อุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) หรือ การจัดประชุม อบรม สัมมนา (Meetings) การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล (Incentives) การจัดงานประชุมสมาคม (Conventions) การจัดงานแสดงสินค้า (Exhibitions) รวมถึงงานเมกะอีเวนต์และเทศกาลนานาชาติ (Mega Events and World Festival) นับเป็นอุตสาหกรรมที่ส่งผลกระทบในเชิงบวกทั้งทางตรงและทางอ้อมให้กับหลายๆ ธุรกิจพร้อมสร้างแรงดึงดูดให้นักลงทุนและนักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศไทย โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมที่เรียกว่าได้รับอานิสงส์การเติบโตของอุตสาหกรรม MICE แบบเต็มๆ
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ (TCEB) หน่วยงานภาครัฐมีพันธกิจในการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาอุตสาหกรรม MICE ให้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ จึงพร้อมเดินหน้ากระตุ้นและพลิกฟื้นเศรษฐกิจด้วยแคมเปญ ไมซ์ไทย มนต์เสน่ห์สู่ความสำเร็จ โดยร่วมมือและผนึกกำลังกับพันธมิตรทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน
ในโอกาสนี้ ได้รับเกียรติจาก คุณวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC หนึ่งในนักธุรกิจชั้นนำของประเทศไทยที่จะเป็นกำลังสำคัญจากภาคเอกชนที่ร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรม MICE สร้างความเชื่อมั่นทั้งในและนอกประเทศ
จับตางานประชุมฟื้นตัวก่อนท่องเที่ยว
ปัจจุบันจะเห็นได้ว่า ทุกอย่างค่อยๆ เริ่มกลับมาดีขึ้น แต่ยังไม่มากเท่ากับช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โรคระบาด เพราะยังมีบางประเทศยังไม่ได้เดินทางเข้ามาที่ประเทศไทย สำหรับงานในด้านประชุมสัมมนาถือเป็นไฮไลท์ที่สำคัญของช่วงนี้ เนื่องจากช่วงแรกของสถานการณ์ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยเฉพาะด้านการประชุมสัมมนาได้รับผลกระทบอย่างหนัก ขณะที่เทคโนโลยีส่งผลให้หลายองค์กรทั่วโลกนิยมการประชุมออนไลน์ ทว่าหลังสถานการณ์คลี่คลายกลุ่มลูกค้าองค์กรกลับเป็นกลุ่มแรกๆ ที่หันมาจัดประชุมสัมมนา
“ช่วงที่ AWC จัด IPO เรามีการแยกเซ็กเมนต์เป็น MICE Hotel อย่างชัดเจนโดยเน้นเรื่องของประชุมสัมมนาและเป็นจุดแข็งของประเทศ ที่ผ่านมาเพิ่งมีการจัดงานประชุมคณะผู้บริหาร ทั่วเอเชียแปซิฟิกของเครือแมริออท ประมาณ 500 กว่าคน โดยทุกคนอยากกลับมาเมืองไทยเพราะเมืองไทยเราเป็นไฮไลท์ในการประชุมสัมมนา”
นอกจากประเทศไทยจะมีความโดดเด่นด้านความสนุกสนาน อาหารการกิน คุณวัลลภายังชี้ว่า เมืองไทยยังมีไฮไลท์อยู่ที่บรรยากาศ มีบริการที่หลากหลาย และมีกิจกรรมมากมาย รวมไปถึงเรื่องความสวยงามทางธรรมชาติ ซึ่งกรุงเทพฯ เรียกได้ว่าเป็น Best City หรือว่าเมืองที่ทุกคนรอคอยที่จะกลับมาหลังสถานการณ์ เป็นส่วนหนึ่งที่ได้เห็นถึงการจัดสัมมนาใหญ่ๆ โดยตอนนี้เริ่มมีการจองงานเตรียมเข้ามามากขึ้น
ปรับตัวสู่ MICE Hotel ตอบโจทย์การประชุม
สำหรับตัวอย่างโรงแรมที่เน้นการประชุมสัมมนาหรือ MICE Hotel คงต้องยกให้โรงแรม แบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค บริเวณถนนสุขุมวิท ซึ่งถือเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ในเครือ AWC มีจำนวนห้องพักมากถึง 1,388 ห้อง ซึ่งคุณวัลลภามองว่าต้องมีการสร้างมูลค่าเพิ่มแทนที่จะเป็นแค่โรงแรมขนาดใหญ่กลางเมืองที่มีห้องพักจำนวนมาก
“เรามองว่าโรงแรม แบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ต้องมีจุดขาย จึงใส่เรื่องของความสะดวกสบายในด้านห้องประชุมที่มีความหลากหลาย ทั้งห้องประชุมขนาดใหญ่สามารถจุได้ 1,500 คน และห้องประชุมอีกหลายๆ แบบ ทั้งแบบแนวไลฟ์สไตล์ แบบ Incentive หรือเป็นแนวกิจกรรมต่างๆ นั่นจึงทำให้ได้เป็น Best Convention Hotel in Asia”
หรืออย่างโรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล ที่ AWC วางมาตรฐานของการเป็น Luxury MICE ซึ่งจากรายได้พบว่า รายได้ที่มาจากการจัดกิจกรรม MICE หรือรายได้ที่มีจากอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) สูงกว่ารายได้จากค่าห้องพัก ฉะนั้นการเน้นไปที่การจัดกิจกรรม MICE จึงเป็นหนึ่งเหตุผลที่มาทำให้หลายคนคิดอยากประชุมสัมมนามาที่เมืองไทย และถือเป็นไฮไลท์ของประเทศไทย
เตรียมขยายพอร์ตโรงแรมทั่วประเทศไทย
อย่างไรก็ดี ในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาส AWC มองว่า ถ้ามีโอกาสสร้างการเติบโตก็พร้อมขยาย ซึ่งช่วยสร้างคุณค่าและสร้างกระแสเงินสดให้กับผู้ถือหุ้น หลังมีนักลงทุนเชื่อมั่นในการเปิด IPO ของ AWC ในแผนการเติบโต ซึ่งยังคงเดินหน้าแผนการเติบโต โดยระหว่างช่วงสถานการณ์นอกจากการปรับปรุง Renovate หรือ Rebrand ก็ยังมีการเดินหน้าแผนพัฒนา โดยมีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับนักลงทุนสถาบันระดับโลก เพื่อมองหาโอกาสเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เป็นการเตรียมแผนการเติบโตอย่างต่อเนื่องให้กับ AWC
“เรายังมองเห็นศักยภาพและเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย ซึ่งเมืองไทยเป็นตัวเลือกแรกของนักเดินทาง ถือเป็นจุดแข็งสำหรับประเทศไทย เราอยากเป็นส่วนหนึ่งที่เสริมความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยยังคงพัฒนาพอร์ตโรงแรมต่อเนื่อง ส่วนพอร์ตธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ และอาคารสำนักงานจะเป็น Mix Development ในพื้นที่สำคัญ ซึ่งจะนำพันธมิตรที่ร่วมแนวคิดมาสร้างคุณค่าด้วยกัน”
การลงทุนในเมืองไทยสร้างโครงการคุณภาพจะช่วยสร้างคุณค่าให้กับประเทศ AWC เป็นบริษัทไทยที่มีโอกาสได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างคุณค่า สร้างรายได้กลับสู่ชุมชน อุดหนุนสินค้าเกษตรในท้องถิ่น เพื่อคุณค่าองค์รวมให้กับประเทศอย่างยั่งยืน
เตรียมความยั่งยืนของอุตสาหกรรม
AWC กำลังมองว่า หลายธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีการเชื่อมต่อกันหมด แล้ว AWC ก็มองว่า พันธมิตรทั้งในและต่างประเทศสามารถมารวมพลัง ซึ่งเป็นรูปแบบที่ AWC กำลังมองในการเป็น Omni-Experience ซึ่งจะช่วยตอบโจทย์ให้กับอุตสาหกรรมและลูกค้า นอกจากนี้ในเรื่องความยั่งยืน (Sustainability) ก็เป็นสิ่งที่ AWC ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง
“ตลอด 10 กว่าปีมานี้ เราทำเรื่องความยั่งยืนในแต่ละส่วน แต่ตอนนี้เราหันมาทำในรูปแบบองค์รวม โดยเราวางแกนหลักเรื่องของความยั่งยืนแบ่งเป็น 3 ส่วน ก็คือ Better Planet เราจะดูแลสิ่งแวดล้อม เพราะเราอยู่ในทุกที่ระยะยาว Better People เราจะดูแลคนในองค์กร รวมทั้งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งลูกค้า ผู้เช่า ชุมชนและสังคม เพราะว่าโครงการของเราได้เข้าไปมีส่วนร่วมสร้างคุณค่าในที่ต่างๆ และ Better Prosperity ด้วยแผนการเติบโต การสร้างรายได้ การสร้างคุณค่าร่วมและการกำกับดูแลกิจการที่ดี”
AWC มองว่า ต้องร่วมกันกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะช่วงที่ผ่านมาทำให้หลายๆ อย่างชะงัก การประชุมสัมมนาจะเป็นกลไกสำคัญ ไม่ใช่แค่ช่วยสร้างรายได้ให้ธุรกิจโรงแรม แต่ยังได้อุดหนุนสินค้าไทย ได้อุดหนุนพืชผักของไทยที่ส่งเข้าโรงแรม ก่อให้เกิด Value Chain ที่สร้างคุณค่า ถ้ามีการร่วมมือกันช่วยกันสนับสนุนการประชุมสัมมนาและกิจกรรมต่างๆ จะเป็นการสร้างกลไกที่แข็งแกร่งของธุรกิจโดยรวมให้กลับมาด้วยกัน
นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้มอบ AWC Infinite Lifestyle ให้กับทั้งพันธมิตรและผู้เช่าในตึกออฟฟิศใน Prime Location หลายโครงการ โดยมอบให้ผู้เช่าและมอบให้พนักงานของผู้เช่าทั้งหมด ช่วยให้มีการมาอุดหนุนทานอาหารที่โรงแรมจนเรียกว่ารายได้จากอาหารและเครื่องดื่มมากกว่า 2019 เป็นผลมาจากการสนับสนุนจากทั้งคนไทยและลูกค้าจากต่างประเทศ
“นอกจากนี้เรายังทำ AWC Infinite Lifestyle ในรูปแบบออนไลน์แอปฯ ซึ่งผู้บริหารสามารถใช้คะแนนพาทีมไปทานอาหารแล้วไปประชุมที่โรงแรมต่างๆ ของเรา แถมในออนไลน์แอปฯ ยังมีเรื่อง Wellness เราอยากให้ดูแลสุขภาพไปออกกำลังกาย ทำให้เกิดกิจกรรมองค์รวมแล้วทำให้โรงแรมของเรากลายเป็น Place to Enjoy Lifestyle”
สร้างประสบการณ์องค์รวมธุรกิจโรงแรม
AWC มองว่า การประชุมถือเป็นการสร้างประสบการณ์องค์รวม เช่น หลังจากการประชุมก็จะมองหาที่ทานข้าวต่อ หรืออาจจะมีประชุมในหัวข้ออื่นๆ พอมาจัดงานประชุมที่โรงแรมจะทำให้เกิดประสบการณ์ต่อเนื่อง เช่น ไปทานข้าว ไปช้อปปิ้ง และเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม นั่นจึงทำให้ MICE Hotel ตอบโจทย์การสร้างประสบการณ์องค์รวมทั้งหมด
“วันนี้เรามีพันธมิตรกับสถานที่จัดประชุมต่างๆ นอกจากเรื่องที่พักกับสถานที่ประชุมแล้ว ยังต้องเชื่อมต่อกับสถานที่ต่างๆ ก็จะต้องมีการเดินทาง เพราะการประชุมสัมมนาระดับสากลก็คือต้องเดินทางมาจากต่างประเทศMICE Hotel จึงเป็นรูปแบบการเชื่อมต่อ เรียกว่าการประชุมสัมมนากับโรงแรมเป็นการสร้างคุณค่าร่วมกัน”
สิ่งที่ AWC เน้นมากคือเรื่องของคุณภาพ สุขอนามัย เรียกว่า Top International Standard รวมถึงการดูแลการเดินทาง เพื่อให้ผู้เดินทางเข้ามาสบายใจ ปัจจุบันลูกค้ามักจะจองผ่านโรงแรมโดยตรง แต่ที่น่าจะสำคัญมากกว่าคือเรื่องของเทคโนโลยี เพราะการประชุมสัมมนาที่โรงแรมบางครั้งจะต้องจัดในรูปแบบ Hybrid ต้องมีลิ้งค์เชื่อมต่อ
“เพราะฉะนั้นในโรงแรมก็มีการพัฒนาเรื่องเทคโนโลยี จอสกรีน รองรับการประชุมขนาดใหญ่ เดี๋ยวนี้ในห้องพักก็ต้องตอบโจทย์พวกเทคโนโลยีประชุมออนไลน์แล้ว รวมไปถึงรองรับการ Workation หรือการ Work Anywhere อย่างเก้าอี้ที่เหมาะกับนั่งทำงาน อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงภายในห้องพัก เป็นความเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างไปจากเดิม”
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ AWC เตรียมความพร้อมสู่การเป็น MICE Hotel สอดรับกับพันธกิจของTCEB ที่เร่งพัฒนาสถานที่จัดงานต่างๆ ด้วยมาตรฐานสถานที่จัดงานประเทศไทย หรือ Thailand MICE Venue Standards เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักเดินทางไมซ์ และเดินหน้ากระตุ้นเพื่อให้เกิดการจัดงาน MICE ในประเทศช่วงไตรมาสสุดท้าย
ถึงเวลาแล้วที่ทุกภาคส่วนต้องออกมาช่วยกันจัดงาน จะจัดไซส์ไหน รูปแบบไหน ก็ล้วนช่วยให้เศรษฐกิจขับเคลื่อน ตั้งแต่ระดับชุมชนไปจนถึงระดับประเทศ ทีเส็บ สนับสนุนทุกการจัดงานให้เกิดขึ้นจริง “ไมซ์ไทย มนต์เสน่ห์สู่ความสำเร็จ” ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.businesseventsthailand.com