ขอบคุณภาพจาก tastythailand (ภาพประกอบไม่ใช่ส่วนหนึ่งของเนื้อหา)
ถึงแถวบ้านผมจะไม่ใช่ย่านของกินอร่อยชื่อดังเหมือนเยาวราชแต่ก็จัดว่ามีร้านเด็ดๆ ให้ลิ้มลองเยอะไม่แพ้กันนะครับ อร่อยไม่อร่อยบางวันเห็นมีรถเบนซ์หรูๆ จอดข้างถนนลงมากินกันเลยทีเดียว
หนึ่งในร้านดังระดับตำนานย่านนี้เห็นจะหนีไม่พ้นร้านเจ๊นก (ชื่อสมมุติ) ผู้ขายก๋วยเตี๋ยวลวกเส้นกันมาไม่ต่ำกว่า 30 ปี เรียกว่าตั้งแต่จำความได้มาม๊าก็พามากินร้านนี้ประจำ ตั้งแต่ตอนอยู่อนุบาลก็กินตอนกลับบ้าน เรียนมัธยมก็กินตอนนั่งรถเมล์กลับ ถึงตอนนี้ใกล้จะเรียนจบเอกก็ยังแวะกินก๋วยเตี๋ยวเจ๊แกอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง
ส่วนหนึ่งที่ร้านเจ๊นกเป็นร้านประจำตัวผมได้ตั้งแต่เด็กจนโตก็เพราะความ “อึด” ของเจ๊แกแท้ๆ เพราะไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นยังไง จะเงินเฟ้อเงินฝืด ร้านค้าเจ้าไหนต้องปิดกิจการขาดทุนกันระเนระนาด เจ๊นกก็ยังอยู่ และไม่ได้อยู่ธรรมดา ลูกค้าเต็มร้านทุกเที่ยงนะจ๊ะ ต้องมีการโทรจองโต๊ะสั่งออร์เดอร์ล่วงหน้า แถมลูกค้าเต็มแบบนี้มานานกว่า 30 ปี
แน่นอนว่าพูดถึงความอร่อย กล้าพูดได้เต็มปากว่าก๋วยเตี๋ยวร้านเจ๊นกอร่อยกว่าร้านดังหลายร้านที่ต้องเสียเวลาต่อคิวกันนานๆ จ่ายเงินกันแพงๆ เพราะน้ำซุปเจ๊แกหวานน้ำต้มกระดูก กินหมดชามก็ยังร้อน แถมลูกชิ้นหมูก็ยังเป็นแบบทำเองที่เจ๊แกเน้นคุณภาพ เนื้อเยอะแป้งน้อย ทีเด็ดคือการลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ไม่สุกเกินจนเละและไม่ดิบเกินจนแข็ง แต่แค่นั้นไม่น่าจะเพียงพอกับการอยู่นานอยู่ทนมาได้กว่า 30 ปีโดยที่แฟนคลับไม่เคยห่างหาย อะไรคือความลับของเจ๊นกที่นักการตลาดอย่างเราๆ พลาดไปหรือเปล่า วันนี้เราจะมาไขความลับกัน!
คุณภาพต้องมาก่อน
นอกจากลูกชิ้นหมูที่เจ๊นกทำเองกับมือแล้ว วัตถุดิบทุกอย่างทั้งเส้นก๋วยเตี๋ยว ลูกชิ้นทอด กระดูกหมู และอื่นๆ ทุกอย่างจะถูกสั่งตรงมาจากร้านแถวเยาวราช เจ๊นกเคยเล่าว่าร้านนี้เขี้ยวลากดินชอบขึ้นราคาของเป็นประจำแต่เจ๊ก็ไม่เปลี่ยนไปใช้เจ้าอื่นเพราะอยากให้ก๋วยเตี๋ยวทุกชามมีคุณภาพเหมือนเดิม ส่วนราคาก๋วยเตี๋ยวเจ๊ก็ปรับขึ้นตามราคาตลาด ไม่ได้ขึ้นราคาสูงพิเศษเพราะตัวเองเป็นเจ้าดังย่านนี้
และด้วยความที่ลูกค้าเยอะและสั่งกันหลากหลาย หลายครั้งเจ๊นกก็ทำพลาด ลวกเส้นผิดบ้าง ทำผิดเมนูบ้าง แต่ทุกครั้งเจ๊นกจะรับผิดชอบด้วยการเปลี่ยนก๋วยเตี๋ยวให้ลูกค้าทันทีไม่ว่าลูกค้าจะถือสาหรือไม่
“สั่งยังไงต้องได้ยังงั้น บางคนเขาไม่กล้าขอเปลี่ยน เขาเกรงใจ เราก็ต้องเปลี่ยนให้เขา” เจ๊นกพูดตอนผมถามเรื่องนี้
ตรงต่อเวลา
ร้านก๋วยเตี๋ยวแถวหน้าปากซอยไม่ได้มีร้านเจ๊นกร้านเดียว ยังมีร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อและก๋วยเตี๋ยวน้ำตกฝั่งตรงข้าม ร้านบะหมี่หมูแดงคูหาติดกัน แต่สาเหตุที่ทำให้เจ๊นกขายดีที่สุดอาจเป็นเพราะเจ๊นกเปิดร้าน 10 โมงเช้าจนถึง 5 โมงเย็นตรงเวลาทุกวัน ไม่เว้นแม้วันหยุดราชการ เสาร์อาทิตย์ก็เปิด และหากเป็นช่วงที่เจ๊นกต้องปิดจริงๆ แกจะเริ่มจากการบอกลูกค้าประจำล่วงหน้าก่อนสัก 2-3 วัน จากนั้นก็แปะป้ายประกาศเพื่อให้ลูกค้ามาไม่ผิดหวัง
รักในสิ่งที่ทำ
เจ๊นกพูดทุกครั้งว่าความสุขของแกคือการทำก๋วยเตี๋ยว…ซึ่งแต่ก่อนผมก็ไม่ค่อยเข้าใจว่ามันสนุกยังไง ยืนอยู่หน้าเตาร้อนๆ ขายก๋วยเตี๋ยวได้ชามล่ะไม่กี่บาท แต่แกบอกว่ารางวัลของแกคือการที่คนกินมีความสุข คนกินชมว่าก๋วยเตี๋ยวยังอร่อยเหมือนเดิม เวลาเห็นก๋วยเตี๋ยวที่แกปรุงออกมาทุกจานสมบูรณ์แบบ เส้นสุกดี ลูกชิ้น ถั่วงอกลวกออกมาสุกกำลังดี แกจะรู้สึกมีความสุขที่ได้ทำผลงานให้คนได้กินจริงๆ แม้ไม่ได้เป็นเชฟตามโรงแรมแต่แกก็รู้สึกภูมิใจกับอาชีพนี้
ใจกว้างกับการแข่งขัน
ช่วงหนึ่งมีร้านก๋วยเตี๋ยวมาเปิดแข่งกับเจ๊นกถัดไปหนึ่งคูหา ช่วงแรกลูกค้าหลายคนก็เปลี่ยนไปลองร้านใหม่เพราะแกลดราคาต่ำ แถมให้ก๋วยเตี๋ยวปริมาณเยอะมากทำให้ร้านเจ๊นกลูกค้าบางตาไปอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่เป็นไร มาช่วยกันขาย ปกติก็ขายไม่ทันอยู่แล้ว” เจ๊นกบอกอย่างอารมณ์ดีตอนที่ผมถามว่าแกไม่กลัวถูกแย่งลูกค้าเหรอ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ร้านเปิดใหม่ก็เริ่มรับภาระต้นทุนไม่ได้จึงเริ่มเพิ่มราคาและลดปริมาณก๋วยเตี๋ยวลง สุดท้ายลูกค้าของเจ๊นกก็กลับมากินร้านเจ๊แกเหมือนเดิมและร้านใหม่ก็ค่อยๆ มีลูกค้าน้อยลงจนต้องปิดตัวไปในที่สุด
“แล้วไม่คิดจะขยายร้านเพิ่มเหรอ” ผมถามด้วยความสงสัย
“ไม่หรอก ขายมากกว่านี้เดี๋ยวก๋วยเตี๋ยวแย่ จะโดนลูกค้าว่าเอา ขายแค่นี้พออยู่พอกิน มีความสุขก็พอแล้วนี่” เจ๊นกพูดยิ้มๆ พลางหันกลับไปลวกก๋วยเตี๋ยวต่อ…
คำพูดของเจ๊นกทำให้เราต้องหันกลับมาทบทวนนิยามความสุขของแต่ล่ะคนเสียใหม่ ใช่หรือเปล่าที่บางครั้งความสุขของเราก็ช่างยิ่งใหญ่และขวากหนามมากมายน่าท้อใจ แต่สำหรับเจ๊นก ความสุขของแกอยู่ตรงหน้าและเกิดขึ้นได้ทุกวัน แม้มันไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่ ไม่ได้สำคัญต่อโลกทั้งใบ แต่อย่างน้อยชามก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ ทุกชามจากมือแกก็ทำให้ลูกค้าทุกคนมีความสุข แค่นี้ยังไม่พออีกเหรอ :)