“งานเขียน” เป็นหนึ่งในรูปแบบคอนเทนต์หลากหลายรูปแบบที่ถูกนำมาใช้เป็นกลยุทธ์ในการตลาด หลายคนอาจมองว่างานเขียนโดยเฉพาะแบบที่ยาวๆ ยุคนี้อาจไม่เวิร์คแล้ว เพราะคนยุคนี้ส่วนใหญ่หันไปสนใจเสพวิดีโอสั้นๆ ที่เสพง่ายๆ ไม่เสียเวลากันมากกว่า แต่มีเพจกีฬาเพจหนึ่งที่ยีดมั่นในแนวทางสร้างงานเขียนแบบยาว โพสต์ลงเพจทุกวันแบบไม่มีวันหยุดเป็นเวลายาวนานเกือบ 8 ปี สร้างงานที่คนอ่านกด Like Comment Share หลักหมื่นหลักแสนมาแล้วแบบรัวๆ แถมสร้างรายได้หลักหลายแสนบาทต่อเดือนได้
เพจนี้มีชื่อว่า “วิเคราะห์บอลจริงจัง” เพจที่ที่หลายคนอาจได้เคยอ่านงานของเขามาก่อนโดยเฉพาะในช่วงมหกรรมกีฬาโอลิมปิก Paris 2024 ที่ผ่านมา หลายๆโพสต์กลายเป็นไวรัลมีคนแชร์ทะลุหมื่นครั้ง และไวรัลไปถึงขั้น สรยุทธ สุทัศนะจินดา หยิบไปอ่านออกรายการมาแล้ว
สิ่งที่น่าสนใจในเพจวิเคราะห์บอลจริงจังก็คือ วิธีการเขียนงานให้น่าอ่านแม้จะเป็นเรื่องเฉพาะกลุ่มอย่างกีฬา แต่สามารถทำให้คนทั่วไปที่ไม่ใช่แฟนกีฬาเข้าถึงได้ ทำอย่างไรให้คนกดเข้าไปอ่านจนจบแบบทุกบรรทัด และสร้าง Engagement ได้หลักหมื่นหลักแสน Marketing Oops! มีโอกาสเปิดบ้าน “คุณวิศ” วิศรุต สินพงศพร เจ้าของเพจ วิเคราะห์บอลจริงจัง ที่สวมหมวกหลายใบทั้งในฐานะเจ้าของเพจ คุณพ่อลูก 1 รวมถึงการเป็นพนักงานประจำที่สำนักข่าว workpointTODAY ควบคู่กัน และนี่คือ 20 ข้อคิดที่ได้จากการพูดคุยในวันนั้น
1. ชีวิตมีเป้าหมายตั้งแต่เด็ก
หนึ่งในที่มาความสำเร็จของคุณวิศ ที่ทำให้ผลงานประสบความสำเร็จทุกวันนี้ก็คือการมีความฝันที่จะเป็น “ผู้สื่อข่าวกีฬา” ตั้งแต่เด็กทำให้หลังเรียนจบโบราณคดีมหาวิทยาลัยศิลปากร คุณวิศ มุ่งหน้าในสายอาชีพ นักข่าวกีฬามาโดยตลอด จากหนังสือพิมพ์คิกออฟ สู่สยามกีฬา ก่อนที่จะค้นพบตัวตนว่าชื่นชอบงานเขียน จึงหาพื้นที่ปลดปล่อยไอเดียที่เกี่ยวกับเรื่องของกีฬาด้วยการเปิดเพจ “วิเคราะห์บอลจริงจัง” ในที่สุด
2. ต้องอ่านที่เราที่เดียวจบ
การสร้างงานเขียนแบบยาว ที่เริ่มต้นตั้งแต่การเขียนบทความวิเคราะห์หลังเกมการแข่งขันฟุตบอล มาสู่งานเขียนแบบวิเคราะห์บอลจริงจัง ที่แม้ว่าจะยาวเป็นพิเศษแต่ก็มีคนตามอ่านเยอะแยะไปหมดนั้น คุณวิศ เล่าว่าวิธีคิดคือ ไม่ได้วางแผนที่จะให้ยาวหรือสั้นตั้งแต่แรก แต่เป็นการคิดว่า อยากให้คนอ่านมาอ่านที่เราที่เดียวจบไม่ต้องไปอ่านที่อื่นอีกเพราะมีข้อมูลให้ครอบคลุมทุกอย่างแล้วนั่นเอง
3. ทักษะนักข่าวสร้างความแตกต่าง
คุณวิศเล่าว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้เพจวิเคราะห์บอลจริงแตกต่างจาก Sport Creator ในวงการอีกหลายๆเจ้าก็คือการ “มีทักษะและประสบการณ์ในฐานะสื่อมวลชนอยู่ในตัว” การที่เคยลงพื้นที่มาก่อน รู้จักแหล่งข่าว รู้จักคนในวงการกีฬา รู้จักนักกีฬาและนักข่าวสายต่างๆ ทำให้ได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากกว่าข้อมูลที่อยู่ในโลกอินเตอร์เน็ตเพียงอย่างเดียว ด้วยทักษะนี้ยังทำให้ คุณวิศ สามารถมองทิศทางข่าว วางแผนเตรียมคอนเทนต์ล่วงหน้าได้ด้วย
4. เจอจุดเปลี่ยน จากเพจหลักพันสู่หลักแสน
คุณวิศบอกว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เพจ วิเคราะห์บอลจริงจังเติบโตแบบก้าวกระโดด จากที่พยายามใช้เวลาเขียนงาน 4-5 ชั่วโมงทุกวันเป็นเวลา 1 ปีเต็มๆก็มีคนกดไลค์แค่ 4,000 คนเท่านั้น แต่จุดเปลี่ยนคือโพสต์ที่เล่าเรื่องราวของ “ริกกี้ แลมเบิร์ต” อดีตนักเตะลิเวอร์พูลที่โพสต์เอาไว้เมื่อ 7 ปีก่อน เรื่องราวของการตามความฝันให้ได้ร่วมทีมลิเวอร์พูลในช่วงสั้นๆ เรื่องราวที่ไม่ได้อิงกระแสแต่กลับทัชใจคน และกลายเป็นโพสต์ที่คนไลค์เกือบ 2 พันคนเรียกว่าทำให้ยอดผู้ติดตามพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดนับตั้งแต่นั้น
5. ไม่ต้องอิงกระแสถ้าเรื่องราวดีก็ปังได้
โพสต์ของ ริกกี้ แลมเบิร์ต ทำให้คุณวิศ ค้นพบว่า คนอ่านบางครั้งก็ไม่ได้สนใจว่าเรื่องจะต้องอิงกระแสหรือเป็นเรื่องของคนดังแต่ “ขอให้เป็นเรื่องราวที่ดีคนก็สามารถเข้าถึงและมีความสุขกับมันได้” สิ่งที่เกิดขึ้นเลยเป็นแนวทางที่ทำให้วิเคราะห์บอลจริงจัง ขยายจักรวาลไปสู่เรื่องอื่นๆที่บางครั้งไม่ได้ยึดติดกับกระแส ไม่ยิดติดแต่กับเรื่องฟุตบอล หรือเรื่องกีฬา แต่เล่าเรื่องอื่นด้วยเช่น เรื่องการเมือง ประวัติศาสตร์ หรือแม้กระทั่งเรื่อง หมู่ป่าติดถ้ำ เช่นโพสต์ “30 เหตุผลที่ทำให้ การติดถ้ำของหมูป่าไม่ใช่เรื่องสูญเปล่า” โพสต์มีคนกดไลค์เยอะถึง 57,000 คน
6. ข้อมูลคือวัตถุดิบ “วัตถุดิบดี” วิธีปรุงก็ไม่ยาก
แน่นอนว่า “ข้อมูล” คือสิ่งสำคัญที่สุดของการสร้างงานเขียน ซึ่งคุณวิศเปรียบเทียบเอาไว้ได้ดีว่า “นักเขียน” ก็เหมือนกับ “เชฟ” หากเชฟมี “วัตถุดิบที่ดี” การ “ปรุง” ให้ได้อาหารที่อร่อยก็ไม่ใช่เรื่องยาก ดังนั้น “ข้อมูลที่ดี” ก็จะทำให้ได้งานเขียนที่ดีเช่นกัน โดยข้อมูลที่นำมาใช้ในงานเขียนมาจาก 3 แหล่ง คือ
- สัมภาษณ์แหล่งข่าว
- ข้อมูลในโลกออนไลน์
- หนังสือ
คุณวิศระบุว่าโดยเฉพาะ “หนังสือ” ที่เป็นแหล่งข้อมูลชั้นดีที่อ่านมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะเรื่องราวบางอย่างประวัติศาสตร์บางเรื่องไม่ได้เก็บไว้ในรูปแบบออนไลน์ เมื่อมี 3 แหล่งนี้ก็จะทำให้เรื่องราวมีรายละเอียดมากกว่าคนอื่นและสร้างสรรค์งานที่แตกต่างได้
7. งานเขียนที่ดีพล็อตคือสิ่งสำคัญไม่จำเป็นต้องใช้คำยาก
ที่มาของการเขียนงานด้วยคำที่เข้าใจง่ายๆไม่ซับซ้อนของ วิเคราะห์บอลจริงจัง คุณวิศเล่าว่ามีแรงบันดาลใจมาจากหนังสือ “เลี้ยงลูกอย่างไรไม่ให้เป็นฆาตกร” งานเขียนของ “สรจักร” นักเขียนระดับตำนานผู้ล่วงลับ ผลงานที่สร้างงานด้วยคำธรรมดา เรียบง่าย แต่อ่านแล้วทำให้กลัวและขนลุกได้แม้จะไม่ใช่เรื่องแต่งก็ตาม งานเขียนเล่มนี้ทำให้คุณวิศเข้าใจว่า งานเขียนที่ดีไม่จำเป็นต้องใช้คำยากๆ แต่อยู่ที่พล็อต การเล่าเรื่องจริงในมิติของกีฬาด้วยการใช้คำเรียบๆง่ายๆให้มีพลังได้ การเล่าเรื่องจริงสามารถทำให้สนุกและแมสได้เหมือนกัน
8. 4 เรื่องที่ต้องคิดก่อนเขียน
ก่อนเขียนงานอะไรซักอย่างขึ้นมาสักชิ้น คุณวิศเล่าว่าได้ความรู้มาจาก workpointTODAY ว่าจะต้องมี 4 เรื่องที่ต้องคิดก่อนที่จะเขียนก็คือ เรื่องเหล่านั้นเป็น
- ทอล์กออฟเดอะทาวน์รึเปล่า ถ้าไม่ใช่ก็ดูว่า
- ได้ความรู้รึเปล่า ถ้าไม่มีอีกก็ดูว่า
- ได้ประโยชน์ต่อสังคมรึเปล่า และถ้าไม่มีทั้งสามข้อที่ว่ามาก็ดูอีกว่า
- ได้เงินรึเปล่า
ถ้าไม่มีทั้ง 4 ข้อนี้เลยก็ไม่ต้องเขียนงานชิ้นนั้นออกมา
9. การวางแผนคอนเทนต์ล่วงหน้า
นอกจากงานเขียนแบบเรียลไทม์อิงกระแสทอล์กออฟเดอะทาวน์แล้ว คอนเทนต์ที่ วิเคราะห์บอลจริงจัง วางแผนล่วงหน้าก็มี โดยคุณวิศยกตัวย่างเช่น “เหุตการณ์ครบรอบต่างๆ” เช่น ครบ 10 ปี รูนีย์ กระโดดตีลังกายิงใส่แมนเชสเตอร์ซิตี้ในวันที่ 7 ธันวาคม เมื่อครบรอบก็เขียนถึงเรื่องนี้ หรืออย่างมหกรรมโอลิมปิก “Paris 2024” ในพิธีเปิดก็วางแผนเขียนเรื่อง “ยิงธนูจุดคบเพลิง” ที่บาเซโลน่า เรื่องวิ่ง ก็ต้องมี “ยูเซน โบลต์” รวมถึงต้องมีเรื่อง “นาเดีย โคมาเน็ช” นักยิมนาสติกชาวโรมาเนียที่ได้ 10 คะแนนเต็มคนแรก แพลนเอาไว้ ผสมกับเรื่องใหม่อย่างนักกีฬาไทยที่ได้เหรียญ
นอกจากนี้ก็สามารถคาดการณ์คอนเทนต์ล่วงหน้าได้เช่นกัน อย่างเช่นการไปคุย โค้ชเป้ คนปลุกปั้นวิว กุลวุฒิ นักแบดมินตันเจ้าของเหรียญเงินของไทย โดยคุณวิศ คาดการณ์ว่าวิว มีโอกาสเข้ารอบลึก ก็สามารถคุยเรื่องราวการเตรียมตัว การฝึกซ้อม กลยุทธ์การสู้กับมือหนึ่งของโลก กับโค้ชเป้ไว้ก่อนเลยพอถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมก็โพสต์ ก็จะทำให้ยอดพุ่งได้
10. คนไม่ได้ขี้เกียจอ่านแต่แค่ไม่อยากเสียเวลา
คุณวิศ พูดถึงวลี “ยาวไปไม่อ่าน” ด้วยว่าไม่ใช่เรื่องของการที่คนไม่ชอบอ่านหนังสือหรือขี้เกียจอ่านเรื่องยาวๆ แต่เป็นเรื่องของการที่ “คนเราไม่อยากเสียเวลา” 10-15 นาทีไปกับบทความยาวๆที่เขียนได้ไม่ดีมากกว่า ดังนั้นเวลาเขียนงานก็ต้องคิดตลอดว่า คนอ่านต้องได้อะไรซักอย่างกับการอ่าน ถ้าไม่ได้ความสนุก ก็ต้องได้ความรู้ ให้เค้ารู้สึกว่า 15 นาทีนั้นไม่เสียเปล่า จริงๆ คนไม่ได้ชอบการอ่านน้อยลง แต่คนชอบการอ่านที่มีคุณภาพ ถ้าเราเขียนงานที่ดีพอ ให้คนอ่านชอบก็ยังอยู่ได้
11. ทฤษฎี 3 องค์ ที่ใช้ได้เสมอ
หลักการเขียนจะมีหลัก ทฤษฎี 3 องค์ คือมี เริ่ม-กลาง-จบ “เริ่ม” พาร์ทแรกคือ พาคนอ่านไปรู้จักกับตัวละครของเราก่อนอย่างเรื่องวิว เราก็ต้องพาคนอ่านไปให้รู้ก่อนว่า วิวเป็นใคร เป็นเด็กอัจฉริยะ ตั้งแต่ 10 ขวบ โรงเรียนสอนแบตมินตันทั่วประเทศต้องการได้ตัว ได้แชมป์อะไรมาบ้าง อีกตัวละครก็คือ โค้ชเป้ ที่ปลุกปั้นมาตั้งแต่เป็นเยาวชน สู้มาด้วยกันร้องไห้มาด้วยกัน
“กลาง” พาร์ท 2 คือ เล่าเรื่องก่อนไปโอลิมปิกเตรียมตัวยังไงบ้าง มีแผนการเล่นยังไงในการที่จะเจอมือ 1 ของโลก คว้าเหรียญเงินไปได้ และ พาร์ต 3 องค์ปิด คือ “สรุป” คนอ่านได้อะไรจากเรื่องนี้ สรุป คือได้เหรียญเงิน สรุปถ้าวันนั้นวิวไม่ฟังโค้ช ดื้อแพ่งต่อไป อาจไม่ประสบความสำเร็จ เป็นสิ่งที่สอนให้นักกีฬารุ่นใหม่ได้เรียนรู้ ว่าอีโก้มีได้แต่ก็ต้องมีอย่างเหมาะสม
คุณวิศ เล่าว่าในคอนเทนต์อะไรก็ตามเราต้องพาคนอ่านไปรู้จักกับตัวละคร รู้ว่าเรากำลังพูดถึงใคร พอให้เข้าใจแบคกราวด์ สองคือเล่าเรื่อง และสามคือสรุป ทั้งหมดที่เค้าได้อ่านมาเค้าต้องได้รู้อะไร ทฤษฎีนี้ใช้ได้กับงานเล่าเรื่องแทบทุกรูปแบบ
12. งานไวรัลมี “ก๊อกแรก” ก็มี “ก๊อกสอง”
เทคนิคการสร้างงานไวรัลคุณวิศ ยกตัวอย่างโพสต์ 169,000 ไลค์ 82,000 แชร์ เรื่องราวของคุณวิชัย ศรีวัฒนประภา หลังเกิดเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกอย่างน่าเศร้า โดยโพสต์นั้นเป็นเรื่องราวของเส้นทางของคุณวิชัยในการปั้นเลสเตอร์ขึ้นสู่แชมป์พรีเมียร์ลีก โดยหลักการของโพสต์ที่เป็นไวรัลนี้จะมีหลักการที่เรียกว่า “ก๊อกแรก” และ “ก๊อกสอง” อยู่ โดย “ก๊อกแรก” จะเป็นสนามที่แข่งขันกันเรื่องของ “ความเร็ว” เพจไหนที่ลงข่าวได้เร็วที่สุดคือผู้ชนะ ในขณะที่ วิเคราะห์บอลจริงจัง จะใช้เทคนิค “ก๊อกสอง” คือสนามที่แข่งกันในเรื่องของ “ความลึก” ของเรื่องราวและข้อมูลที่สร้างความแตกต่างได้
13. ความสม่ำเสมอสร้างความเชื่อใจกับคนอ่าน
อีกสิ่งสำคัญที่คุณวิศ เล่าว่าเป็นจุดเด่นก็คือ “ความเชื่อใจ” จากคนอ่านที่สร้างขึ้นมาจาก “ความสม่ำเสมอ” ของเพจที่ทำมาอย่างยาวนาน เพราะเพจ วิเคราะห์บอลจริงจัง จะโพสต์วันละ 1-2 โพสต์ทุกๆวันไม่มีวันหยุด คุณวิศ บอกว่าการสร้างคอนเทนต์ปังๆ โพสต์เดียวเป็นสิ่งที่ใครก็ทำได้ แต่สิ่งที่จะทำให้ยืนหยัดได้ก็คือการทำคอนเทนต์ปังๆได้ซ้ำแล้วซ้ำอีก สิ่งนี้จะทำให้คนอื่น “เชื่อใจ” ว่าเมื่อเกิดเรื่องราวอะไรขึ้น โดยเฉพาะเรื่องกีฬา แล้วจะเสียเวลาอ่านก็รออ่านกับเพจวิเคราะห์บอลจริงจังดีกว่า สิ่งนี้เพจทำมาต่อเนื่อง 8 ปี เป็นความสม่ำเสมอที่ทำให้ได้เปรียบ ดังนั้นหากจะยืนหยัดในวงการได้ต้องมีความสม่ำเสมอและอย่าเพิ่งพอใจกับโพสต์ไวรัลเพียงโพสต์เดียว
14. คนอ่านไม่ได้โง่บอกตรงๆเลยว่ารับโฆษณา
สำหรับเพจวิเคราะห์บอลจริงจัง คุณวิศ ระบุว่าในยุคนี้คนอ่านไม่ได้โง่ดังนั้นการเขียน Advertorial ของเพจจึงเลือกบอกตรงๆเลยว่ารับโฆษณามา แต่ในงานแต่ละชิ้นก็ต้องทำให้แน่ใจว่า “คนอ่านก็คู่ควรที่จะได้รู้ในเรื่องราวหรือแคมเปญต่างๆของแบรนด์” อย่างน้อยต้องได้ความรู้อะไรซักอย่างกลับไป แม้จะเป็นการขายแบบโต้งๆแต่ก็สามารถทำให้น่าสนใจได้ ยกตัวอย่างงานของ Lotus ที่ประชาสัมพันธ์แคมเปญพาพนักงานไปชมโอลิมปิกเป็นต้น
15. ภาษาอังกฤษทักษะที่เปิดโอกาสดีๆ
คุณวิศ มีมุมมองเกี่ยวกับทักษะภาษาอังกฤษว่าเป็นสิ่งสำคัญที่นอกจากจะทำให้เข้าถึงข้อมูลมหาศาลที่ถูกบันทึกเป็นภาษาอังกฤษทั้งแบบหนังสือและโลกออนไลน์แล้วยังเปิดโอกาสใหม่ๆ อย่างเช่นการได้โอกาสสัมภาษณ์คนดังระดับโลกอย่าง โชเซ่ มูริญโญ่ ผู้จัดการทีมเชลซีในเวลานั้น โดยคุณวิศ ที่เป็นเด็กใหม่ในสยามกีฬาที่มีทักษะภาษาอังกฤษก็เป็นคนที่ได้โอกาสสัมภาษณ์ 15 นาทีในครั้งนั้นไป
16.ไม่หยุดเรียนรู้พัฒนาทักษะการเขียน
แม้จะมีประสบการณ์ 8 ปี เล่าเรื่องได้อย่างเชี่ยวชาญแล้วคุณวิศก็ยังไม่หยุดศึกษาและพัฒนาทักษะในการเขียนตลอดเวลา โดยเฉพาะการ “ก้าวไปสนใจเรื่องอื่นๆนอกความเชี่ยวชาญของตัวเองศึกษาเรียนรู้เรื่องอื่นๆที่ไม่ใช่เรื่องกีฬา” นอกจากนี้ ทุกครั้งที่ใช้เวลา ดูหนัง เล่นเกม อ่านการ์ตูน นอกจากความบันเทิงที่ได้แล้วยังสามารถศึกษาวิธีการเล่าเรื่องรูปแบบต่างๆแล้วเอามาผสมผสานให้เป็นวิธีการของเราเองได้
17. ยิ่งมี AI “ความเป็นมนุษย์” ยิ่งสำคัญ
ในยุค AI แบบนี้คุณวิศ ใช้ AI มาช่วยงานบ้างรึเปล่า คุณวิศ ตอบว่าโปรแกรมที่ใช้สร้างงานเขียนก็คือ โปรแกรม Notepad โปรแกรมเดียวเท่านั้น การทำงานจะเรียบเรียงพล็อตเรื่องทุกอย่างในหัวส่วนหนึ่งเพราะประสบการณ์งานเขียนที่มีมายาวนาน นอกนั้นก็จะเป็นการหาข้อมูลมาประกอบ
ส่วนเรื่อง AI นั้นคุณวิศ มองว่ายิ่ง AI พัฒนาไปมากแค่ไหน ความเป็นมนุษย์ก็ยิ่งมีความหมายมากขึ้นเท่านั้น เป็นเหตุผลให้ วิเคราะห์บอลจริงจัง อยากสร้างงานที่เรียล ที่คราฟต์ให้มากที่สุด รวมไปถึงการตอบคอมเมนท์และการตอบแชทที่คนทักเข้ามาซื้อหนังสือที่กำลังขายอยู่ก็จะตอบเองทั้งหมด การมีปฏิสัมพันธ์ด้วยตัวเองทำให้เราได้พูดคุยได้รู้ความต้องการของลูกค้าจริงๆ
18. หา Blue Ocean ให้เจอแล้วเป็นมือ 1-3 ของตลาด
ในโลก Social Media ทุกวันนี้ที่เกิดครีเอเตอร์ขึ้นมากมาย สื่อกระแสหลักก็ลงมาเล่นในโซเชียลมีเดียกันแล้ว เช่นเดียวกับเม็ดเงินจาก Agency ก็ไหลมาสู่ Social Media การจะโดดเด่นในตลาดแข่งขันสูงได้จะต้องหา Blue Ocean ให้เจอเพราะการที่เราเป็นอันดับ 1-3 ของตลาดได้ก็จะทำให้แบรนด์และสินค้าต่างๆคิดถึงเราก่อน อย่างเช่นหากแบรนด์ต้องการสื่อสารผ่านเพจที่นำเสนอเรื่องกีฬาสไตล์เขียน แบรนด์ก็จะนึกถึงเพจ วิเคราะห์บอลจริงจังก่อนเป็นอันดับแรกๆนั่นเอง
19. ขยายช่องทางรับความเสี่ยงในอนาคต
อนาคตคือความไม่แน่นอนโดยเฉพาะเรื่องของแพลทฟอร์มอย่าง facebook ที่คาดเดาไม่ได้เลยว่าจะมีอัลกอริทึ่มเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง เช่นไม่นานมานี้พิมพ์คำว่า “อาเนอ สล็อต” ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลคนใหม่ก็โดนแบนโพสต์นั้นแล้วเพราะแพลทฟอร์มมองว่าเกี่ยวข้องกับการพนัน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ วิเคราะห์บอลจริงจัง จึงขยายไปสู่โลกวิดีโออย่าง YouTube (ผู้ติดตาม 4.27k) และ TikTok (ผู้ติดตาม 304k) ที่บางคลิปมีผู้ชมเกือบ 5 ล้านวิวแล้วด้วย อย่างไรก็ตามส่วนตัวคุณวิศระบุว่าจะยังคงเขียนงานต่อไปเรื่อยๆไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
20. Work-Life-Balance มีจริงหลังอัพเลเวลด้วยความทรมาน
คุณวิศ เชื่อว่า Work-Life-Balance มีจริงแต่การจะมีสิ่งนี้ได้ต้องมีความแข็งแรง ผ่านความพยายามถึงขีดสุด ผ่านความทุกข์ทรมานจากการทำงานมาก่อนโดยเฉพาะถ้าต้องการที่จะมีชื่อเสียง ต้องทำงานสร้างทักษะและประสบการณ์ พัฒนาตัวเองอย่างเต็มที่มาก่อนเพื่อสร้างการเติบโตมาสู่จุดที่ประสบความสำเร็จ จากนั้นก็เป็นการเก็บเกี่ยวสิ่งที่ผลิดอกออกผลจากสิ่งที่พยายามมา เมื่อนั้น Wolk-Life-Balance ก็จะมีได้เอง
“ไม่มีทางเลยที่เราจะสร้างอะไรได้ถ้าเราไม่ผ่านความทุกข์ทรมานมาก่อน อย่างผมเขียนงานทุกวันไม่มีวันหยุดแม้แต่วันเดียว ต่อให้บางวันเราจะรู้สึกว่า ไม่อยากทำ ขี้เกียจแบบ “กูต้องโพสต์เหรอวะ” แต่สุดท้ายก็ทำ การที่เราลุกขึ้นมาทำได้ทั้งที่เราไม่อยากทำสุดท้ายมันจะเป็นกิจวัตรและเป็นรากฐานที่สำคัญของเราไปเอง ผมคิดว่าทุกคนคนที่จะประสบความสำเร็จกับอะไรซักอย่างมันต้องผ่านความทรมานกับการทำงานมาช่วงนึง โดยเฉพาะช่วง 10 ปีแรกของชีวิตการทำงาน” คุณวิศ สรุป