สถานการณ์ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2020 ทำให้ความกังวลของคนไทยเพิ่มมากขึ้น และลากยาวมาจนถึงปีใหม่นี้ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่เพราะเหตุการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 เท่านั้นที่คนไทยวิตก แต่ยังมีอีกหลายๆ ปัจจัยอื่นร่วมกัน ที่ทำให้พวกเขารู้สึก uncertain คาดเดาไม่ได้
ข้อมูลอินไซต์จากงานสัมมนา ‘Marketing in the Uncertain World การตลาดของคนอยู่เป็น’ โดยวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริโภคในช่วงที่เกิดวิกฤตการระบาดนี้
เราจะเห็นว่า ธุรกิจหลายประเภทเริ่มปรับตัวตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์การตลาด, แคมเปญที่เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น หรือจะเป็นช่องทางการ access กลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย บางธุรกิจไม่ได้พึ่งพาแค่ออฟไลน์ แต่หันมาออนไลน์เป็นสัดส่วนใหญ่มากขึ้น หรือบางธุรกิจก็ transform ตัวเองเป็นออนไลน์แบบเต็มตัวก็มี
โดยที่ผ่านมาทีมสำรวจได้เก็บข้อมูลเชิงปริมาณจาก 1,200 คนไทย ในช่วงเดือนต.ค. – พ.ย. 2020 ทั้งหมด 4 เจเนอเรชั่น (Gen Z, Gen Y, Gen X, Baby boomer) พบว่า 3 ปัจจัยที่ทำให้พวกเขากังวลมากที่สุด ก็คือ โรคระบาด – สิ่งแวดล้อม – สังคม

ความกังวลทำให้คนไทยพึ่ง ‘สายมู’ มากขึ้น
แม้ว่าคนไทยจะอยู่คู่กับความเชื่อในศาสตร์ต่างๆ มานาน แต่รู้หรือไม่ว่า สถานการณ์ความไม่แน่นอนที่กระทบทั้งประชาชน บ้านเมือง ลามมาถึงเศรษฐกิจ ทำให้สัดส่วนของคนที่พึ่งพากับความเชื่อ, พลังที่มองไม่เห็น สิ่งที่สามารถเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจได้มีมากขึ้น
โดยผลสำรวจระบุว่า คนไทยกว่า 52 ล้านคนในปัจจุบันมีความเชื่อเรื่อง ‘โชคลาง’ (Superstitious)
เห็นได้ทั่วไปง่ายๆ เลย คนกลุ่มหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มใหญ่ นิยมใส่เสื้อผ้าตาม ‘สีมงคล’ ยอมที่จะเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์เพื่อเป็นสิริมงคลกับชีวิต หรือแม้แต่การเลือกป้ายทะเบียนรถใหม่ที่ซื้อ บางทีก็ยังเช็คดวงก่อนที่จะรับมาด้วยซ้ำไป
ตัวอย่างเหล่านี้เห็นได้ชัดว่า ความเชื่อ โชคลาง ศาสตร์ไม่ว่าจะแขนงไหน ยังคงอยู่คู่กับคนไทยตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ยิ่งในช่วงสถานการณ์แบบนี้ที่พึ่งทางใจตามความเชื่อยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น
ทั้งนี้ ในงานสัมมนาเปิดเผยว่า 5 อันดับความเชื่อโชคลางที่มีผลต่อคนไทยมากที่สุด ก็คือ
-
พยากรณ์ โหราศาสตร์ ลายมือ ไพ่ยิปซี
-
พระเครื่องวัตถุมงคล
-
สีมงคล
-
ตัวเลขมงคล
-
เรื่องเหนือธรรมชาติ

โซเชียลมีเดีย – เว็บไซต์ ช่องทางยอดนิยมของสายมู(เตลู)
เป็นไปตามปกติที่เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็ต้องสไลด์จอมือถือไปมากันทั้งนั้น พฤติกรรมนี้เองทำให้ช่องทางสำหรับสายมูเปลี่ยนไป เมื่อก่อนอาจจะต้องตามหาหมอดู, ร่างทรง, หรืออะไรก็ได้แล้วแต่เรียก แต่เดี๋ยวนี้ยุคอินเทอร์เน็ตทั่วถึง ทำให้ช่องทางการเช็คดวง, หรือโชคลางศาสตร์อื่น สามารถทำได้ง่ายๆ ผ่าน ‘โซเชียลมีเดีย – เว็บไซต์’ ซึ่งมาแรงเป็นอันดับหนึ่ง
ส่วนช่องทางจากบุคคลรอบข้าง พ่อแม่ เพื่อน ฯลฯ กลายมาเป็น อันดับ 2, อันดับ 3 คือ กูรูในด้านนั้นๆ โดยเฉพาะ ส่วนอันดับ 4 มาจากสื่อสิ่งพิมพ์ และวิทยุ-โทรทัศน์ มาเป็นอันดับ 5

ธุรกิจ(อาจ)เพิ่มโอกาสด้วยกลยุทธ์ที่เกี่ยวกับ ‘สายมู’
แม้ว่าทุกวันนี้สิ่งรอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์ในรายการโทรทัศน์, Youtube, Facebook และอื่นๆ จะให้ความสำคัญกับเรื่องความเชื่อ โชคลางมากขึ้น แต่ดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น ความโหยหาของผู้บริโภคมันมากขึ้นตามความรู้สึกที่ไม่มั่นคงกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน
ดังนั้น โอกาสในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสายมู พูดว่ายังมีโอกาสอยู่ หรือธุรกิจอาจนำมาปรับใช้หรือวางกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่สำหรับสายมูโดยเฉพาะ ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ อย่างที่เราเห็นกันบ่อยๆ จากค่ายมือถือ เช่น Dtac ที่ใช้ data สำหรับการตลาดที่เฉพาะเจาะจง ‘จับคู่เบอร์มงคลเฉพาะลูกค้า’ โดยลูกค้าสามารถเช็คดวงผ่านเบอร์โทรศัพท์ได้ก่อน เป็นต้น
หรืออีกหนึ่งธุรกิจที่น่าจับตามอง คือ ‘ศรัทธา.online’ ซึ่งเป็นผู้ชนะในการแข่งขัน ‘Line hackathon’ โดยลูกค้าสามารถขอพร – แก้บน – เช็คดวง ฯลฯ ได้ง่ายๆ ผ่านแพลตฟอร์มนี้ ที่จริงธุรกิจนี้เป็นการปรับตัวรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคได้น่าสนใจมาก พวกเขาเข้าใจ pain point ของคน และก็ตามทันว่าความเชื่อในใจยังคงอยู่เหมือนเดิม ดังนั้น โลกที่หมุนไปตามอินเทอร์เน็ตเราจะทำอย่างไรให้มาผูกกับความเชื่อเหล่านี้ได้ จึงเป็นที่มาของธุรกิจนี้นั่นเอง
โดยมีการออกแพ็คเกจตามสิ่งที่อยากขอพร หรือบนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งทาง ศรัทธา.online ก็มีข้อเสนอมากมายให้ได้เลือกกัน ไม่ว่าจะเป็น แพ็คเกจที่เน้นความรัก, การงาน, การเงิน เป็นต้น

ขั้นตอนก็ง่ายๆ หลังจากที่เราเลือกแพ็คเกจที่ต้องการ ทีมงานของ ศรัทธา.online จะรายงานเราตลอดว่า ฤกษ์ขอพรกี่โมง โลเคชั่นที่ไหน มีสิ่งของที่ใช้บนกี่อย่าง เพื่อให้ลูกค้าคอนเฟิร์มออเดอร์เพียงแค่อยู่ที่บ้าน เป็นต้น
ทางศรัทธา.online ได้พูดประโยคหนึ่งทิ้งท้ายไว้ว่า “เราไม่สามารถเปลี่ยนคามเชื่อของคนได้ แต่เราสามารถครีเอทธุรกิจเราให้เป็นไปตามเทรนด์ที่เกิดขึ้นได้”
ตัวอย่างนี้น่าจะเป็นไอเดียให้กับธุรกิจหรือแบรนด์ได้ รวมไปถึงนักการตลาด, นักวางแผนกลยุทธ์ ฯลฯ ซึ่งจำเป็นมากๆ ที่ต้องตามเทรนด์ให้ทัน เข้าใจผู้บริโภค และสร้างสรรค์ผลงานให้ได้!
นอกจากนี้ ยังมีปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากความรู้สึกไม่มั่นคงของผู้บริโภคด้วย นั่นก็คือ เชื่อใจ influencers มากขึ้น และนิยมพูดคุย หรือหาข้อมูลที่ต้องการจากคอมมูนิตี้ออนไลน์ ดังนั้น ปรากฏการณ์ที่ทางทีมของวิทยาลัยการจัดการ(มหิดล) ได้เก็บรวมรวมมาให้เราค่อนข้างมีประโยชน์ต่อกลยุทธ์ธุรกิจในเฟสต่อๆ ไป และในปี 2021 ที่คาดการณ์กันไว้ว่า น่าจะโหดขึ้นกว่าเดิม
ข้อมูลโดย Marketing in the Uncertain World