“ตอนนี้ Family เราก็อยู่ในเจน 4 และกลุ่มสิงห์เองมีการแตกบริษัทไปกว่า 100 บริษัทที่เริ่มไกลจากธุรกิจเดิม มีพนักงานรวมกันกว่า 2,000 คน ซึ่งเป็นคนใหม่ก็เยอะ เราจึงกลัวว่า วัฒนธรรมในความเป็นสิงห์ที่มีมาปีนี้ครบรอบ 86 ปีจะหล่นหายไป เราถึงคิดว่า จะทำอย่างไรให้ทุกคนในองค์กรเห็น และเข้าใจชัดเจนถึงความเป็นสิงห์บนหน้าหนังสือเดียวกัน”
เป็นสิ่งที่ จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ได้สะท้อนให้เห็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญที่องค์กรระดับบิ๊กแห่งนี้จะเดินหน้าต่อไปในอนาคต และเป็นจุดเริ่มต้นของ ‘Singha Way’ วัฒนธรรมองค์กรตั้งแต่ยุคเริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบันที่จะสร้างให้เป็น DNA ของสิงห์ และส่งต่อกันแบบรุ่นสู่รุ่นให้กับคนทุกคนในองค์กร ตั้งแต่คนในตระกูล ‘ภิรมย์ภักดี’ , ผู้บริหาร ไปจนถึงพนักงานทุกระดับ
Singha Way วิถีแห่งสิงห์
สำหรับ Singha Way จะประกอบไปด้วย 4 แกนหลัก ได้แก่ 1. เรากล้าหาญอย่างสิงห์ (We Act With Courage) การกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง และเปิดโอกาสให้พนักงานทุกคนกล้าแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ ฯลฯ 2. เราคือครอบครัวสิงห์ (We Are Family) พนักงานทุกคน คือ คนในครอบครัวเดียวกัน และพร้อมจะพัฒนาให้ทุกคนมีคุณภาพ เก่งขึ้นและเติบโตขึ้น
3. เราส่งมอบคุณภาพที่ดีที่สุด (We Deliver Premium Quality) สินค้าของสิงห์จะมีคุณภาพระดับ Premium ทำดีแล้วต้องทำดีขึ้นไปอีก เช่นเดียวกับการพัฒนาคุณภาพของพนักงาน 4. เราเชื่อเรื่องความสุข (We Believe In Happiness) การสร้างให้พนักงานมีความสุขและเจอโอกาสที่ดีที่สุดทั้งการทำงานและชีวิตส่วนตัว
ทั้งหมด จะถูกสื่อสารผ่านในทุกช่องทางที่สิงห์มี รวมถึงพยายามสร้าง experience ผ่านการทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่สามารถทำให้พนักงานเชื่อมโยงกับสิ่งที่ต้องการสื่อสารได้เป็นอย่างดี ไม่ใช่แค่ท่องจำ
“ทั้ง 4 ข้อเป็น DNA ตั้งแต่ยุคแรกที่พาเราเดินต่อไปอย่างแข็งแกร่งถึงปัจจุบัน และตอบโจทย์การพัฒนาศักยภาพของตนเอง และองค์กร โดยเฉพาะในการทำธุรกิจตอนนี้ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพราะเราเชื่อว่า เมื่อคนของเรามีคุณภาพ ก็จะส่งผลดีไปสู่คนในครอบครัว ชุมชน สังคม ไปถึงคู่ค้า พาร์ทเนอร์ เนื่องจากการสร้างความยั่งยืนของเราให้ความสำคัญกับ stake holder ที่เกี่ยวข้องกับเราทั้งหมด”
3 รางวัลสุดยอดนายจ้างดีเด่น ปี 2019 การันตีความสำเร็จ
สำหรับ Singha Way นั้น ได้เริ่มนำมาสื่อสารกับทุกคนในองค์กรเมื่อปี 2559 ซึ่ง จุตินันท์ บอกว่า ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นแล้วว่า การสร้าง DNA ตามวิถีสิงห์ได้เดินมาถูกทาง
ภาพสะท้อนที่ชัดเจน ก็คือ การที่ 3 บริษัทในเครือสิงห์ ได้แก่ ปทุมธานีบริวเวอรี่ จำกัด , บริษัท เชียงใหม่เบเวอเรช จำกัด และบริษัท สุราษฎร์ธานีเบเวอเรช จำกัด สามารถคว้า 3 รางวัลสุดยอดนายจ้างดีเด่น จากเวที Best Employers Thailand 2019 ที่จัดโดย Kincentric บริษัทที่ปรึกษาด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลชั้นนำ ร่วมกับสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดขึ้นเพื่อค้นหาสุดยอดนายจ้างดีเด่น
หรือจะเป็นกรณีที่ทำให้องค์กรสามารถผ่านปัญหาต่าง ๆ จากการปรับโครงการสร้างครั้งใหญ่ในปีนี้มาได้ ซึ่งทาง จุตินันท์ออกปากว่า หากไม่มี Singha Way จะเป็นไปได้ยากมาก
“หน่วยงานที่ผมดูแล คือ บัญชี , HR และ Procurement ที่ปีนี้เราปรับโครงสร้างใหญ่ แน่นอนเมื่อมีการปรับโครงสร้าง ทุกคนจะกังวลเรื่องหน้าที่การงาน กลัวจะโดนย้ายงาน หรือลดตำแหน่ง การมี Singha Way ทำให้คนของเราเข้าใจและอุ่นใจว่า เราจะไม่ทิ้งใคร มีการอธิบายถึงที่มาของการเปลี่ยนแปลง เพราะเรารับผิดชอบในฐานะครอบครัว เพียงคุณกล้าเดินไปกับเราข้างหน้า เราจะพัฒนาคุณไปสู่ตำแหน่งอื่น ๆ เคสนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ดีมาก”
หวังเป็นคัมภีร์ก้าวสู่องค์กรร้อยปี
ทาง จุตินันท์ หวังว่า Singha Way จะเปรียบเสมือน ‘คัมภีร์พาองค์กรสู่ความสำเร็จอย่างแข็งแกร่ง’ ไม่ว่ากลุ่มสิงห์จะมีอายุร้อยปีหรือสองร้อยปีก็ตาม และจะเป็นคัมภีร์ที่ทุกคนของสิงห์ส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่น ไม่ว่าจะเป็นคนในตระกูลภิรมย์ภักดี , ผู้บริหาร ไปกระทั่งพนักงานในทุกระดับ
หากถามว่า ใน 4 ข้อของ Singha Way อะไรสำคัญที่สุด
คำตอบที่ได้รับจาก จุตินันท์ คือ สำคัญทุกข้อ แต่หากในมุมส่วนตัวมองว่า ด้วยการแข่งขันในโลกธุรกิจปัจจุบันที่แข่งกันดุเดือดทั้งภายในและภายนอกองค์กร ทำให้พนักงานถูกกดดันเป็นอย่างมาก
ดังนั้น ในฐานะผู้บริหาร จึงให้ความสำคัญกับ We Believe In Happiness มากที่สุด ด้วยการสร้างบรรยากาศและเปิดโอกาสให้พนักงานหาความสุขได้ทั้งในที่ทำงาน และการใช้ชีวิตส่วนตัว ตามแบบฉบับ work life balance นั่นเอง