การจราจรทุกวันนี้มันโหดร้ายมาก บางคนใช้เวลาอยู่บนท้องถนนนานกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน การทำงานที่บ้านจึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ช่วยแก้ปัญหาได้ และมีหลายคนที่เลือกใช้วิธีนี้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับผู้บริหารขององค์กรนั้นๆ แต่ในขณะเดียวกันยังมีกลุ่มคนที่บอกว่าการทำงานจากที่บ้านนั้นดูไม่เป็นมืออาชีพ ชิ้นงานที่ได้ก็ไม่มีคุณภาพ ซึ่งเมื่อเทียบกับมนุษย์เงินเดือนในประเทศไทย การทำงานจากที่บ้านส่วนมากจะเป็นฟรีแลนซ์มากกว่าพนักงานประจำ
แต่ไม่ว่าคุณจะทำงานจากที่บ้านเดือนละครั้ง หรือทุกๆ วัน สิ่งที่ต้องมีคือ การปรับตัวให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีวินัยในการทำงานกว่าปกติ และพยายามนำพฤติกรรมการทำงานในสำนักงานมาบังคับใช้กับตัวเองเพื่อผลงานที่ได้คุณภาพ โดยมี 10 ข้อที่จะนำมาปรับใช้ได้ ดังนี้
1.จัดสรรพื้นที่สำหรับทำงานให้เป็นสัดส่วน
คำว่า “Home Office” ก็หมายความตรงตัว คือคุณสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ภายในรั้วบ้าน จะเป็นบนเตียงนอน หรือในห้องน้ำก็ได้ แต่จะดีกว่าไหมถ้าคุณสร้างพื้นที่สำหรับทำงานโดยเฉพาะ ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่มาก ไม่มีโทรทัศน์ วิทยุ หรือสิ่งใดๆ ที่จะทำให้ไขว้เขว เพื่อช่วยให้สำนักงานภายในบ้านของคุณดูเรียบร้อย อีกทั้งยังสนับสนุนให้คุณมุ่งไปที่การทำงานอย่างเดียว และยังเหลือเวลาสำหรับการพักผ่อนอีกด้วย
2.ต้องมีชุดสำหรับทำงาน
คุณอาจบอกว่า ทำงานที่บ้านจะใส่ชุดนอนทำงานก็ได้ เพราะนั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ แต่การใส่ชุดทำงานโดยเฉพาะนั้นจะส่งผลทางด้านจิตใจ ว่าคุณกำลังรู้สึกทำงานจริงๆ ทั้งนี้ คุณไม่จำเป็นต้องใส่สูท ผูกไทด์ทุกวัน แต่แบ่งชุดสำหรับเฉพาะวันทำงานเท่านั้น เรียกว่าถ้าคุณใส่ชุดทำงาน (ที่บ้าน) คุณจะเข้าสู่โหมด “ทำงาน” ทันที และหลีกเลี่ยงการใส่ชุดนอน เพราะชุดนอนจะทำให้คุณรู้สึกอยากนอน อยากคลานเข้าหาเตียงตลอดเวลา
และถ้าคุณต้องติดต่อกับคนอื่นๆ ผ่าน Skype หรือการ Face Time ต่างๆ การใส่ชุดนอนก็ดูไม่เรียบร้อย ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ประทับใจ และยังมองว่าคุณไม่เป็นมืออาชีพอีกด้วย
3.รู้จักการสื่อสารในรูปแบบต่างๆ
โทรศัพท์มือถือ อีเมล์ ข้อความ และการแชทแบบเห็นหน้า ทั้งหมดนี่คือสิ่งที่ Telecommuter หรือคนที่ทำงานอยู่ที่บ้าน และใช้คอมพิวเตอร์ของตัวเองติดต่อกับสำนักงานหรือผู้ว่าจ้าง ต้องเรียนรู้การใช้งานช่องทางการสื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ต เพราะบางครั้งโทรศัพท์มือถือคุณเสีย ก็ยังมีอินเตอร์เน็ตที่ยังใช้งานได้อยู่ การเลือกใช้สื่อแต่ละประเภทนั้นก็ขึ้นอยู่กับความชอบของคุณเอง แต่ไม่ว่าจะเลือกใช้ช่องทางไหน คุณต้อมพร้อมสำหรับการติดต่อตลอดเวลา เพื่อความราบรื่นของการทำงาน ทั้งตัวคุณเองและผู้ว่าจ้าง
4.แบ่งเวลาเข้างาน และเลิกงาน
การทำงานที่บ้านสิ่งสำคัญคือ เวลา ไม่ใช่ว่าตื่นตอนไหนก็ทำงานตอนนั้น นึกอยากจะออกไปเที่ยวเล่นก็ไป คุณต้องเข้มงวดกับตัวเองให้มาก กำหนดเวลาว่าจะเริ่มทำงานกี่โมง และจะเลิกงานกี่โมง และต้องยึดมั่นในกฏที่ตนเองได้ตั้งไว้ เช่น 08.00 – 17.00 พักเที่ยง 1 ชั่วโมง การทำแบบนี้จะช่วยแบ่งชีวิตส่วนตัวกับการทำงานของคุณได้ และยังช่วยให้คุณแบ่งเวลาส่วนตัวกับเวลางานได้ชัดเจน
5.กำหนดงานในแต่ละวัน
การวางแผนว่าแต่ละวันคุณจะทำอะไรบ้าง จะช่วยให้คุณทำงานได้เร็วขึ้น เพราะทำงานแบบอิสระ จำเป็นต้องมีตารางเวลา แบบแผนที่ใช้งานได้จริง จัดระเบียบงานตามลำดับความสำคัญ ระบุว่างานไหนที่ต้องเสร็จภายในวันนี้ และเมื่อถึงเวลาเลิกงานให้คุณลองกลับไปทบทวนสิ่งที่เขียนไว้ ว่าทำเสร็จครบหรือยัง แล้ววางแผนสำหรับวันต่อไปทันที
6.อย่าลืมแบ่งเวลาสำหรับการพักเบรก
เวลาทำงานในสำนักงานคุณอาจจะมีเวลาพักแค่ช่วงกลางวันเท่านั้น ไปเดินเล่นที่ไหนก็ไม่ได้ แต่เมื่อคุณทำงานที่บ้าน เวลาพักของคุณอาจมีหลายช่วง แต่คงออกไปไกลไม่ได้ ลองคลายเครียดด้วยการเดินมาห้องนั่งเล่น ดูโทรทัศน์สัก 10 นาที เดินเล่นที่สวนหน้าบ้าน ผ่อนคลายสมอง และจิตใจ ก็จะช่วยให้คุณได้มุมมองใหม่ๆ ในการทำงาน
7.มีปฏิสัมพันธ์กับคนในครอบครัว
มีความเข้าใจผิดๆ ที่บอกว่าเมื่อทำงานที่บ้านแล้ว ไม่ควรเสียเวลากับคนในครอบครัว เพราะจะทำให้งานล่าช้า จริงๆ แล้วคุณไม่ควรละเลยสมาชิกในครอบครัวไม่ว่ากรณีใดๆ ไม่จำเป็นต้องแยกตัวเองออกมา แต่ควรบอกให้คนในครอบครัวทราบว่าคุณกำลังทำอะไร ตรงไหนคือส่วนสำนักงาน การพูดคุยกับเพื่อนและครอบครัวเป็นประจำจะช่วยให้คุณรู้สึกสบายใจขึ้น
8.ออกไปเจอโลกภายนอกบ้าง
บางครั้งการสื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ตอาจยังไม่ได้ครอบคลุมมากพอ ถ้าคุณกำลังทำงานที่บ้านทั้งวันและทุกวัน เมื่อมีธุระหรือการประชุมสำคัญที่พลาดไม่ได้ ก็ควรจะออกไปพบเพื่อนร่วมงาน-ลูกค้า เพื่อหาแนวทางการทำงานร่วมกัน ถ้าเป็นไปได้ก็ควรเข้าออฟฟิสอย่างน้อย 1 วันต่อสัปดาห์
9.สร้าง Mission เล็กๆ ให้ทุกวัน
อาจฟังดูยิ่งใหญ่ และเป็นเรื่องยาก แต่เชื่อว่าทุกคนต้องรู้สึกขี้เกียจ ไม่อยากทำ ผลัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ ลองตั้ง Mission ทุกวัน กระตุ้นให้ทำในสิ่งที่ควรทำ เช่น ในตอนเช้าก่อนทำงาน แบ่งเวลา 15 นาที เพื่อเช็คอีเมล์ พร้อมทานอาหารเช้าไปด้วยก็ได้ และคิดถึงสิ่งที่จะทำต่อไป ถ้าทำแบบนี้ทุกเช้า กิจกรรมเหล่านี้ก็จะกลายเป็นนิสัยที่ดี และช่วยให้คุณมีตารางชีวิตที่แน่นอนขึ้น
10. ให้รางวัลกับตัวเอง
ถ้าคุณทำงานเสร็จ และงานออกมาดีเป็นที่น่าพอใจของทุกฝ่าย คุณก็สมควรได้รับรางวัล การเอาชนะอุปสรรคได้นั้นเป็นเรื่องที่น่ายินดี อย่าลังเลที่จะให้รางวัลตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ หรือวันหยุดพักผ่อน การทำงานด้วยทัศนคติในเชิงบวกจะช่วยให้ความสำเร็จอยู่ใกล้มากขึ้น
สภาพแวดล้อมการทำงานจากที่บ้านจะได้เปรียบการทำงานในสำนักงานตรงที่คุณสามารถผ่อนคลายจิตใจ พักผ่อนได้ตามใจอยาก การปรับนิสัยให้เหมาะกับการใช้ชีวิตประจำวันของคุณจะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ถ้าคุณเพิ่งเริ่มต้นทำงานจากที่บ้าน คุณอาจต้องใช้เวลาในการหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง ต้องมีความมุ่งมั่นกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ รับรองว่าทุกอย่างต้องออกมาสมบูรณ์แบบแน่นอน
