ความท้าทายของ VIPA แพลตฟอร์มสตรีมมิงไทยที่สะท้อนคุณค่าของสื่อสาธารณะ
VIPA แพลตฟอร์มสตรีมมิงจาก Thai PBS มีจุดยืนในการนำเสนอคอนเทนต์คุณภาพหลากหลายและมุ่งมั่นในความเป็นสื่อสาธารณะ โดยไม่เก็บค่าสมาชิกและไม่มีโฆษณา นอกจากนี้ยังพัฒนาแพลตฟอร์มที่ผู้ชมทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีความต้องการพิเศษสามารถเข้าถึงได้
อย่างไรก็ตาม การสร้างแพลตฟอร์มที่แตกต่างจากคู่แข่งในตลาดสตรีมมิงยังคงเป็นความท้าทายใหญ่ VIPA ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงจากแพลตฟอร์มสตรีมมิงที่มีงบประมาณสูง และเน้นการให้บริการคอนเทนต์ที่ดึงดูดผู้ชมในกลุ่มแมส นอกจากนี้ยังต้องหาวิธีในการพัฒนาและปรับปรุงการให้บริการเพื่อรองรับความต้องการของผู้ชมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งรวมถึงการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ และการขยายฐานผู้ใช้งานให้กว้างขึ้นเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในตลาด OTT ของไทย
เรามีโอกาสได้สนทนากับ คุณอนุพงษ์ ไชยฤทธิ์ รองผู้อำนวยการ ส.ส.ท. ด้านเทคโนโลยีการกระจายสื่อ และ คุณกนกพร ประสิทธิ์ผล ผู้อำนวยการสำนักสื่อดิจิทัล Thai PBS ซึ่งบทความนี้จะพาผู้อ่านไปสำรวจเส้นทาง กลยุทธ์ และวิสัยทัศน์ในอนาคตของ VIPA
วิสัยทัศน์ในความเปลี่ยนแปลงและนวัตกรรม
เรื่องราวของ VIPA เริ่มต้นจากการตระหนักรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่โดยทีมผู้บริหารของไทยพีบีเอส เมื่อแพลตฟอร์มสตรีมมิงระดับโลกและบริการ OTT เริ่มเข้ามามีบทบาท พวกเขามองเห็นทิศทางการบริโภคสื่อที่เปลี่ยนไปตั้งแต่ปี 2559 และเริ่มมีการพูดคุยเกี่ยวกับการสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลที่จะช่วยเชื่อมโยงระหว่างสื่อสาธารณะกับผู้ชมให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นผ่านระบบ Membership
อีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญคือ การสร้างพื้นที่ดิจิทัลสำหรับ User-Generated Content (UGC) หรือคอนเทนต์จากผู้ผลิตรายย่อย ซึ่งโทรทัศน์ในปัจจุบันมีข้อจำกัดในการเปิดพื้นที่ให้ผู้ผลิตอิสระ เช่น นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ผลิตรายเล็ก
จนกระทั่งเมื่อ 4 ปีที่แล้ว โครงการนี้ได้เริ่มต้นขึ้นจริง VIPA ได้รับการพัฒนาขึ้นจากการสร้างแพลตฟอร์มและสร้างอัตลักษณ์ขึ้นมาใหม่ โดยในระยะเริ่มแรกนั้นคอนเทนต์ส่วนใหญ่ยังคงมาจากรายการของไทยพีบีเอส
สำหรับชื่อ ‘VIPA’ นั้น เกิดจากความต้องการตอบโจทย์การสร้างแบรนด์ที่สดใหม่ เพื่อแก้ปัญหาภาพลักษณ์เดิมของไทยพีบีเอสที่มักถูกมองว่าเหมาะกับผู้ชมวัยผู้ใหญ่และเชื่อมโยงกับโทรทัศน์
‘VI’ ใน VIPA ย่อมาจาก Vision สื่อถึงวิสัยทัศน์ของผู้นำที่มองการณ์ไกล ส่วน ‘PA’ มาจาก Passion ที่แสดงถึงความมุ่งมั่นในการสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่า ชื่อนี้ยังสอดคล้องกับที่ตั้งของไทยพีบีเอสบนนถนนวิภาวดีรังสิต และสื่อถึงการเป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิงของไทย ด้วยชื่อผู้หญิงไทยอย่าง ‘วิภา’
อย่างไรก็ตาม การสร้างแบรนด์ VIPA นั้นต้องเผชิญกับความท้าทายในการทำการตลาดและประชาสัมพันธ์ เพราะเป็นการสร้างแบรนด์ใหม่ตั้งแต่ต้น ขณะเดียวกันก็ต้องรักษาความสอดคล้องกับแบรนด์ไทยพีบีเอสด้วย
4 ปีของการสร้างบ้าน สร้างแบรนด์ และความเป็นเอกลักษณ์
การเดินทางของ VIPA ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ได้ขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ที่เน้นการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และการกำหนดตัวตนของแพลตฟอร์มให้ชัดเจน “ในช่วงสองปีแรก เราทุ่มเทกับเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มอย่างมาก เหมือนการสร้างบ้านและสร้างแบรนด์” คุณกนกพรเล่า
หลังจากโครงสร้างพื้นฐานแข็งแรงขึ้น จุดโฟกัสก็เปลี่ยนไปที่การผลิตคอนเทนต์ ควบคู่กับการสื่อสาร ทำการตลาดสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก ในช่วงแรก VIPA ใช้คอนเทนต์จากของไทยพีบีเอสเป็นหลัก ซึ่งเป็นเนื้อหาที่ยังมีคุณค่าต่อการรับชม แต่อาจไม่ได้มีการออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์แล้ว แต่เมื่อเวลาผ่านไป แพลตฟอร์มก็เริ่มนำเสนอ VIPA Originals มากขึ้น “ด้วยพฤติกรรมบนภูมิทัศน์สื่อที่เปลี่ยนไป เราไม่ต้องการให้ VIPA ถูกมองว่าเป็นแค่ที่สำหรับดูรายการย้อนหลังของไทยพีบีเอส” คุณกนกพรอธิบาย นอกจากนี้ ในระยะหลังยังมีการทำแคมเปญการตลาดมากขึ้นเพื่อขยายการเข้าถึงของ VIPA
ทุกวันนี้ผู้ใช้สามารถรับชมคอนเทนต์ของ VIPA ได้จากหลากหลายอุปกรณ์ และปัจจุบันมีกลุ่มผู้ชมรุ่นใหม่และกลุ่มที่หลากหลายมากขึ้น โดยมีตัวเลขสถิติต่าง ๆ (ณ เดือนธันวาคม 2567) ที่น่าสนใจดังนี้:
- สมาชิกที่ลงทะเบียน: ประมาณ 170,000 คน
- ยอดดาวน์โหลด: 624,000 ครั้ง
- คอนเทนต์ในคลัง: 461 รายการ และ 6,726 วิดีโอ
- ผู้ใช้งานประจำต่อเดือน: เฉลี่ย 50,000–70,000 คน โดยขึ้นอยู่กับความนิยมของคอนเทนต์ในช่วงนั้น
เนื้อหาบน VIPA ถูกจัดแบ่งออกเป็น 7 หมวดหมู่ ได้แก่ Drama & Sitcom, Documentary, Kids & Family, Food & Travel, Variety & Lifestyle, Education, News Factual
ในบรรดาหมวดหมู่เหล่านี้ ประเภทเนื้อหาที่ทำให้ VIPA มีความโดดเด่นก็คือ “สารคดี” ถือเป็นหมวดหมู่ที่มีจำนวนเนื้อหามากที่สุด คิดเป็น 43.8% ของทั้งหมด หรือ 202 รายการ และ 1,567 วิดีโอ “สารคดีของเรามีทั้งเนื้อหาของไทยที่เจาะลึกประเด็นทั้งทางสังคม วัฒนธรรม วิถีชีวิต และสิ่งแวดล้อม รวมถึงสารคดีต่างประเทศที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากซึ่งร่วมมือกับ Doc Club คัดเลือกเนื้อหาประเด็นที่น่าสนใจอย่างเข้มข้นและได้รับสิทธิ์ฉายเป็นที่แรก” คุณกนกพรกล่าวเสริม ในส่วนของละครและซิทคอมซึ่งมีจำนวนรองลงมา ส่วนใหญ่จะเป็นรายการที่เคยออกอากาศบนช่องไทยพีบีเอส
สตรีมมิงที่แตกต่าง ด้วยหัวใจของสื่อสาธารณะ
ในโลกของแพลตฟอร์มสตรีมมิงที่มุ่งเน้นความบันเทิงแบบเข้าถึงง่าย VIPA กลับเลือกเดินเส้นทางที่แตกต่าง ด้วย ‘ความบันเทิงแบบมีสาระ
“เราอยากทำแพลตฟอร์มให้แตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่น” คุณอนุพงษ์กล่าว “คอนเทนต์ของเราสะท้อนความเป็นสื่อสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นสารคดีที่หาดูยากในตลาด ภาพยนตร์จากวรรณกรรมคลาสสิก หรือละครอย่าง จากเจ้าพระยาสู่อิรวดี ที่ใช้ศิลปะในการเล่าเรื่องเพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างไทยและเมียนมา นี่คือสิ่งที่แตกต่าง เราต้องการดึงดูดคนที่ชอบคอนเทนต์ที่ทั้งสนุกและให้สาระในเวลาเดียวกัน”
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ VIPA แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดคือ ความเป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการฟรี 100% โดยไม่มีโฆษณาหรือการเก็บค่าสมาชิก “นับเป็นอีกจุดที่แตกต่างจากแพลตฟอร์ม OTT ในตลาดปัจจุบัน นี่คือจุดยืนของเราที่เป็นสื่อสาธารณะ” คุณกนกพรกล่าว
นอกจากนี้ VIPA ยังให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมในการเข้าถึงคอนเทนต์ โดยเฉพาะกลุ่มคนเปราะบาง เช่น ผู้พิการทางการได้ยินและการมองเห็น “เรามีบริการ CC หรือ Closed Captioningที่เป็นคำบรรยายเสียงทั้งภาษาไทยและต่างประเทศ, Audio Description เสียงบรรยายภาพ แต่ที่เป็นเทคโนโลยีหนึ่งเดียวที่แตกต่างคือ บริการ Big Sign ภาษามือ ที่สามารถสลับการรับชมกับจอปกติได้ใน Player เดียวกัน เป็นบริการที่เราให้ความสำคัญเพื่อให้คนหูหนวกได้สามารถรับชมเนื้อหาได้พร้อม ๆ กัน และเชื่อว่าเป็นแพลตฟอร์มเดียวที่มีเนื้อหาที่มีบริการเพื่อคนหูหนวกมากที่สุดในตลาด OTT ในขณะนี้ ” คุณกนกพรกล่าว “นี่ไม่ใช่แค่พันธกิจของ VIPA แต่เป็นหัวใจของไทยพีบีเอส”
ในหมวดคอนเทนต์สำหรับเด็ก ที่มีค่อนข้างน้อยในตลาด OTT ปัจจุบัน VIPA ยังคงรักษาความแตกต่างด้วยการเพิ่มฟีเจอร์เพื่อความปลอดภัย และรักษาสมดุลให้มีความพอดีสำหรับเด็กและครอบครัว เช่น การตั้ง PIN เพื่อควบคุมการเข้าถึงเนื้อหา หรือการกำหนดเวลาในการรับชมสำหรับเด็ก“ ถึงแม้เนื้อหาของเราจะปลอดภัยอยู่แล้ว แต่เราต้องการสร้างประสบการณ์ที่เหมาะสมและเป็นมิตรกับเด็กที่สุด” คุณกนกพรเสริม
สร้างคอนเทนต์ที่เข้าถึงทุกกลุ่มอย่างมีคุณค่า
ในโลกของแพลตฟอร์มสตรีมมิงที่หลากหลาย VIPA สร้างเอกลักษณ์ที่โดดเด่นด้วยกลยุทธ์การนำเสนอเนื้อหาแบบ ‘For All’ ซึ่งหมายถึงคอนเทนต์ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้สูงอายุ หรือกลุ่มผู้พิการ
การพัฒนาคอนเทนต์ของ VIPA ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่สารคดี ละคร หรือรายการใดรายการหนึ่ง แต่สองหมวดที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือสารคดีและละคร “เมื่อพูดถึง VIPA หลายคนจะนึกถึงสองหมวดนี้ เพราะเป็นจุดแข็งของเรา” คุณอนุพงษ์กล่าว
“กลยุทธ์คอนเทนต์ของเราจะสอดคล้องกับนโยบายขององค์กร” คุณกนกพรอธิบาย “อย่างปีหน้า เราจะชู 3 ประเด็นในวาระหลักองค์กร คือ 1. Soft Power 2. Mental Health and Well Being และ 3. Climate Change Adaptation ซึ่งจะถูกถ่ายทอดในทุกบริการ รวมถึง VIPA”
ในส่วนของเนื้อหา VIPA Originals ซึ่งเป็นจุดเด่นอีกประการหนึ่ง ส่วนใหญ่จะเป็นสารคดีที่ผลิตขึ้นโดยเฉพาะ เช่น เรื่องบ้านบ้าน ของ บอล-ยอด หนังพาไป ที่พูดถึงการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์และสถาปัตยกรรมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผลงานนี้ยังถูกนำไปจัดแสดงในเทศกาล VIPA Film Fest ที่โรงภาพยนตร์ลิโด้ เมื่อวันเสาร์ ที่ 14 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมการตลาดที่ต่อยอดไปจากคอนเทนต์ของ VIPA และได้รับผลตอบรับจากทั้งแฟน ๆ
VIPA ยังเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตคอนเทนต์เข้าร่วมสร้างสรรค์ผลงานผ่านโครงการCommissioning “ทุกปีเรามีประกาศความต้องการคอนเทนต์เฉพาะ เช่น ละคร หรือสารคดี หรืออาจเป็นรูปแบบการประกวด แข่งขัน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ผลิต นักสร้างคอนเทนต์ หรือแม้แต่นิสิต นักศึกษามีโอกาสยื่นข้อเสนอไอเดียและผลงานเข้ามา” คุณกนกพรกล่าว
ขยายขอบเขตและสร้างความผูกพันกับผู้ชม
แม้ว่าในช่วงแรก VIPA จะดึงดูดผู้ชมด้วยเรื่องการดูฟรีและไม่มีโฆษณา แต่คุณอนุพงษ์มองว่านั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น “คำว่า ‘ดูฟรี ไม่มีโฆษณา’ เป็นแค่การเชิญชวนให้คนเข้ามารู้จักแพลตฟอร์ม แต่สุดท้ายแล้ว คนไม่ได้อยู่เพราะแพลตฟอร์ม แต่อยู่เพราะคอนเทนต์ เช่นเดียวกับโรงหนังที่คนเข้าไปเพราะหนัง ไม่ใช่เพราะตัวโรงหนังเอง”
การดึงดูดผู้ชมจำเป็นต้องมีคอนเทนต์ใหม่และน่าสนใจอยู่เสมอ “ถ้าไม่มีคอนเทนต์ใหม่ที่น่าสนใจ แพลตฟอร์มก็อยู่ไม่ได้ ทุกวันนี้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากมาย เราจึงต้องลงทุนในคอนเทนต์ที่แตกต่างและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นแฟนของเรา เช่น กลุ่มที่ชอบสารคดี เป็นต้น” คุณอนุพงษ์ กล่าว
VIPA ในปี 2568
คุณกนกพรยังได้เล่าถึงทิศทางและแผนงานสำคัญของ VIPA สำหรับปี 2568 โดยแบ่งออกเป็น 3 ด้านหลักที่มุ่งพัฒนาศักยภาพและตอบโจทย์ผู้ชมยุคใหม่
“คอนเทนต์คือหัวใจสำคัญ”
หัวใจสำคัญของ VIPA คือ คอนเทนต์ ซึ่งจะมีการพัฒนาและเพิ่มการลงทุนในเนื้อหาที่มีคุณภาพสูง รวมถึงเปิดพื้นที่ให้กับ ผู้ผลิตอิสระ หรือแม้แต่ User-Generated Content (UGC) ที่พร้อมร่วมสร้างสรรค์เนื้อหาดี มีคุณค่าไปกับ VIPA โดยยังมุ่งเน้นด้านสารคดีที่เป็นจุดแข็ง และสาระบันเทิงในรูปแบบต่าง ๆ ต่อไป ในอีกด้านของการพัฒนาคอนเทนต์ ก็คือการส่งมอบคอนเทนต์ให้ตรงไลฟ์สไตล์ของผู้ชม
“VIPA เริ่มใช้เครื่องมือกับข้อมูลที่มีความละเอียดมากขึ้น และเริ่มจริงจังกับการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้เราเข้าใจกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง ตรงใจ และเหมาะสม” คุณกนกพรกล่าวย้ำถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้เสริมศักยภาพในเนื้อหาของ VIPA โดยมุ่งเน้นคุณภาพและสร้างประสบการณ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ชม
Gamification การสร้างการมีส่วนร่วมผ่านเกมและอินเทอแรคทีฟ
VIPA จะไม่ได้หยุดแค่การสตรีมแบบเดิม ๆ “เรากำลังจะเติมเรื่องเกม สร้างกิจกรรม เพื่อเพิ่มการมีปฏิสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ ผ่านแพลตฟอร์มเพื่อให้ผู้ชมมีส่วนร่วมมากขึ้น เพื่อให้สอดรับกับเทรนด์พฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของผู้ชมแต่ละกลุ่ม” คุณกนกพรพูดถึงฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น เกม Quiz หรือการสะสมคะแนน “การสร้างกิจกรรมบนแพลตฟอร์มจะช่วยให้คนอยู่ และสนุกกับแพลตฟอร์มนานขึ้น และสร้างความผูกพันระหว่างผู้ใช้”
การพัฒนาแพลตฟอร์ม
แม้ว่าแพลตฟอร์มของ VIPA จะรองรับทุกอุปกรณ์ยอดนิยมแล้ว แต่ทีมยังวางแผน ที่จะเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ และใช้เทคโนโลยี AI เพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้ในการทำ Personalization, Voice Command, Remoteless Society หรือใช้ฟีเจอร์ที่จะรองรับการส่งเสริม Soft Power ทางด้านเนื้อหาของไทยสู่นานาชาติ เช่น Multi-Region/Language UI และ Device Management เป็นต้น“เป้าหมายของเราคือการพัฒนาอินเทอร์เฟซให้ดียิ่งขึ้น สอดคล้องกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงของผู้ชมสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ตอบโจทย์ในทุกมิติ และรองรับ Accessibility เพื่อการเข้าถึงที่หลากหลายและเท่าเทียม” คุณกนกพรกล่าวทิ้งท้าย