The Ordinary แบรนด์สกินแคร์ระดับโลกที่ได้รับการยอมรับในด้านสูตรผลิตภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนด้วยวิทยาศาสตร์และความโปร่งใส ได้เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ Marketing Oops! ได้รับเกียรติสัมภาษณ์พิเศษ นิโคลา คิลเนอร์ (Nicola Kilner) ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานบริหาร เกี่ยวกับกลยุทธ์การขยายตลาดและการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย
ถ้าคุณเป็นสายสกินแคร์ ก็คงต้องเคยได้ยินชื่อ The Ordinary มาก่อน แบรนด์นี้ก่อตั้งในปี 2016 และได้เปลี่ยนแปลงวงการสกินแคร์ด้วยสูตรผลิตภัณฑ์ที่เน้นส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพและความโปร่งใส และในที่สุด ถึงคราวที่คนไทยจะได้สัมผัสกับแบรนด์นี้แบบใกล้ชิด
เมื่อ Marketing Oops! ได้รับโอกาสพิเศษในการสัมภาษณ์กับ นิโคลา คิลเนอร์ (Nicola Kilner) ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานบริหารของ The Ordinary ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้เปิดประตูเข้าสู่ความคิดของผู้ที่อยู่เบื้องหลังแบรนด์ และคำตอบของนิโคลานั้นช่างตรงไปตรงมา
ทำไมต้องประเทศไทย? ทำไมต้องตอนนี้?
คำถามแรกที่อยู่ในใจของหลาย ๆ คนคงจะเป็น: ทำไม The Ordinary ถึงเลือกเปิดตัวในประเทศไทยในช่วงนี้? นิโคลาให้คำตอบที่ว่า “ประเทศไทยมีผู้บริโภคที่มีความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์และส่วนผสมในผลิตภัณฑ์สกินแคร์ เราต้องการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตลาดนี้”
ฟังดูสมเหตุสมผลเหมือนกันนะ ก็มีส่วนจริงที่คนไทยขึ้นชื่อเรื่องความเข้าใจเกี่ยวกับสกินแคร์และส่วนผสมที่เหมาะกับผิวของตัวเอง และ The Ordinary ก็พร้อมตอบโจทย์นี้
ปรัชญาแบรนด์: การศึกษาและความโปร่งใส
นิโคลาเน้นถึงค่านิยมหลักของแบรนด์ ได้แก่ ความเรียบง่าย ความโปร่งใส และการให้ความรู้ “เราต้องการให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงความรู้เกี่ยวกับส่วนผสมและการทำงานของมันได้ง่าย ๆ ผ่านเนื้อหาออนไลน์ ประสบการณ์ในร้านค้า และการร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านสกินแคร์ในประเทศไทย”
แนวทางนี้สอดคล้องกับผู้บริโภคไทยที่มีความรู้และเข้าใจเรื่องสกินแคร์มากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการระบุส่วนผสมอย่างชัดเจน ปฏิบัติการแบบไม่ทดลองกับสัตว์ และการใส่ใจต่อความยั่งยืนยังตอบสนองต่อเทรนด์ความงามที่ใส่ใจโลกในปัจจุบันอีกด้วย
ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทยไหม?
ก่อนที่จะเข้าสู่เรื่องการตลาด คำถามนี้เป็นคำถามที่อยู่ในใจเป็นอันดับแรก เพราะด้วยส่วนผสมที่ออแกนิคและดีมากๆของ The Ordinary นั้น น่าจะเหมาะกับประเทศเมืองหนาวมากกว่าไทยหรือไม่ ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอากาศร้อนชื้นแบบสุดขั้ว และเรารู้กันดีถึงปัญหาที่มาพร้อมกับอากาศแบบนี้ โชคดีที่ The Ordinary รู้เช่นกัน แม้แบรนด์จะยังไม่ได้ออกผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับเมืองไทย แต่นิโคลาก็ชี้ให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์อย่าง Niacinamide 10% + Zinc 1% มีส่วนช่วยควบคุมความมัน และ Azelaic Acid Suspension 10% นั้นช่วยลดการระคายเคืองจากความร้อน สามารถตอบโจทย์ได้ดี
ความเรียบง่ายและความโปร่งใสที่เป็นหัวใจของแบรนด์
หากใครเคยได้ทราบถึงที่มาและการทำธุรกิจของแบรนด์ The Ordinary ก็จะทราบดีว่า The Ordinary นั้น มุ่งเน้นไปที่จุดสำคัญ ในแบบสกินแคร์ที่ใช้แล้วได้ผลจริง นิโคลาบอกว่า “เราจะให้ความรู้แก่ผู้บริโภคไทยผ่านการแชร์ข้อมูลที่เข้าใจง่ายและมีความน่าเชื่อถือ เพื่อให้ผู้บริโภคไทยสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมได้เอง”
The Ordinary จะโดดเด่นในตลาดไทยได้อย่างไร?
เมื่อถูกถามถึงความท้าทายในการเข้าสู่ตลาดที่มีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะตลาดความงามของไทย ที่เต็มไปด้วยคู่แข่งทั้งจากในและต่างประเทศ แต่นิโคลาเชื่อมั่นว่า The Ordinary จะสามารถสร้างความแตกต่างได้ “เราให้ความสำคัญกับส่วนผสมคุณภาพสูง ราคาที่เข้าถึงได้ และความโปร่งใส สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราโดดเด่นในตลาดที่มีตัวเลือกมากมาย” เธอตอบกลับมาอย่างมั่นใจ
อนาคตของ The Ordinary ในเอเชีย
เมื่อถึงช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ เราถามนิโคลาเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ของแบรนด์ในภูมิภาคเอเชีย เธอบอกว่า “เป้าหมายของเราคือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในราคาที่ยุติธรรม พร้อมมอบความรู้และความโปร่งใสเสมอ”
ความประทับใจ
สำหรับ Marketing Oops! การมาของ The Ordinary ในไทยเหมือนกับการจับคู่ที่สมบูรณ์แบบ เพราะยุคนี้ ไม่ว่าผลิตภัณฑ์ใดก็ต้องโปร่งใส (Transparency) กับผลิตภัณฑ์ที่ได้ผลจริง และคุ้มค่า นั่นคือสิ่งที่ผู้บริโภคไทยยินดีจ่ายเพื่อแลกกับสิ่งที่ดีที่สุด และนี่คือสิ่งที่แบรนด์นี้มอบให้ หลังจากนี้คงต้องมาดูกันต่อว่า ผู้บริโภคไทยจะตอบรับอย่างไรกับแบรนด์ที่มีแนวทางเรียบง่ายของแบรนด์นี้
อ่านมาถึงตรงนี้ พร้อมกันหรือยังที่จะเข้าถึง และค้นพบสกินแคร์แบรนด์ The Ordinary?
เขียนโดย ณธิดา รัฐธนาวุฒิ
ผู้ก่อตั้ง MarketingOops.com กับประสบการณ์การทำงานในแวดวง Digital มากกว่า 18 ปี ในธุรกิจคอนเทนท์ ธุรกิจออนไลน์ และการตลาดดิจิทัล
อ่านบทความ Exclusive Insider เพิ่มเติมได้ที่นี่
บทความ Exclusive นี้เผยแพร่บน Marketing Oops! เป็นที่แรกที่เดียว
Copyright© MarketingOops.com