แม้ว่าปีนี้จะมีหลายสำนักฟันธงถึงภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกที่จะออกมาในเชิงลบ แต่ภายใต้เงามืดก็ยังมีแสงสว่าง เมื่อปี 2019 ถือได้ว่าเป็นปีที่มีความเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีสูง โดยเฉพาะการพัฒนาเทคโนโลยี AI ผ่านข้อมูลจำนวนมหาศาล (Big Beta) ที่ถูกจัดเก็บไว้มาตลอดช่วงปี 2018 รวมถึงการเริ่มทดลองใช้ระบบ AI มาตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้ว ส่งผลให้เทคโนโลยี AI มีการพัฒนาอย่างสูง
นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่ธุรกิจ e-Commerce จะมีการใช้ระบบ AI เข้ามาช่วยตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรวดเร็วในการค้นหา ความแม่นยำในหารสั่งสินค้า ที่เป็นความต้องการหลักของผู้บริโภคในปี 2019 นี้ และแน่นอนว่าผู้นำตลาดธุรกิจ e-Commerce รายใหญ่ระดับโลกอย่าง Alibaba ที่มีหัวเรือใหญ่อย่าง แจ็ค หม่า (Jack Ma) ก็มองเห็นเทรนด์และโอกาสทางธุรกิจเช่นกัน
DAMO Academy บริษัทวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของ Alibaba ได้เผยมุมมองเทรนด์ของเทคโนโลยี 10 อันดับของปี 2019 โดยชี้ว่าปัญญาประดิษฐ์หรือ AI จะยังคงเป็นเทคโนโลยีที่มาแรงที่สุด โดยคาดว่าจะมีแอปพลิเคชันจำนวนมากมายที่จะพัฒนาโดยนำเทคโนโลยี AI มาใช้ครอบคลุมหลากหลายรูปแบบมากขึ้นกว่าเดิม และนี่คือ 10 สิ่งที่เทคโนโลยี AI จะเข้ามาเปลี่ยนแปลง
1. เมืองอัจฉริยะ
โดยในหลายๆ เมืองของประเทศจีน มีการนำเทคโนโลยี AI เข้าไปผสมผสานกับระบบต่างๆ ของเมือง ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟฟ้า การจราจร ระบบประปา หรือการตรวจวัดคุณภาพอากาศ ซึ่งแต่ละเมืองของจีนและมีข้อมูลเหล่านี้ในปริมาณมหาศาล ซึ่งเทคโนโลยี AI จะเข้ามาประมวลผลและวิเคราะห์ รวมถึงหาวิธีแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
2. ระบบสื่อสารกับสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะ
ดูเหมือนว่า ที่จีนกำลังจะทำให้สิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะมีความพิเศษ เพื่อให้สามารถสื่อสารพูดคุยกับคนได้อย่างรู้เรื่องและเข้าใจ แม้จะยังไม่มีความชัดเจนว่าจะนำมาใช้กับสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะด้านใดบ้าง แต่ดูเหมือนว่าระบบดังกล่าวจะผ่านการทดสอบ แต่แม้จะผ่านการทดสอบแล้วก็ตาม หลายคนยังมีความเห็นว่าควรจะมีการตั้งกฎและการกำกับดูแล เพื่อป้องกันการหลอกลวงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
3. ชิปเซ็ต AI ประมวลผล 3D
เมื่อเทคโนโลยี AI มีความต้องการสูงเพิ่มขึ้น ศูนย์ข้อมูล (Data Center) ก็จำเป็นที่จะต้องใช้เทคโนโลยี AI หากแต่เทคโนโลยี AI จะอยู่ในรูปของชิปเซ็ต และดูเหมือนว่าชิปเซ็ต AI จะเข้ามาทดแทนระบบ GPU ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันโดยชิปเซ็ต AI จะสามารถประมวลผลในรูปแบบ 3 มิติได้ และจะกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของชิปเซ็ต AI ในอนาคต
4. โครงข่ายระบบประสาท
Graph Neural Networks (GNNs) หรือการเชื่อมโยงระบบประสาท ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้สมองของมนุษย์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ขณะที่โครงข่ายจะมีการสอดประสานเชื่อมโยงเช่นเดียวกับระบบประสาทในสมองมนุษย์ ซึ่งจะช่วยให้เกิดความเข้าใจและเป็นกลไกสำคัญในกระบวนการคิด
5. โครงสร้างสถาปัตย์คอมพิวเตอร์จะเปลี่ยนไป
เป็นที่ทราบกันดีว่า คอมพิวเตอร์ที่มี CPU เป็นหน่วยประมวลผล จะใช้วิธีการคำนวณเลขฐานสอง เพื่อแปลงออกมาให้เป็นค่าต่างๆ ในระบบที่มนุษย์ใช้กันอยู่ทั่วไป แต่ CPU ยุคใหม่จะใช้วิธีการคำนวณที่แตกต่างออกไป และจะทำให้ โครงสร้างสถาปัตย์คอมพิวเตอร์เปลี่ยนไป สู่การคำนวณในรูปแบบของ Quantum Computing
6. 5G ช่วยให้เกิดการเชื่อมต่อ
อย่างที่ทราบกันว่า AI จะสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเมื่อทำงานอยู่บนเครือข่าย 5G นั่นเพราะ หัวใจหลักของเทคโนโลยี 5G คือการสื่อสารและการเชื่อมต่อที่รวดเร็วมากขึ้นกว่าในยุค 4G ช่วยให้สามารถสื่อสารเชื่อมโยงข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างรวดเร็ว และช่วยให้การสื่อสารระหว่างเครื่องจักร (Machine to Machine – M2M) มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
7. ข้อมูลดิจิทัลกลายเป็นบัตรประชาชนใบที่ 2
ในยุคปัจจุบันที่มีการใช้เทคโนโลยีชีวภาพ (Biometric) ระบบจะมีการจดจำข้อมูลที่เป็นชีวภาพมากขึ้น ซึ่งช่วยให้ระบบต่างๆ โดยเฉพาะระบบข้อมูลส่วนบุคคลของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ช่วยให้ระบบรู้จักรายละเอียดตัวบุคคลมากขึ้นเทียบเท่ากับข้อมูลบัตรประชาชน และในอนาคตอาจจะกลายเป็นข้อมูลระบุตัวตนเทียบเท่ากับบัตรประชาชนใบที่ 2
8. รถยนต์ไร้คนขับฉลาด รอบคอบมากขึ้น
อย่างที่กล่าวไว้แล้วในข้อ 6 เมื่อเทคโนโลยี AI ผสมผสานกับโครงข่าย 5G การสื่อสารระหว่างเครื่องจักร (Machine to Machine – M2M) ก็จะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ที่เห็นได้ชัดคือยานยนต์ไร้คนขับที่เทคโนโลยี AI บนเครือข่าย 5G จะช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น มีความรอบคอบในการขับขี่มากยิ่งขึ้น
9. Blockchain จะเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันมากขึ้น
ช่วงปีที่ผ่านมาเทคโนโลยี Blockchain เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง และในปีนี้ที่เทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ประกอบกับช่วงปีที่ผ่านมามีการให้ความรู้เรื่องของเทคโนโลยี Blockchain มากขึ้น ในปีนี้ Blockchain จึงเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่จะเติบโตและจะเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการส่งสินค้าข้ามประเทศ โอนเงินข้ามประเทศหรือพิธีการทางศุลกากรรูปแบบดิจิทัล เป็นต้น
10. เทคโนโลยีความปลอดภัยด้านข้อมูลจะเติบโต
เมื่อโลกดิจิตทัลเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคน อาชญากรรมบนโลกไซเบอร์ก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว นั่นจึงทำให้รัฐบาลหลายประเทศทั่วโลกตระหนักถึงความปลอดภัยในข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลส่วนบุคคลและหลายประเทศจะมีการออกกฎหมาย เพื่อปกป้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ขณะที่ภาคเอกชนจะต้องเตรียมรับมือกับการพัฒนาเทคโนโลยีความปลอดภัยด้านข้อมูล
Source: China Daily