How to สร้างโฆษณา – บูสต์แบรนด์ง่ายๆ ในยุคนิวนอร์มัล by ทสร บุณยเนตร – Apple และ Marketing Oops!

  • 68
  •  
  •  
  •  
  •  

คลิกที่วิดีโอ เพื่อชมย้อนหลัง

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีหลายธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด COVID-19 ไม่น้อยเลย แม้แต่ธุรกิจโฆษณาที่เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างแบรนด์ กระตุ้นการรับรู้ สร้างอำนาจทางการตลาด แต่ในยุคโควิด ‘การเอาตัวรอดก่อน’ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด

ในงาน Today at Apple โดยความร่วมมือของ Apple และ Marketing Oops! ได้เข้าฟังมุมมองของ คุณพีท (ทสร บุณยเนตร) Executive Creative Director จาก Wunderman Thompson ประเทศไทย เกี่ยวกับเคล็ดลับการเติมไอเดียเพื่อสร้างสรรค์ให้ธุรกิจสามารถพิชิตยุคนิวนอร์มัลได้อย่างราบรื่น หรือได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ซึ่งจะพูดว่ายุคโควิดเป็นช่วงเวลาของการ play safe ในหลายๆ ธุรกิจเลยก็ว่าได้

สิ่งที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบอย่างแรกสำหรับทีมครีเอทีฟ Wunderman Thompson ก็คือ ลูกค้าขอยกเลิกโปรเจ็กต์งานทั้งหมดที่ดีลเอาไว้ ทั้งยังมีข้อจำกัดอื่นๆ ในประเทศไทยที่ออกกฎห้ามถ่าย, ห้ามเล่าเรื่อง, ล็อกดาวน์, มีกฎห้าม 5 คนในระหว่างถ่ายทำในช่วงการแพร่ระบาดเวลานั้น ถือว่าเป็นข้อจำกัดที่ใหญ่มากสำหรับครีเอเตอร์วิดีโอโฆษณา

แต่มุมมองของคุณพีท น่าสนใจตรงที่เป็น case study ให้ธุรกิจสามารถศึกษาต่อได้ว่าเราจะ play safe อย่างไรให้ธุรกิจยังสามารถรันต่อไปได้ ยังอยู่ในสปอร์ตไลท์ และเจ็บตัวน้อยที่สุด

ลองมาดูสิ่งที่คุณพีท แก้มื้อตอบรับกับปัญหาที่เกิดขึ้น ณ ช่วงเวลานั้น หลังจากที่เห็นลูกค้าเริ่มมีมูฟเมนต์การช่วยเหลือสังคมในช่วงโควิด เช่น บริจาคหน้ากาก, บริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น ฯลฯ สิ่งนี้ทำให้คุณพีทปลดล็อคว่าเหตุผลที่ลูกค้ายกเลิกโปรเจ็กต์ทั้งหมด เป็นไปได้ว่าต้องการใช้ budget ในส่วนนั้นเพื่อไปช่วยเหลือสังคม นี่จึงทำให้คุณพีทรู้สึกว่าเราต้องทำอะไรสักอย่าง

เริ่มต้นจากไอเดียที่คิดว่าจะลองทำเป็น ‘หนังฟิล์มออนไลน์’ แต่ก็ติดที่ข้อห้ามเรื่องการถ่ายทำของไทย ไอเดียที่ 2 ที่ปิ๊งขึ้นมาก็คือ “ลองทำจากสิ่งที่มีอยู่แล้ว จากอุปกรณ์ที่มีอยู่แล้ว” เราลองมาดู case จากไอเดียทีมคุณพีทที่นำเสนอออกมาว่าเป็นอย่างไร และ pick up จุดแข็งของไอเดียครีเอทีฟงานโฆษณาได้อย่างไร

 

Credit: Wunderman Thompson Thailand

 

ในเมื่อถ่ายทำไม่ได้ ก็เลยเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอ เป็นการเล่าเรื่องผ่านตัวเอง ผ่านปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ และที่น่าสนใจคือ การใช้ตัว ‘อีโมจิ’ แทนอารมณ์ต่างๆ ซึ่งมองว่าเป็นไอเดียที่น่ารัก และ touching คนดูได้ง่ายเพราะใครๆ ก็ชอบใช้อีโมจิ

 

Credit: Wunderman Thompson Thailand

 

คุณพีท เลือกที่จะเล่าเรื่องตัวเอง แต่พูดถึงบริษัทลูกค้าไปเรื่อยๆ ว่าลูกค้าขายอะไร, กำลังทำอะไร, คิดอะไร, เป็นอย่างไร ฯลฯ มันเลยทำให้คนดูรู้สึกว่าไม่ได้โฟกัสกับการที่ครีเอเตอร์พยายาม tie-in ขายของเข้าไป แต่รู้สึกว่ากำลังดูวิดีโอของคนๆ หนึ่งที่เป็นครีเอเตอร์ และกำลังเล่าปัญหาที่เกิดขึ้นรอบตัว ผลลัพธ์ก็คือ ลูกค้าชอบผลงานนี้และอนุญาตให้เผยแพร่ได้ อย่างหนึ่งที่รับรู้จากวิดีโอโฆษณานี้ก็คือ ความรู้สึกที่มันจริงมากๆ และทำให้คนดูลิงค์ความรู้สึกไปกับวิดีโอโฆษณาได้จนจบ

 

 

 

How to start เพื่อเล่าเรื่องอะไรสักอย่าง?

คุณพีทได้แชร์วิธีคิดและขั้นตอนในการทำวิดีโอสำหรับคนที่อยากจะเล่าอะไรสักอย่างว่าจุดเริ่มต้นมันควรเป็นอย่างไร เริ่มจากสิ่งง่ายๆ ก่อนและต้องชัดเจนในจุดประสงค์การเล่าเรื่อง โดยมีวิธีคิดดังนี้

  1. เราต้องรู้ก่อนว่าจะเล่าหรือขายอะไร
  2. เราต้องมี right tension ก็คือ สิ่งที่เป็นกระแสอยู่ ณ เวลานั้นแล้วมันเชื่อมโยงกับเรื่องราวของเรา
  3. เรื่องจริงของเราคือสิ่งที่คนอยากฟัง/อยากดูมากที่สุด
  4. ในเมื่อเป็นเรื่องราวของเราเอง เราก็ต้องเป็นคนเขียนสคริปต์เอง
  5. หาวิธีการนำเสนอที่เหมาะกับเรื่องที่เราจะเล่า/ขาย
  6. หาเพลงที่เหมาะกับเรื่องราวที่อยากแชร์

 

ทั้งนี้ คุณพีท ได้แชร์แนวคิดส่วนตัวให้กับครีเอเตอร์ หรือคนที่อยากเป็นครีเอเตอร์ด้วยว่า บางทีการที่เราใช้เครื่องมือใกล้ๆ ตัวอย่าง iPad หรืออะไรก็ได้ แล้วลองฝึกที่จะเล่าเรื่องของตัวเองในแบบง่ายๆ เช่น วันนี้เราทานอะไร, เราไปเที่ยวแล้วเห็นอะไร, มีความในใจอะไรที่อยากบอก ฯลฯ สิ่งเหลานี้สามารถเป็นคอนเทนต์ได้หมดอยู่ที่การดีไซน์สคริปต์ และองค์ประกอบอื่น

นอกจากนี้ คุณพีทยังพูดด้วยว่า “การที่เราจะทำโฆษณาให้แบรนด์ๆ หนึ่ง เราจำเป็นต้องมีประสบการณ์ เข้าใจในแบรนด์นั้นๆ ก่อน หรือรู้ว่าสินค้าที่เราต้องพูดถึงคืออะไรกันแน่ เพราะการสื่อสารด้วยความจริงใจ ให้ real มากๆ เป็นสิ่งสำคัญ”

ส่วนวิธีการเติมไอเดียสำหรับคุณพีท ก็คือ การเข้าไปดูกระแสอยู่บ่อยๆ ดู #แฮชแท็ก หรือจะเป็นในสื่อโซเชียล ในยูทูป (YouTube) ก็ช่วยได้ หรือแม้แต่การที่เราติดตามผลงานของคนอื่นที่เป็นสายครีเอทีฟเหมือนกันก็ช่วยได้เหมือนกัน พูดง่ายๆ ก็คือ คนอื่นทำอะไร เราจะได้หนีมาจากสิ่งที่เขาทำ ซึ่งมันจะทำให้เกิดสิ่งใหม่ ไอเดียใหม่ขึ้นมา

ได้ฟังมุมมองของคุณพีทแล้ว พูดได้ว่าความครีเอทกับธุรกิจหรือแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญ และยังเป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างความโดดเด่นให้กับแบรนด์ได้ ขณะเดียวกันในปัจจุบันเราเริ่มเห็นสกิลของครีเอเตอร์ในรูปแบบที่ “จบครบที่คนเดียว” มากขึ้น ตั้งแต่กระบวนการคิด, เขียนสคริปต์เอง, ตัดต่อเอง, นำเสนอเอง ฯลฯ เพราะ digital tools ค่อนข้างเอื้อความสะดวกให้กับคนยุคนี้ ดังนั้น หากใครที่มีทักษะครีเอทีฟถือว่าเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งในยุคนี้

 

Credit: Wunderman Thompson Thailand

 

 

 

ข้อมูลโดย Wunderman Thompson Thailand


  • 68
  •  
  •  
  •  
  •  
prakai
'ชีวิต' ต้องมีสีสันหลากหลาย เหมือนกับความรู้ที่มีหลายมิติ ทั้งไลฟ์สไตล์, การตลาด, ดิจิทัล, ประเพณี-วัฒนธรรม