มาก ผมก็ถามตัวเองว่าโอ๊ต โคตรคูลมีดีอะไร ทำไมเด็กถึงอยากมาอยู่ ?
บริษัทเรา น้องๆ ทุกคนคือ บุคคลที่ยอดเยี่ยม และอยู่กันเป็นระบบนิเวศ ผมนิยามคำนี้เสมอ โคตรคูลคือ บ่อน้ำบ่อหนึ่ง ที่มีต้นไม้ คือ ผม มีบ่อน้ำ มีบัว มีปลา มีเต่า ในระบบนิเวศของโคตรคูลแข็งแรงมาก ทุกคนเกื้อหนุนกัน ทุกคนช่วยเหลือกัน และเป็นระบบนิเวศที่ยั่งยื
ผมไม่รู้ว่าปรัชญาการทำบริษัทใหญ่ๆ เขาทำอย่างไรกันบ้าง แต่นี่คือวิถีของโคตรคูล วิถีของเราคือ เรารัก เราดูแลกัน ผมรักลูกน้อง ผมพูด ผมปฏิบัติ”
มี Empathy และเป็นเจ้านายที่ลูกน้องรัก
ที่ผ่านมาคนส่วนใหญ่คุ้นเคยกับ “โอ๊ต ปราโมทย์” ในฐานะนักร้อง นักแสดง ตลก หรือบทบาที่ปรากฏอยู่ตามโซเชียล มีเดียต่างๆ แต่ทุกวันนี้อีกหนึ่งบทบาทสำคัญของโอ๊ต ปราโมทย์ คือ การเป็น CEO ที่ต้องบริหารจัดการบริษัทโคตรคูล และดูแลพนักงานหลายสิบชีวิต
“วิถีการเป็นเจ้านายของผม ผมเคยเป็นลูกน้องมาก่อน ผมจะไม่เป็นเจ้านายแบบที่ผมเกลียด ฉะนั้นวิถีของโคตรคูล ผมจะเป็นเจ้านายที่ลูกน้องรักเสมอ
แต่ต้องยอมรับครับบางทีลูกน้องอยากด่าเราลงโซเชียลบ้าง จะมีกรุ๊ปใน LINE ที่ไม่มีเจ้านาย หรือหัวหน้าอยู่ในนั้น อย่าไปสนใจ อย่าไปแคร์ เพราะอย่างน้อยเราไม่มีทางตัดสินใจถูกต้องเสมอไป มนุษย์เราผิดพลาดได้เสมอ แต่ใช้ความผิดพลาดนั้นเรียนรู้ และมี Empathy มีความเห็นอกเห็นใจลูกน้องเสมอ
เพราะฉะนั้นถ้าบริษัทอย่างโคตรคูลมายืนตรงนี้ได้ ผมเป็นกำลังใจให้กับทุกคนในฐานะที่เป็น CEO เป็นกำลังใจให้กับบริษัทเล็กๆ ที่ไม่ต้องมีคนในบริษัทเป็นร้อย เป็นพัน เป็นหมื่น และผมเชื่อเสมอว่า Work Life Balance ไม่มีจริงครับ” โอ๊ต–ปราโมทย์ สรุปทิ้งท้าย
