“กระเบื้องตารางเมตรละหมื่น”“เครื่องเสียงชุดละเป็นล้าน” นอกจากราคาที่ชวนอึ้งของสินค้าทั้ง 2 ชนิดที่กล่าวมา เชื่อหรือไม่ว่า มีคนทำธุรกิจที่รวมสินค้าทั้งสองอย่างไว้ในธุรกิจเดียวกัน วันนี้ทาง Marketing Oops! ได้เดินทางเข้าไปย่านทองหล่อ เพื่อพูดคุยกับคุณ หลาน หรือ ม.ล. กอกฤษต กฤดากร เจ้าของ Iconic Studio ธุรกิจที่ขายกระเบื้องหรูและเครื่องเสียง High-End ไปด้วยกัน ซึ่งเราจะมาพูดคุยถึงที่มาที่ไปของธุรกิจที่ผสมผสานในเรื่องของงาน Design และ ดนตรี ได้อย่างลงตัวนี้กัน
จุดเริ่มต้นของสตูดิโอ ที่รวบรวมงาน Design และงานดนตรีเข้าด้วยกัน
คุณหลานได้เล่าว่า ตนได้เริ่มต้นการทำ Iconic Studio แห่งนี้ในปี พ.ศ.2558 จากความชอบส่วนตัวในเรื่องของงาน Design งานศิลปะ และดนตรี ซึ่งแน่นอนว่าการเริ่มต้นจากความชอบส่วนตัว และไม่ได้เป็นธุรกิจที่เอายอดขายเป็นหลัก ดังนั้น การทำการตลาดและการประชาสัมพันธ์จึงต้องทำให้แตกต่างจากการทำธุรกิจร้านขายกระเบื้องทั่ว ๆ ไป ในจุดเริ่มต้นจึงต้องใช้เวลาในการสื่อสารพอสมควร เพื่อให้ลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายเข้าใจในสิ่งที่ตนพยายามทำอยู่
แตกต่างตั้งแต่ Concept ของตัวสินค้า เมื่อกระเบื้องที่ขายคืองานศิลปะ ไม่ใช่กระเบื้องทั่วไป (แตกต่างยังไง)
“ปกติเวลาคนเลือกกระเบื้องเขาก็จะเลือกกันแต่ลายหินลายไม้ทั่วไป แต่สินค้าของผม ผมจะเลือกของที่มี Concept มี Story และมีเรื่องของ Design”
คุณหลานได้อธิบายถึงจุดยืนที่แตกต่างของธุรกิจ ‘สตูดิโอขายกระเบื้อง’ ของตนว่ามีความแตกต่างจาก ธุรกิจร้านวัสดุก่อสร้างอย่างไร ซึ่งความแตกต่างที่ว่านี้ เริ่มต้นตั้งแต่ตัว ‘สินค้า’ ที่คุณหลานไม่ได้มองว่าเป็นแค่กระเบื้องทั่ว ๆ ไป แต่เขาตั้งใจในการขายกระเบื้องให้เป็น ‘งานศิลปะ’ ดังนั้นการทำการตลาดและประชาสัมพันธ์จึงไม่เหมือนกับร้านกระเบื้องทั่วไป เริ่มตั้งแต่การตกแต่งร้านของ Iconic Studio ที่ดูคล้าย Gallery โชว์งานศิลปะ เป็น Lifestyle Studio มากกว่าร้านขายกระเบื้อง และกระเบื้องที่ขาย ส่วนใหญ่แล้ว ถูกออกแบบโดยศิลปิน, Celebrity หรือบุคคลที่มีชื่อเสียง
เหตุผลในการเลือกขายกระเบื้อง
สำหรับเหตุผลในการเลือก ‘กระเบื้อง’ เป็น Products ของ Iconic Studio นั้น คุณหลานให้เหตุผลว่า เพราะครอบครัวของตนนั้นมีธุรกิจทำกระเบื้อง โรงงานผลิต ยี่ห้อ RCI (Royal Ceramic Industry) ดังนั้นตนจึงมีประสบการณ์และความคุ้นเคยกับสินค้าประเภทนี้ จึงมีความสนใจในการทำธุรกิจด้านนี้ต่อ
เพราะสินค้าเป็นเหมือน Art Piece กลุ่มเป้าหมายของ Iconic จึงต้องเจาะกลุ่มพิเศษ
“กลุ่มลูกค้าของผมจะเป็นค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม ไม่ใช่กลุ่ม Mass”
อย่างที่กล่าวไว้ว่ากระเบื้องของ Iconic Studio นั้นเปรียบเสมือน Art Piece ที่ออกแบบโดยศิลปิน มีการนำเข้าจากยุโรป มีเรื่องราวและที่มาที่ไป ดังนั้น ราคาของกระเบื้องแต่ละ Collection ต้องมีความแตกต่างจากกระเบื้องทั่วไป ดังนั้นกลุ่มลูกค้าของ Iconic Studio จึงเป็นกลุ่มคนที่มีความชื่นชอบในงาน Design กลุ่มสถาปนิก และกลุ่มคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง
ลำโพง High-End อีก Product ที่ Iconic ขายคู่กับกระเบื้อง
“คือถ้ามองในมุม Business ผมควรจะต่อยอดร้านของผมด้วยสินค้าพวกสุขภัณฑ์ แต่ผมไม่ได้ชอบอย่างนั้น มันไม่ใช่ความชอบของผม”
อย่างที่เล่าไว้ในข้างต้นว่า Iconic Studio เกิดจากการความชอบในศิลปะงาน Design และดนตรี ดังนั้นนอกจากกระเบื้องแล้ว สินค้าอีกอย่างของ Iconic คือลำโพง High-End ยี่ห้อ “Funktion-One” ซึ่งเหตุผลในการเลือกขายลำโพงของคุณหลานนั้นมาจากความชอบ ความหลงไหลในดนตรีและเครื่องเสียง เพราะตัวคุณหลานเองนั้นนอกจากเป็น MD ของสตูดิโอแห่งนี้ เขายังเป็น DJ อีกด้วย (AKA: DJKK) ซึ่งเขาเห็นความเป็นไปได้ในการเจาะตลาดกลุ่มคนที่รักในงาน Design เพราะลำโพงที่เขาเลือกมาขาย ไม่ใช่ลำโพงแบรนด์ทั่ว ๆ ไป แต่เป็นลำโพงที่มีเรื่องของงาน Design เข้ามาเกี่ยวข้องเช่นกัน ดังนั้นสินค้าทั้งสองอย่างจึงสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้า กลุ่มเดียวกันได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
“เพราะโดยส่วนตัวผมดูเรื่อง Design และ เพลง ทุกวันอยู่แล้ว ดังนั้นเราจึงรู้วิธีว่าจะโปรโมทมันยังไง เพราะเราใส่ใจมันทุกวัน”
Lifestyle Studio ที่ครอบคลุมทั้งในการเป็นสถานที่สังสรรค์และเปิดตัวสินค้า
“เพราะร้านเราเป็นร้าน Stand Alone มันไม่ได้อยู่ตามห้างสรรพสินค้า ดังนั้นเราเลยต้องจัด Event เพื่อเชิญคนเข้ามาดูสินค้า”
ที่ชั้นล่างของ Iconic Studio นั้น หากเราปาดสายตามองดู เราจะพบว่านี่มันคือสถานที่สำหรับจัดปาร์ตี้สังสรรค์ชั้นดีเลยก็ว่าได้ เพราะมีทั้งโซนที่เป็นบูธดีเจ มีชุดเครื่องเสียง และมีแม้กระทั่งบาร์ ซึ่งคุณหลานให้เหตุผลว่า เวลาเปิดตัวสินค้าคอลเลคชั่นใหม่ของ Iconic Studio นั้นไม่ได้โปรโมทขายแบบกว้างขวางมาก แต่จะใช้วิธีการขายแบบ Soft Sell คือเชิญลูกค้าแต่ละบริษัทเข้ามา ให้พวกเขาได้ลองดื่มไวน์ ได้ฟังเพลงจากเครื่องเสียง รวมถึงรับจัด Event เพื่อเป็นการโปรโมทร้านอีกต่อนึง
การสร้าง ‘Design&Music Culture’ คือความตั้งใจและแก่นแท้เบื้องหลังของ Iconic Studio
“ในความเชื่อของผม ‘งานดนตรี’ และ ‘งาน Design’ มันผสมผสานกันได้”
นอกจากการขายกระเบื้องและเครื่องเสียง ที่ชั้น 3 ของ Iconic Studio แห่งนี้ ยังเป็นโรงเรียนสอน DJ ที่ขายทั้งอุปกรณ์และคอร์สเรียน DJ ไว้อีกด้วย ดังนั้น หากจะมองว่าที่นี่คือสถานที่สำหรับกลุ่มคนที่หลงไหลในงาน Design และ ดนตรี ก็คงจะไม่เกินไปนัก เพราะคุณหลานได้ให้เหตุผลส่วนตัวในการทำธุรกิจนี้ว่า เพราะเขาเชื่อว่างาน Design และ ดนตรีมันมีส่วนที่คล้ายกัน มันสามารถผสมผสานกันได้ และเขาพึงพอใจกับสิ่งที่ทำอยู่มากด้วย
“ถึงแม้ร้านผมจะไม่ได้หวือหวา ไม่ได้มีคนมาต่อคิวเข้าร้านเหมือนธุรกิจอื่น แต่ผมก็พอใจในสิ่งที่ผมทำอยู่ ลูกค้าของผมคือตัวพ่อตัวแม่ของวงการ เป็น Trend Setter ซึ่งในจุดนี้แหละ ทำให้ผมคิดว่า ผมมาถูกทางแล้วล่ะ”
อนาคตของ Iconic Studio ที่จะมีมากกว่า กระเบื้องและเครื่องเสียง
คุณหลานได้เผยกับเราถึงสิ่งใหม่ ๆ ที่กำลังจะมีใน Iconic Studio ในอนาคตนี้ ซึ่งได้แบ่งออกตามชนิดของ Products โดยในส่วนของงาน Design นั้น คงจะมีอะไรที่มากขึ้นมากกว่ากระเบื้อง เพราะในปัจจุบันนอกจากการขายแล้ว คุณหลานก็สามารถที่จะแนะนำลูกค้าได้ว่า เมื่อใช้กระเบื้องลายนี้ ควรจะใช้เฟอร์นิเจอร์ชนิดไหนต่อ เพื่อให้เข้าคู่กันอย่างสวยงาม ซึ่งคุณหลานมองไว้ว่าอยากจะขยาย Product ในทางนี้ต่อ ส่วนในเรื่องของดนตรีนั้น คุณหลานได้มีแพลนในการเปิดโรงเรียนสอนดนตรี ห้องอัด รวมไปถึงการเปิดค่ายเพลงอิเล็คทรอนิคส์ เป็นของตัวเอง
ก่อนจากกัน คุณหลานได้ให้คำแนะนำแก่คนรุ่นใหม่ที่ต้องการทำธุรกิจเป็นของตัวเองว่า
“อย่างแรก คุณต้องแน่ใจก่อนว่าคุณชอบในสิ่งนั้นจริง ๆ อย่างที่สองคือใจเย็น ๆ คิดระยะยาว ลงมือทำมันอย่างจริงจัง ช่วงแรกคุณอาจจะเจอปัญหาที่ติดขัด แต่ถ้าคุณตั้งใจทำมันอย่างจริงจัง คุณก็จะทำมันสำเร็จได้ครับ”