ขอบคุณภาพจาก สำนักข่าวทีนิวส์
- ไลฟ์โค้ชคืออาชีพที่สร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าผ่านการชี้นำทาง เติมพลัง และพัฒนาการ
- การบำบัดจิต (hypnotherapy) เป็นหนึ่งในวิธีการที่ไลฟ์โค้ชบางรายใช้กับลูกค้า
- วิธีการบำบัดด้วยการสะกดจิตมีจุดประสงค์หลักเพื่อสื่อสารกับจิตใต้สำนึกของมนุษย์โดยตรง
- ปัจจุบันการบำบัดจิตเป็นวิธีการรักษาที่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าได้ผลหรือไม่อันตรายต่อผู้เข้าร่วม
ยังเป็นดราม่าที่ต่อเนื่องยาวนานไม่สิ้นสุดสำหรับ ‘ครูอ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง’ นักพูด นักเขียน นักให้แรงบันดาลใจที่ช่วงแรกมีดาราเดินสายมา “ตัดสัมพันธ์” ออกสื่อฯ มากมายและต่อเนื่องด้วยการถูกชาวโซเชียลฯ แฉกันในทุกมิติ หนึ่งในกระแสที่น่าสนใจคือการถกเถียงว่าครูอ้อยเป็นไลฟ์โค้ชจริงหรือไม่? และวิธีการ (โดยเฉพาะวิธีการที่คล้ายคลึงกับการสะกดจิต) ของเธอมีความเหมาะสมมากน้อยเพียงใดสำหรับผู้เข้าร่วมอบรม วันนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับไลฟ์โค้ช อีกหนึ่งอาชีพที่โด่งดังมากในต่างประเทศ
ไลฟ์โค้ชคืออะไร?
งานของไลฟ์โค้ชคือการช่วยให้ลูกค้าประสบความสำเร็จ เอาชนะอุปสรรคและเปลี่ยนแปลงชีวิตเดิมให้ดีกว่าเก่า จุดสำคัญคือไลฟ์โค้ชไม่ใช่ผู้หาคำตอบให้แก่ลูกค้าแต่เป็นผู้ช่วย เป็นคู่หูที่ทำให้ลูกค้าสามารถแสวงหาหนทางสู่ความสำเร็จได้ด้วยตัวเองเพราะพื้นฐานของไลฟ์โค้ชเชื่อว่าทุกคนมีคำตอบให้กับชีวิตของตัวเองไม่เหมือนกัน สิ่งที่ไลฟ์โค้ชทำคือการมองให้ออกว่าในตัวลูกค้าแต่ล่ะคนมีศักยภาพอะไรบ้างที่จำเป็นสำหรับเป้าหมายที่ต้องการ หากไม่มีจะมีกลยุทธ์หรือวิธีการอย่างไรบ้างที่จะสร้างมันขึ้นมา
หัวใจสำคัญของไลฟ์โค้ชคือการสร้างความมั่นใจ
ผู้คนส่วนใหญ่ที่มาใช้บริการของไลฟ์โค้ชมักขาดความมั่นใจในตัวเอง (ในช่วงเวลานั้น) และรู้สึกว่าชีวิตไม่มีอะไรสนุกหรือตื่นเต้นหลงเหลืออยู่เลย ความรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้นอาจเพราะรู้สึกตัวเองไม่มีค่าหรือเจออุปสรรคที่ยากลำบากเกินไป หน้าที่ของไลฟ์โค้ชคือการมองหาว่าอะไรเป็นจุดบอดที่ทำให้ลูกค้าไม่มั่นใจและซ่อมแซมสิ่งเหล่านั้นเพื่อให้พวกเขากลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม อีกจุดหนึ่งที่สำคัญคือไลฟ์โค้ชจะต้องตามติดและดูพัฒนาการชีวิตของลูกค้าในระยะเวลานานระดับหนึ่ง ถ้ามาอบรมเพียงวันสองวันไม่ถือเป็นการโค้ชได้ สิ่งที่ไลฟ์โค้ชทำเพื่อปลุกความมั่นใจกลับมามี 3 อย่างคือ หนึ่ง การชี้นำทาง (Guidance) คือการมอบเครื่องมือ (หรือคือวิธีคิด การเปลี่ยนทัศนคติ) และสนับสนุนให้ลูกค้าเปิดใจให้กว้าง รวมถึงมองเห็นความเป็นไปได้ที่จะพิชิตเป้าหมายของตัวเอง สอง เติมพลัง (Empowerment) ชักชวนให้ลูกค้ากลับมาสำรวจตนเองให้มองเห็นศักยภาพ รู้ว่าตัวเองมีคุณค่า และกลับมานับถือตัวเองอีกครั้งด้วยการพูดหรือการกระทำที่ให้กำลังใจ สาม พัฒนา (improvement) การมอบแผนที่สำหรับเดินหน้าสู่จุดมุ่งหมายว่าลูกค้าควรทำอะไรก่อนอะไรหลังเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตัวเองตั้งไว้ พร้อมวัดความสำเร็จเป็นขั้นตอนตลอดระยะการโค้ช 
ประเภทของการไลฟ์โค้ช
ไลฟ์โค้ชมีมากมายหลายประเภทจนนับไม่ถ้วน ทั้งการโค้ชชีวิตทั่วไป ด้านสุขภาพ ด้านธุรกิจ ด้านชีวิตรัก ด้านความสัมพันธ์ ฯลฯ แต่หากแบ่งลักษณะการโค้ชออกเป็นประเภทใหญ่ๆ จะได้ 3 ลักษณะคือ ไลฟ์โค้ชธุรกิจ ไลฟ์โค้ชชีวิตส่วนตัว และไลฟ์โค้ชอื่นๆ หนึ่งในไลฟ์โค้ชประเภทอื่นๆ ที่โด่งดังคือไลฟ์โค้ชที่ใช้เครื่องมือด้านการสะกดจิตเข้ามาช่วยค้นหารากลึกภายในจิตใจของลูกค้า พูดง่ายๆ ว่าเป็นการอ้างอิงวิธีการบำบัดแบบนักสะกดจิต (hypnotherapist) ในระดับต้นมาใช้ อย่าเข้าใจผิดว่าเทคนิคด้านการสะกดจิตคือการทำให้หลับแล้วละเมอพูดอะไรบางอย่างออกมาเรื่อยๆ เทคนิคด้านการสะกดจิตมีหลากหลายระดับมากกว่านั้นตั้งแต่การบำบัดด้วยการพูดให้ผ่อนคลาย ไปจนถึงขั้นสูงอย่างการสะกดจิตย้อนอดีต (เราไม่พูดถึงผลลัพธ์ว่าเป็นจริงได้หรือไม่ทางวิทยาศาสตร์) แต่เป้าหมายที่สำคัญของการสะกดจิตคือการสื่อสารกับจิตใต้สำนึกซึ่งถ้าเชื่อตามทฤษฏีของซิกมันต์ ฟรอยด์ จะบอกว่าเป็น “ก้อนน้ำแข็งมหึมา” ที่หลับไหลอยู่ในสมองของเรา แต่มีอำนาจในการควบคุมความคิดและการกระทำของเราอย่างสูง
แล้วการรักษาด้วยการบำบัดจิตที่แท้จริงเป็นอย่างไร
NHS หน่วยงานด้านสุขภาพของสหราชอาณาจักรระบุลักษณะของการบำบัดด้วยการบำบัดจิต (Hypnotherapy) ว่าเป็นวิธีการบำบัดด้วยการสะกดจิตเพื่อสื่อสารกับจิตใต้สำนึกโดยตรง วิธีการนี้นิยมใช้รักษาผู้ที่มีปัญหาเรื้อรังในเรื่องใดเรื่องหนึ่งมายาวนาน แต่ยังไม่มีผลวิจัยทางการแพทย์ที่หนักแน่นพอให้เราเชื่อถือได้ว่าวิธีการนี้ได้ผลขณะเดียวกันก็ไม่มีหลักฐานชี้ว่ามันอันตรายต่อลูกค้าอย่างรุนแรงเช่นกัน
ใครเหมาะกับการรักษาด้วยวิธีการบำบัดจิต
เป็นการรักษาทางเลือกสำหรับผู้ป่วยที่ลองวิธีการอื่นๆ แล้วไม่ได้ผล อาการที่รักษาได้มีตั้งแต่การบาดเจ็บโดยไม่ทราบสาเหตุ (irritable bowel syndrome) อย่างเช่น ปวดท้อง ปวดหลัง หรือการลดน้ำหนัก เลิกบุหรี่ รักษาอาการข้างเคียงจากโรคเครียด ความกังวลใจ อย่างไรก็ตาม การบำบัดจิตไม่ถือเป็นการรักษาทางการแพทย์เนื่องจากไม่มีผลลัพธ์ชัดเจนและหลักฐานที่น่าเชื่อถือเพียงพอ หากแต่เป็นทางเลือกสำหรับการรักษา สิ่งที่ต้องระวังคือผู้ใช้วิธีการด้านการสะกดจิตส่วนใหญ่อาจไม่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างมืออาชีพเนื่องจากศาสตร์ด้านนี้ยังไม่พัฒนาเต็มที่จนมีผู้เชี่ยวชาญคอยเผยแพร่ความรู้ โดยสรุป เราจะเห็นว่างานของไลฟ์โค้ชนั้นมีความแตกต่างกับนักบำบัดจิตค่อนข้างมาก แต่ในบางแง่มุม ไลฟ์โค้ชก็หยิบยืมวิธีของนักสะกดจิตเพื่อใช้แก้ปัญหาให้แก่ลูกค้าแบบถึงรากถึงโคนเช่นกัน จุดนี้เราซึ่งเป็นลูกค้าต้องพิจารณาเป็นพิเศษและต้องอย่าลืมว่าแม้แต่นักสะกดจิตมืออาชีพในปัจจุบันเองก็ยังไม่มีผลวิจัยยืนยันแน่ชัดว่าการบำบัดได้ผลหรือมีอันตรายแก่ผู้บำบัดหรือไม่… 
