มาร์เกตเตอร์หลายคนไม่ใส่ใจเทรนด์ของโลกดิจิตอลที่จะมาปฏิวัติวงการทำให้พลาดโอกาสดีๆ หลายอย่างไป
การดูเทรนด์ของดิจิตอลมาร์เกตติ้งเป็นสิ่งสำคัญมาที่จะทำให้คุณรู้ว่า “กระแส” ของโลกไปทางไหน แล้วคุณจึงจะเลือกได้ว่าจะแหวกว่ายตามกระแสหรือทวนกระแสมัน
ต่อไปนี้เป็นเทรนด์มาร์เกตติ้งที่จะมาแรงในปีนี้ทั้ง 7 เทรนด์ ลองอ่านและคิดว่าเทรนด์ไหนน่าจะเกิดประโยชน์กับบริษัทของคุณมากที่สุดกันดีกว่า
1.ดิจิตอลมาร์เกตติ้งแบบไม่ให้ข้อมูลอะไรเลยจะไม่ได้ผลอีกแล้ว
แบรนด์ส่วนใหญ่เริ่มรู้ว่าการทำการตลาดออนไลน์ต้องใช้คอนเทนต์และข้อมูลเป็นตัวตั้งก่อนเพื่อใช้มันสร้างจุดยืนให้แบรนด์และจูงใจผู้บริโภคให้เข้ามาหาข้อมูลของแบรนด์
การใช้ข้อมูลจะช่วยให้คุณสามารถเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เข้ากับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้ เช่น หากคุณเสนอเรื่องภาพยนต์ก็แสดงว่าคุณต้องการสื่อสารกับลูกค้าที่ชอบดูภาพยนต์เช่นกัน นอกจากนี้การมีธีมที่นำเสนอก็ทำให้ผู้บริโภคแวะเวียนกลับมาอ่านคอนเทนต์ของคุณอีกบ่อยๆ
นอกจากนี้ข้อมูลยังช่วยให้มาร์เกตเตอร์สามารถดูได้ว่าคอนเทนต์ ช่องทาง หรือแฟลตฟอร์มไหนที่เวิร์คสำหรับแบรนด์และเหมาะจะอยู่ในแผนกลยุทธ์ระยะยาว
2.Facebook อาจมีพลังมากกว่า Google แล้ว
Facebook เป็นสื่อโซเชียลมีเดียอันดับหนึ่งของโลกและตอนนี้โอกาสที่จะหาโพสต์หรือแอดเคาท์ Facebook เจอบน Google ก็เพิ่มโอกาสมากขึ้นแล้ว แถมยังมีฟีเจอร์ Facebook Search ของตัวเองอีกด้วย
นอกจากนี้ Facebook ก็มีฟีเจอร์ Graph search เพื่อค้นหาข้อมูลด้านสถิติโดยเฉพาะ มาร์เกตเตอร์ที่อยากหาความรู้เพิ่มเติมสามารถลองเข้าไปใช้งานกันได้ครับ
3.E-commerce จะต้องมาพึ่งโซเชียลมีเดียมากขึ้น
ตอนนี้โมบายกลายเป็นช่องทางหลังที่ลูกค้าใช้ช็อปปิ้งสินค้ากันใหญ่ โดยเฉพาะบน Facebook และ Twitter
มาร์เกตเตอร์ต้องเริ่มศึกษาฟีเจอร์บนโซเชียลมีเดียที่สนับสนุนการขายสินค้าออนไลน์แล้วเพราะต่อไปแฟลตฟอร์มที่ขายสินค้าออนไลน์แบบปกติน่าจะเริ่มหมดไป ร้านค้าออนไลน์จะขึ้นมาอยู่กับโซเชียลมีเดียมากยิ่งขึ้น
4.ต้องเปลี่ยนตัวเองมาสู่โมบายมากขึ้น
Google อัพเดท search algorithm ตั้งแต่ต้นปี 2015 เพื่อให้แฟลตฟอร์มรองรับการทำงานบนโมบายมากยิ่งขึ้น
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ดิจิตอลมาร์เกตเตอร์ต้องสร้างแบรนด์เว็บไซต์และอื่นๆ ที่เป็นมิตรกับโมบายมากขึ้น หากคุณพลาด Google ก็อาจค้นหาคุณไม่เจอบนโมบายและอาจเกิดขึ้นบนพีซีทั่วไปด้วย
5.ต้องเริ่มใช้เครื่องมือการตลาดแบบ automation
แรงคนเพียงอย่างเดียวในการตลาดแบบดิจิตอลไม่เพียงพออีกแล้ว
การใช้เวลาในแต่ล่ะวันเพื่อติดตามข้อมูล แฟลตฟอร์ม ช่องทางและตลาดเฉพาะเพื่อสร้างคอนเทนต์ที่ดีนั้นบางครั้งอาจไม่ได้ให้ผลที่ดีตามที่ลงแรงไป เครื่องมือ Marketing automation จะช่วยให้คุณวางตารางงาน ดูประสิทธิภาพของแคมเปญโดยรวมและช่วยให้คุณมีเวลามากขึ้นกับการขายคอนเทนต์เหล่านั้น
6.เจอข้อความที่หายไปอย่างไร้ร่องรอยมากขึ้น
Snapchat กำลังส่งฟีเจอร์ข้อความที่สามารถ “ลบออก” ได้ซึ่งผู้ใช้หลายคนตอบรับอย่างดี
ฟีเจอร์นี้มีประโยชน์ในการทำโปรโมชั่น การแข่งขัน และการทำ moment marketing ที่ต้องการให้เกิดอีเวนท์หรือแอ็คชั่นทันทีในตอนนั้น
ในอนาคต น่าจะมีแอพฯ ที่สามารถทำข้อความที่สามารถหายไปได้ตามเวลาที่กำหนดออกมาซึ่งจะทำให้มีช่องทางในการทำการตลาดแบบใหม่ที่ครีเอทกว่าเดิมเยอะ
7.เลิกพิมพ์ข้อความและหันไปสร้างภาพกันดีกว่า
ผู้ใช้หลายคนเบื่อการอ่านข้อความบนหน้าจอมือถือเล็กๆ แล้วล่ะ
ดังนั้นต่อไปนี้แฟลตฟอร์มที่เน้นภาพเป็นหลักอย่าง Instagram, Tumblr และ Pinterest น่าจะมาแรงและมีแบรนด์หลายแบรนด์เริ่มเข้าไปทำการตลาดแล้ว คอนเทนต์ของมาร์เกตเตอร์ต้องปรับตัวเน้นภาพให้มากขึ้นแล้วล่ะ