คุยกับ “ดร.ยุ้ย เกษรา” กับแนวคิด “ความยั่งยืน” ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังผู้บริโภค จากหน้าหนังสือสู่ Vision ใหม่เสนาฯ ที่ตอบโจทย์ชีวิตคนทุกช่วงวัย

  • 6
  •  
  •  
  •  
  •  

 

ในช่วงปีที่ผ่านมาเราได้รู้จักกับ ดร.ยุ้ย ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์และงบประมาณ ให้กับคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รวมไปถึงในฐานะกรรมการผู้จัดการ บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ Developer ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดบริษัทหนึ่งของประเทศไทย แต่ในอีกมุมหนึ่งที่หลายคนอาจจะไม่ค่อยได้เห็นก็คือในมุม “นักเขียน” ที่ดร.ยุ้ยมีผลงานออกวางตลาดในปีนี้อีก 2 เล่ม นั่นก็คือ Solar So Good และ Sustain or Die เล่าเรื่องราวความสำคัญของพลังงานสะอาดและความยั่งยืนด้วย

ทั้ง 3 บทบาทของ ดร.ยุ้ย ล้วนมีความเชื่อมโยงและมีเป้าหมายก็คือการทำให้สังคมดีขึ้นด้วยแนวคิดเรื่องความยั่งยืน สนับสนุนให้ผู้คนใช้ชีวิตแบบ Decarbonized Lifestyle และนั่นก็นำไปสู่วิสัยทัศน์ใหม่ของ เสนาดีเวลลอปเม้นท์ อย่าง The Essential Lifelong Trusted Partner ด้วยซึ่งล่าสุด Marketing Oops! ได้โอกาสพูดคุยกับ ดร.ยุ้ย ถึงที่มาของแนวคิดนี้ที่พัฒนาไปเป็นวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจของเสนาฯ ในเวลาต่อมาด้วย

 

จากประสบการณ์สู่หนังสือ

 

ในปีนี้เราได้เห็นหนังสือของ ดร.ยุ้ย วางตลาดในปีนี้แล้ว 2 เล่มนั่นก็คือ Solar So Good หนังสือให้ความรู้เกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์ที่วางแผงพร้อมๆ กับกระแสค่าไฟฟ้าแพงและอากาศที่ร้อนจัดในช่วงที่ผ่านมา ส่วนอีกเล่มก็คือ Sustain or Die ที่เล่าถึงความสำคัญของ “ความยั่งยืน” ที่ไม่ใช่เรื่องของใครคนหนึ่งแต่เป็นเรื่องของคนทุกคนที่จะร่วมมือกันทำให้สังคมหรือโลกของเราดีขึ้น ซึ่งเรื่องราวในหนังสือทั้ง 2 เล่มนี้ก็เกิดขึ้นผ่านประสบการณ์ของดร.ยุ้ยในฐานะผู้นำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และการเข้าไปมีส่วนร่วมเป็นที่ปรึกษาให้กับผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร

“เป็นประสบการณ์ส่วนตัวเหมือนกัน เกิดขึ้นจากตอนที่พี่เดินหาเสียงกับท่านผู้ว่าฯ มันทําให้พี่ได้เห็นความเป็นเมืองที่กว้างขึ้นกว่าการเป็น developer ธรรมดา ทําให้เห็นว่าเมืองนี้มันมีปัญหามากกว่าที่เราคิด ก็เลยเป็นที่มาของการที่รู้สึกว่าอยากจะเป็นส่วนเล็กๆ ที่แสดงออกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของทุกคนที่จะทําให้ความยั่งยืนมันเกิดขึ้นจริงๆ” ดร.ยุ้ยเล่า

 

ความหมายของความยั่งยืนที่ตอบโจทย์ด้วย Decarbonized Lifestyle

ความหมายของ Sustainability หรือความยั่งยืนนั้นอาจมีหลากหลายความหมายหากมองจากมุมที่แตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นมุมผู้ประกอบการ มุมของผู้บริโภค หรือแม้แต่มุมของภาครัฐ แต่สำหรับ ดร.ยุ้ย แล้วความหมายของ Sustainability ที่ชัดเจนที่สุดก็คือความหมายขององค์การสหประชาชาติ (UN) ซึ่งก็คือ “การทำอะไรที่ไม่สร้างผลกระทบเชิงลบกับคนในยุคต่อไป”  ซึ่งสิ่งนี้สามารถนำไปปรับใช้ได้ทั้งในแง่ “ผู้ผลิต” และ “ผู้บริโภค” ได้

“พลังที่ใหญ่ที่สุดของการทําให้ประเทศไทยหรือกรุงเทพฯ ยั่งยืนได้จริง ๆ คือพลังผู้บริโภค และพลังที่ดีที่สุดไม่ใช่ของบางชิ้นแต่มันคือไลฟ์สไตล์ เพราะถ้าไลฟ์สไตล์เราเปลี่ยน สิ่งนี้จะเกิดขึ้นในทุกๆ วัน” ดร.ยุ้ยระบุ

 

ธุรกิจตอบโจทย์ความยั่งยืนที่ Win 3 ฝ่าย

 

ในแง่ของการทำธุรกิจก็ต้องไม่ลืมข้อเท็จจริงที่ว่าต้องมีเงื่อนไขด้าน “ผลกำไร” เข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นการสร้างสมดุลให้เกิดขึ้นทั้งในแง่ของการทำธุรกิจ การตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค รวมไปถึงผลกระทบต่อสังคมจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งการทำธุรกิจที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน ดร.ยุ้ยมองว่าเป็นเรื่องที่ Win ทั้ง 3 ฝ่ายทั้งในส่วนของ “เสนาฯ” เองที่มีจุดขายชัดเจนขึ้น ส่วนของ “ลูกค้า” ก็สามารถมีค่าใช้จ่ายที่ลดลง ขณะเดียวกัน “สังคม” ก็ได้ประโยชน์โดยรวมด้วย

 

 

แม้ดร.ยุ้ยจะยอมรับว่าปัจจุบันเสนาฯ เองก็ยังไม่สามารถลดมลพิษที่เกิดขึ้นจาก Production Line ได้ 100% แต่ปัจจุบันเสนา พยายามที่จะทำโครงการให้ Decarbonized Lifestyle นั้นเกิดขึ้นได้ “สะดวก” มากที่สุดไม่ว่าจะเป็นการตอบโจทย์ pain point ผู้อาศัยด้านการเดินทาง การติดตั้ง “โซลาร์เซลล์” เพื่อใช้พลังงานสะอาดที่เสนา ทำมาอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันเสนา ไปไกลกว่านั้นด้วยรูปแบบบ้านที่เรียกว่า Zero Energy House” (ZEH)  หรือบ้านพลังงานเป็นศูนย์​ นวัตกรรมที่อยู่อาศัยจากประเทศญี่ปุ่นที่ใช้การ “ดีไซน์” เพื่อลดความร้อนการใช้ “วัสดุอุปกรณ์” ประหยัดพลังงาน และการใช้ “พลังงานทดแทน” เพื่อทำให้พลังงานไฟฟ้าที่ต้องซื้อลดน้อยลงมากที่สุด และบ้านทุกแบบของเสนา เริ่มต้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปีนี้เป็นต้นไปจะเป็นบ้านแบบ Zero Energy House ทั้งหมด

 

สู่วิชั่นใหม่ The Essential Lifelong Trusted Partner

 

นอกจากเรื่องของความพยายามในการสร้าง Decarbonized Lifestyle ให้กับผู้พักอาศัยส่งต่อความยั่งยืนไปยังสังคมในภาพรวมแล้ว เสนา ยังต่อยอดธุรกิจเพื่อความยั่งยืนด้วยบริการที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้ในทุกช่วงวัยภายใต้วิชั่นใหม่ที่เพิ่งประกาศเมื่อต้นปีที่ผ่านมาอย่าง “The Essential Lifelong Trusted Partner” ที่จะขยายฐานลูกค้าบ้านเดิมไปเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ รวมถึงขยายบริการต่างๆของเสนา ให้ตอบโจทย์ชีวิตไปจนถึงวัยหลังเกษียณเช่นกัน

ดร.ยุ้ย ขยายความให้เข้าใจมากยิ่งขึ้นว่าการที่เสนา จะเป็น Lifelong Trusted Partner ได้นั้น ต้องเข้าถึงลูกค้าได้ในทุกช่วงวัยเช่นกลุ่ม Gen Z ที่ปัจจุบันเข้าถึงการซื้อบ้านได้ยากขึ้น รายได้โตตามไม่ทันราคาที่พักอาศัยจากปัญหา Urbanization ดังนั้น เสนา จึงทำธุรกิจสถาบันการเงินแบบ non-bank ที่มีชื่อว่า “เงินสดใจดี เพื่อเป็นบันไดให้กลุ่มคนรุ่นใหม่เข้าถึงการซื้อบ้านได้ง่ายมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังทำธุรกิจ Property Management ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกบ้าน ผู้พักอาศัยเปลี่ยนมุมมองจากการดูแลตัวอาคารมาเป็นการ “ดูแลคน” ที่อยู่ในอาคาร โดยเน้นพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ในทุกมิติของการอยู่อาศัยไล่เรียงไปถึงธุรกิจที่เสนาจะทำต่อไปในอนาคตเพื่อรองรับผู้สูงอายุอย่าง Nursing Home สิ่งเหล่านี้คือการสร้างธุรกิจเสนา ให้มีความยั่งยืนมีบริการที่สอดรับกับทุกช่วงวัยและตอบโจทย์ความท้าทายของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย

 

“ความยั่งยืน” แนวคิดที่ผู้บริโภคยินดีเลือก

 

 แน่นอนว่าเสนา สามารถเป็นตัวอย่างให้กับแบรนด์หรือบริษัทต่างๆในการนำแนวทาง “ความยั่งยืน” ไปใช้ในการดำเนินธุรกิจที่ไม่สร้างผลกระทบเชิงลบให้กับคนรุ่นต่อไปได้ ซึ่งดร.ยุ้ย ก็ยืนยันว่าพลังผู้บริโภคในเวลานี้คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และมีรายงานจำนวนมากที่พิสูจน์แล้วว่า ผู้บริโภคยินดีที่จะซื้อสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและใส่ใจในเรื่องความยั่งยืนมากกว่าสินค้าที่ไม่ได้ทำในอัตราที่สูงมากๆ

ดังนั้นในแง่ของผู้ผลิตแล้วหนึ่งในเงื่อนไขที่จะทำให้ชนะในตลาดก็คือพลังสนับสนุนจากผู้บริโภคที่แสดงให้เห็นว่าตลาดพร้อมที่จะตอบรับกับเรื่องนี้แล้ว อย่างไรก็ตามดร.ยุ้ยก็บอกด้วยว่า สิ่งที่ต้องยอมรับความจริงด้วยก็คือแม้ผู้บริโภคพร้อมที่จะซื้อสินค้าที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนแต่ก็อาจมีกำลังที่จะจ่ายเพิ่มได้ไม่เยอะตามแต่กลไกของเศรษฐกิจในแต่ละช่วงเวลา ดังนั้นผู้ประกอบการณ์ก็ต้องสร้างสมดุลระหว่างต้นทุนที่ไม่ได้มากเกินไปนักกับการสร้างสินค้าบริการให้สอดคล้องกับแนวคิดความยั่งยืนด้วยนั่นเอง

แนวคิดการดำเนินธุรกิจด้วย “ความยั่งยืน” ของแม่ทัพแห่งเสนา ผ่านมุมมองของคนที่มองปัญหาของเมืองในมุมที่กว้างกว่าจากประสบการณ์ที่ปรึกษาผู้ว่ากรุงเทพมหานคร เชื่อว่าจะช่วยให้คนไทยเข้าใจถึงหัวใจสำคัญของความยั่งยืนมากขึ้น ช่วยดึงให้คนจำนวนมากหันมาดำเนินชีวิตแบบ Decarbonized Lifestyle ได้ง่ายขึ้น เป็นแนวคิดที่สามารถเป็นต้นแบบในการนำความยั่งยืนมาใช้กับธุรกิจ และที่สำคัญที่สุดจะเป็น Stepping Stone ที่จะทำให้ธุรกิจของเสนา ก้าวไปสู่ความยั่งยืนได้ต่อไปในอนาคตเช่นกัน


  • 6
  •  
  •  
  •  
  •