ในชั่วโมงแรกที่ตื่นนอนคุณทำอะไร ก่อนทานอาหารเช้าคุณทำอะไร หรือว่าคุณตื่นสาย พักผ่อนน้อย เหนื่อยล้าจากการทำงานเมื่อวาน จนส่งผลกระทบถึงเช้าวันต่อมา ถ้าทุกคนใช้ชีวิตเหมือนๆ กัน แล้วคุณเคยสงสัยบ้างหรือไม่ว่าคนที่ประสบความสำเร็จแล้ว พวกเขาทำอะไรในตอนเช้า จากหนังสือ What the Most Successful People Do Before Breakfast ที่เขียนโดย Laura Vanderkam ได้ทำการสำรวจถึงพฤติกรรมของคนที่ประสบความสำเร็จ ว่าในช่วงเช้าก่อนทานอาหารพวกเขาทำอะไร โดยแบ่งได้เป็น 12 ข้อ ดังนี้
1. ตื่นก่อนพระอาทิตย์ขึ้น
คนที่ประสบความสำเร็จย่อมรู้ว่าเวลาเป็นสิ่งที่มีค่า และพวกเขาพร้อมจะตื่นทันทีเมื่อเสียงโทรศัพท์ดัง การประชุมด่วน และเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นในที่ทำงาน เรียกได้ว่าเวลาทุกนาทีอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา นั่นจึงเป็นเหตุผลที่พวกเขาตื่นก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เพราะในช่วงเวลานั้นพวกเขาจะทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ
จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหาร 20 ท่าน พบว่ากว่า 90% พวกเขาจะตื่นก่อนหกโมงเช้าในวันธรรมดา ยกตัวอย่างเช่น Indra Nooyi ผู้บริหาร PepsiCo ตื่นตอนตี 4 และไปถึงออฟฟิศไม่เกิน 7 โมงเช้า ด้าน Bob Iger ผู้บริหาร Disney จะตื่นตอน 04.30น. และ Jack Dorsey ผู้บริหาร Square จะตื่นตอน 5.30น. เพื่อไปวิ่งในตอนเช้า
2. ออกกำลังกายทุกเช้า
ในช่วงเช้าของทุกวันคนที่ประสบความสำเร็จแล้วพวกเขาจะออกกำลังกายที่บ้าน หรือที่ยิม เหมือนกับที่ Ursula Burns ผู้บริหาร Xerox ได้ปรับตารางเวลาส่วนตัวในตอนเช้าให้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมง โดยเริ่มต้นตั้งแต่ 6 โมงเช้าเพื่อฝึกกับเทรน์เนอร์ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง Steve Murphy ผู้บริหารของ Christie จะออกกำลังกายด้วยโยคะในตอนเช้า และ Frits van ผู้บริหารโรงแรมในเครือ Starwood จะใช้เวลาในการวิ่งทุกเช้า โดยเริ่มตั้งแต่ 05.30 น.
คุณอาจไม่เชื่อว่าผู้บริหารระดับสูงเหล่านี้จะมีเวลาในการออกกำลังกาย ซึ่งพวกเขาตระหนักว่าการออกกำลังกายในตอนเช้าเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นการคลายเครียด เผาพลาญไขมัน รวมถึงช่วยให้การพักผ่อนในเวลากลางคืนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. เริ่มวางแผนงานที่สำคัญก่อน
ในชั่วโมงที่เงียบสงบของวัน ตอนเช้าจึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมุ่งสมาธิทั้งหมดไปที่โปรเจ็คสำคัญ เพราะจะไม่ถูกขัดจังหวะจากสิ่งเร้าต่างๆ โดยผู้เขียนยกตัวอย่าง Debbie Moysychyn ผู้ช่วยศาสตราจารย์ จาก Brandman University – Chapman University System เกี่ยวกับตารางการทำงานของเธอ ที่ตลอดวันจะเต็มไปด้วยการประชุมต่างๆ จนไม่สามารถทำงานอื่นได้เลย ส่งผลให้งานทุกอย่างต้องหยุดชะงัก ด้วยเหตุนี้เธอจึงเริ่มคิดว่าช่วงเช้าควรเป็นเวลาของโปรเจ็คสำคัญ หรืองานที่ต้องใช้สมาธิ เธอจึงปรับตารางเวลาของตัวเองทั้งหมด ให้เวลา 06.30 น. เป็นเวลาจัดการงานสำคัญทั้งหมด และต้องไม่มีอะไรมารบกวนสมาธิ
4. ทำในสิ่งที่ตนเองหลงใหลในทุกๆ เช้า
การทำในสิ่งที่ตนเองรักไม่ว่าจะเป็นการเขียนนิยาย หรือการสร้างงานศิลปะ อาจเป็นเรื่องง่ายกว่าการเข้าประชุมทั้งวัน ที่แสนจะเหนื่อยล้า หิว และเริ่มคิดว่าเย็นนี้จะทานอะไรดี ซึ่งก่อนจะเริ่มต้นวันทำงานอย่างจริงจัง ถ้าคุณลองแบ่งเวลามาสักหน่อย เพื่อทำในสิ่งที่ตนเองชอบ ก็จะช่วยผ่อนคลาย สร้างแรงใจได้ไม่น้อย
ยกตัวอย่างเช่น Charlotte Walker อาจารย์สอนวิชาประวัติศาสตร์ เธอกล่าวกับผู้เขียนว่า ตอนเช้าระหว่าง 06.00 – 09.00 น. เธอจะใช้เวลาเพื่ออ่านหนังสือเกี่ยวกับการเมือง ศาสนาของแอฟริกาตะวันตก ซึ่งเธอสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้จากบทความนี้ แล้วก็นำความรู้เหล่านี้มาถ่ายทอดไปยังนักศึกษาของเธอที่มหาวิทยาลัยชิคาโก
การแบ่งเวลาในช่วงเช้าเพื่อเขียนหนังสือ หรืออ่านหนังสือทุกวัน จนกลายเป็นนิสัย นอกจากจะเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ได้ความรู้ใหม่ๆ แล้ว คุณอาจได้ผลพลอยได้ที่ไม่คาดฝันอย่างเช่น ความก้าวหน้าในอาชีพ และค่าตอบแทน
5. ให้เวลากับครอบครัว
หลายคนอาจยกเวลาอาหารค่ำให้กับครอบครัว แต่ถ้าคุณเป็นครอบครัวใหญ่การรวมสมาชิกให้ครบอาจเป็นเรื่องยาก หรือเจอกันเฉพาะในโอกาสพิเศษเท่านั้น สำหรับกลุ่มคนที่ประสบความสำเร็จแล้ว พวกเขาจะใช้เวลาในตอนเช้ากับครอบครัว พูดคุยเรื่องต่างๆ หรือทำอาหารเช้าร่วมกัน
Judi Rosenthal นักวางแผนทางการเงิน จากนิวยอร์ก เผยว่า เธอจะใช้เวลาในช่วงเช้าเป็นเวลาพิเศษระหว่างเธอกับลูกสาว เช่น การช่วยลูกสาวแต่งตัว จัดที่นอน ทำงานศิลปะร่วมกัน รวมถึงทานอาหารเช้า และพูดคุยเรื่องสัพเพเหระ ซึ่งเธอเรียกช่วงเวลา 45 นาทีนั้นว่า “เวลาที่มีค่าที่สุดของวัน”
6. สร้างความสัมพันธ์กับคู่สมรส
กว่าจะหมดวันทำงานคุณก็เหนื่อยสายตัวแทบขาด ไหนยังต้องมาเตรียมอาหารเย็น ดูโทรทัศน์ ถึงเวลาก็อยากจะล้มตัวนอนแล้ว นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม ช่วงเช้าจึงสำคัญ และเหมาะกับการกระชับความสัมพันธ์กับคู่ชีวิตของคุณ นอกจากนี้ คุณอาจไม่เชื่อว่าการทำกิจกรรมบนเตียงตอนเช้า จะช่วยให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น และยังเผาพลาญแคลอรี่ได้อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น Obie McKenzie Managing Director ของ BlackRock และภรรยาของเขา จะเดินทางจากชานเมืองเข้าสู่มหานครนิวยอร์กทุกเช้า ซึ่งพวกเขาจะใช้เวลาระหว่างการเดินทางพูดคุยเรื่องชีวิต การเงิน รายการของที่ต้องซื้อ และวางแผนพักผ่อนสำหรับสุดสัปดาห์
7. สร้างสภากาแฟในตอนเช้า
ถ้าคุณมีภารกิจที่ต้องกลับบ้านเร็วทุกวัน การพบปะผู้คนในช่วงเช้าจึงเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการทานอาหารเช้า กินกาแฟ และพูดคุยกับคนอื่นๆ เพราะการพูดคุยในช่วงเช้าจะคุยเรื่องเบาๆ ไม่เครียดเกินไป แตกต่างจากการทานข้าวกลางวันที่เน้นความสนุกสนานเฮฮามากกว่า
ยกตัวอย่างเช่น Christopher Colvin ทนายความในนิวยอร์ก ได้สร้างกลุ่มคนสนิทสำหรับยามเช้า โดยมีชื่อกลุ่มว่า “IvyLife” เป็นกลุ่มคนที่มีความชอบเกี่ยวกับ Ivy League เหมือนกัน โดยจะนัดหมายกันทุกวันทำงานตั้งแต่ 05.30 น. เพื่อพูดคุย เดินเล่น ทานอาหารเช้า และแลกเปลี่ยนความคิดในแง่มุมต่างๆ
8. นั่งสมาธิทำจิตใจให้สะอาด
คนที่ประสบความสำเร็จแล้ว พวกเขาจะมีความต้องการมากกว่าคนอื่นๆ ในที่นี้หมายถึงความต้องการที่จะประสบความสำเร็จ พวกเขาจึงพยายามทำจิตใจให้สงบ ด้วยการนั่งสมาธิหรือสวดมนต์ทุกวัน ก่อนมุ่งหน้าไปทำงาน สานฝันความสำเร็จ
ยกตัวอย่างเช่น Manisha Thakor ผู้บริหาร MoneyZen Wealth Management เปิดเผยว่า เธอฝึกปฏิบัติสมาธิทุกวัน วันละ 20 นาทีก่อนทานอาหารเช้า และอีกครั้งตอนเย็น โดยเน้นการกำหนดลมหายใจ สวดมนต์ ซึ่งเธอพบว่ากิจกรรมนี้ช่วยให้เธอใช้ชีวิตได้ดีขึ้น
9. บันทึกสิ่งที่รู้สึกดี รู้สึกขอบคุณต่อสิ่งที่คุณได้รับ
การแสดงความขอบคุณเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยเตือนตัวเองให้รู้สึกซาบซึ้งกับสิ่งที่คุณได้รับ โดยบันทึกชื่อคน สถานที่ และโอกาสที่คุณรู้สึกขอบคุณต่อคนๆ นั้น ซึ่งจะใช้เวลาเพียงไม่กี่นามีต่อวัน การทำแบบนี้จะช่วยให้คุณมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีต่อคนรอบข้าง สร้างมุมมองใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต แม้เรื่องที่ต้องการขอบคุณจะเป็นเรื่องเล็กๆ ก็ตาม
ยกตัวอย่างเช่น Wendy Kay ผู้บริหารด้านเภสัชกรรม เผยว่า เธอใช้ช่วงเวลาในตอนเช้าเพื่อจดบันทึกสิ่งต่างๆ เพื่อแสดงความขอบคุณ และขอคำแนะนำในการสร้างแรงบันดาลใจ นอกจากการจดแล้ว ถ้ามีโอกาสเธอก็จะบอกคนๆ นั้นด้วย และเธอยังเผยอีกว่าการทำเช่นนี้ช่วยให้เธอมีวิสัยทัศน์ที่ดี ทั้งสำหรับตัวเองและพนักงานในองค์กร
10. เขียนแผนและภาพรวมการทำงานทุกวัน
การวางแผนรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน นับเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรมี ไม่เฉพาะแค่คนที่ประสบความสำเร็จแล้วเท่านั้น โดยเฉพาะในตอนเช้า ช่วงเวลาที่สมองปลอดโปร่ง การจัดลำดับความสำคัญ และกำหนดทิศทางการทำงานจะช่วยให้ทั้งวันคุณทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
11. เช็คอีเมล์
มีผู้เชี่ยวชาญหลายแขนงต่างบอกว่า ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเช็คอีเมล์คือ ช่วงเช้า ซึ่งก็มีกลุ่มคนที่ประสบความสำเร็จแล้วหลายคนที่เริ่มต้นวันด้วยการเช็คอีเมล์ เพราะใช้เวลาไม่นาน กวาดสายตาไปอย่างรวดเร็ว เลือกตอบเฉพาะอีเมล์เร่งด่วนเท่านั้น
ยกตัวอย่างเช่น Gretchen Rubin เจ้าของโครงการ “The Happiness Project” ที่เธอจะตื่น 6 โมงเช้าทุกวันเพื่อเช็คอีเมล์ เคลียร์กล่องจดหมาย เขียนกำหนดการ และอ่านข่าวต่างๆ ซึ่งเธอบอกว่า ที่เธอทำแบบนี้ทุกวัน ช่วยให้เธอมีสมาธิมากขึ้น
12. ติดตามข่าวสารบ้านเมือง
ไม่ว่าจะอยู่ในร้านอาหาร หรืออยู่ในสำนักงาน คุณสามารถอ่านข่าวได้ทุกที่ ทั้งในหนังสือพิมพ์ บล็อก ทวิตเตอร์ เว็บไซต์ ทั้งผ่านคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ ซึ่งการมีความรู้รอบตัวเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะมี หรืออย่างน้อยก็ควรทราบว่าปัจจุบันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง
ยกตัวอย่างเช่น Jeff Immelt ผู้บริหาร GE เผยว่า เขาจะเริ่มต้นวันด้วยการออกกำลังกาย และอ่านหนังสือพิมพ์ ดู CNBC ทุกเช้า และ David Cush ผู้บริหาร Virgin America บอกว่า เขาจะฟังรายการวิทยุที่เกี่ยวกับกีฬา และอ่านข่าวขณะอยู่บนจักรยานออกกำลังกายทุกวัน
คุณอาจรู้สึกเบื่อเมื่อได้ยินหัวข้อเหล่านี้ ทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ ทำอย่างไรให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้น ฯลฯ จาก 12 ข้อที่กล่าวไปนั้น คุณไม่จำเป็นต้องมีครบทั้งหมดก็ได้ ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องเร่ง และไม่ต้องกดดันตัวเอง ทุกสิ่งต้องใช้เวลา ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนไปทีละนิด ถ้าคุณเริ่มทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้ว นั่นก็ถือว่าคุณเข้าใกล้ความสำเร็จมากขึ้น