อีกเพียงวันเดียวเท่านั้น โลกจะเตรียมเคาท์ดาวน์นับถอยหลังเข้าสู่ปี 2021 อย่างเต็มตัว แต่ก็ใช่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะทำให้เราพากันวางใจได้ เพราะผู้เชี่ยวชาญในหลายสาขาต่างก็มองไปคล้ายๆ กันว่า ‘ปี 2021 น่าจะแสนโหดกว่าปี 2020’ โดยเฉพาะวิกฤตการระบาดของไวรัสที่เกิดขึ้นมากว่า 1 ปีแล้ว
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่คิดว่า ปี 2021 โลกของเรามันจะ ‘แย่กว่าเดิม’ อย่างน้อยๆ คำเปิดใจของมหาเศรษฐีโลกอย่าง ‘บิล เกตส์’ (Bill Gates) หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ ก็มีมุมมองที่แตกต่างไปจากคนส่วนใหญ่
แล้วเพราะอะไรเขาถึงคิดแบบนั้น? ทั้งๆ ที่ในภาพรวมตอนนี้โลกเราสูญเสียมนุษยชาติไปแล้วกว่า 1.6 ล้านคน และยังมีผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 รวมๆ ประมาณ 75 ล้านคน (ณ วันที่ 22 ธ.ค. 2020) ดังนั้น พูดได้เต็มปากว่า “ปีนี้เป็นปีแห่งการทำลายล้างจริงๆ”
ส่วนภาพรวมของเศรษฐกิจโลกที่เป็นอัมพาตมานาน ก็ได้รับผลกระทบไม่ต่ำกว่าหลายสิบล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ยังไม่มีวี่แววของ ‘วัคซีน’ ว่าจะประสบความสำเร็จ หรือผลิตได้เพียงพอกับคนทั้งโลก!
ยิ่งสถานการณ์ใน ‘สหรัฐฯ’ ก็ยิ่งน่าเป็นห่วง ไหนจะไวรัส COVID-19 ระบาดหนัก, ฆาตกรรม George Floyd ซึ่งก่อเหตุลุกลามไปถึงความขัดแย้งเรื่องสีผิวที่ฝังรากเหง้าในสหรัฐฯ มานาน จนมาถึง ปัญหาการเมืองเปลี่ยนหน้าของสหรัฐฯ
แต่นี่คือสิ่งที่ บิล เกตส์ ได้ให้มุมมองของเขาเองในบล็อกส่วนตัว ‘GatesNotes’ โดยพูดเปิด topic ด้วยประโยคที่ว่า “there is good news coming in 2021.” (ข่าวดีกำลังจะมาในปี 2021)
โดยสรุปในความสำคัญที่ บิล เกตส์ อยากจะสื่อสารกับเรา(คนทั้งโลก) ว่าทำไมเขาถึงคิดว่า ปี 2021 จะเป็นข่าวดีมากกว่าข่าวร้าย เพราะว่าตลอดเวลาในปีนี้เขาได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับมูลนิธิ (มูลนิธิของบิลและเมลินดา เกตส์) และทุ่มเททั้งเวลาและเงินไปกับการศึกษาและพัฒนาวัคซีนสำหรับต้านไวรัส COVID-19
“หากมองย้อนกลับไปผมรู้สึกตะลึงในความสามารถการพัฒนาและศึกษาเกี่ยวกับเชื้อไวรัส และวัคซีนต่างๆ เพราะมนุษย์ยังไม่เคยมีความก้าวหน้าเกี่ยวกับโรคต่างๆ ได้เร็วเท่านี้มาก่อน โดยปกติเราจะใช้เวลาในการศึกษาอยู่ร่วมๆ 10 ปี แต่ครั้งนี้เราใช้เวลาเข้าใจ และสร้างวัคซีนหลายๆ ชนิดในเวลาไม่ถึง 1 ปีด้วยซ้ำ”
ดังนั้น สิ่งที่บิล เกตส์ มองว่ามันจะดีกว่าปีนี้อย่างแน่นอนก็คือ ‘ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์’
หลายบริษัทพยายามคิดค้นวัคซีนต้าน COVID-19
ความก้าวหน้าทางวิทยาสาสตร์และนวัตกรรม ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ที่ใดที่หนึ่ง หรือแค่ในมูลนิธิของ บิล เกตส์ เท่านั้น แต่หลายๆ บริษัทเองก็พยายามคิดค้นสูตรให้วัคซีนประสบความสำเร็จเร็วขึ้น และมีปริมาณมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น วัคซีนที่ถูกพัฒนาโดย Moderna (สหรัฐฯ), Pfizer (สหรัฐฯ) และ BioNTech (เยอรมนี) ซึ่งได้รับอนุญาต และให้เริ่มทดลองได้แล้วในกรณีฉุกเฉิกในสหรัฐฯ รวมถึงประเทศอื่นด้วย เช่น ในสหราชอาณาจักร (UK)
ขณะเดียวกันก็ยังมีความท้าทายอยู่สำหรับการผลิตวัคซีน โดยในบทความของ บิล เกตส์ ได้พูดถึง โรงงานว่าอาจมีจำนวนไม่เพียงพอต่อการผลิตวัคซีนสำหรับคนทั้งโลก ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีวัคซีนบางชนิดที่จำเป็นต้องอยู่ในระดับอุณหภูมิต่ำถึง -70 °C นอกจากนี้ยังหมายถึงวัตถุดิบ (สารเคมี) สำหรับการผลิตวัคซีน เพราะโดยเฉลี่ยแล้วโลกจะต้องการวัคซีนประมาณ 5,000-10,000 ล้านโดส ซึ่งอันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับ ปริมาณการใช้วัคซีนต่อเข็ม = ประสิทธิภาพสูง
แต่ บิล เกตส์ ได้พูดถึงประสิทธิภาพในการผลิตวัคซีนในโดสสูงๆ ว่าบนโลกนี้ยังมีอีกหลายที่ที่รองรับการผลิต เช่น Serum Institute of India (อินเดีย) หนึ่งในผู้ผลิตวัคซีนที่ใหญ่ที่สุดของโลก ที่กำลังพัฒนาและทดลองวัคซีนร่วมกับ AstraZeneca (อังกฤษ-สวีเดน) ซึ่งเมื่อไม่กี่วันมานี้ได้รับอนุมัติให้สามารถใช้วัคซีนนี้ในสหราชอาณาจักรได้แล้ว
ทั้งนี้ ในบางส่วนของบทความนี้ของ บิล เกตส์ ได้พูดถึงกระบวนการทำงานของวัคซีน โดยที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ในการอธิบายเชิงเทคนิค แต่มีประเด็นกว้างๆ ที่น่าสนใจ อยู่ตรงที่คำอธิบายของ บิล เกตส์ สื่อให้เห็นชัดเจนว่า เขามองและยกให้ ‘วัคซีน = Hope 2021’ ไปเรียบร้อยแล้ว
นวัตกรรม – ความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์ จะพร้อมกว่าในปี 2021
ในบทความนี้ของบิล เกตส์ นอกจากจะพรั่งพรูเรื่องความหวังจากการพยายามคิดค้นวัคซีน ที่เราน่าจะเห็นกันชัดเจนมากขึ้นในปีหน้า เขายังพูดถึงนวัตกรรมอื่นๆ ที่แตกต่างไปจากปี 2020 เช่น ชุดทดสอบ COVID-19 ด้วยตัวเอง หรือจะเป็นความง่ายที่ช่วยให้เราวัดการเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยตนเอง ไม่จำเป็นต้องพัฒนาสำหรับ COVID-19 เท่านั้น
ความก้าวหน้าจากการพัฒนาวัคซีน การศึกษาเชื้อไวรัสต่างๆ จะช่วยให้โลกวิทยาศาสตร์ก้าวทันกับสิ่งใหม่เสมอ
“บทความนี้ไม่ใช่แค่การพูดอัพเดทถึงความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์, นวัตกรรมทางการแพทย์ แต่มันเป็นการแสดงพลังบวกที่จะส่งต่อไปถึงคนอื่นสำหรับปีต่อไป คล้ายๆ เป็นการเชิญชวนให้เรามองโลกในแง่ดีไปด้วยกัน สำหรับปี 2021 อาจไม่ใช่ก้าวที่ใหญ่โต แต่มันคือความชัดเจนมาต่อเนื่องมาจากปี 2020”
ทิ้งท้ายด้วยว่า “I hope you have a safe and healthy 2021.”
ที่มา: gatesnotes