ในช่วงปีที่ผ่านมาเราได้รู้จักกับ ดร.ยุ้ย ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์และงบประมาณ ให้กับคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รวมไปถึงในฐานะกรรมการผู้จัดการ บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ Developer ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดบริษัทหนึ่งของประเทศไทย แต่ในอีกมุมหนึ่งที่หลายคนอาจจะไม่ค่อยได้เห็นก็คือในมุม “นักเขียน” ที่ดร.ยุ้ยมีผลงานออกวางตลาดในปีนี้อีก 2 เล่ม นั่นก็คือ Solar So Good และ Sustain or Die เล่าเรื่องราวความสำคัญของพลังงานสะอาดและความยั่งยืนด้วย
ทั้ง 3 บทบาทของ ดร.ยุ้ย ล้วนมีความเชื่อมโยงและมีเป้าหมายก็คือการทำให้สังคมดีขึ้นด้วยแนวคิดเรื่องความยั่งยืน สนับสนุนให้ผู้คนใช้ชีวิตแบบ Decarbonized Lifestyle และนั่นก็นำไปสู่วิสัยทัศน์ใหม่ของ เสนาดีเวลลอปเม้นท์ อย่าง The Essential Lifelong Trusted Partner ด้วยซึ่งล่าสุด Marketing Oops! ได้โอกาสพูดคุยกับ ดร.ยุ้ย ถึงที่มาของแนวคิดนี้ที่พัฒนาไปเป็นวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจของเสนาฯ ในเวลาต่อมาด้วย
จากประสบการณ์สู่หนังสือ
ในปีนี้เราได้เห็นหนังสือของ ดร.ยุ้ย วางตลาดในปีนี้แล้ว 2 เล่มนั่นก็คือ Solar So Good หนังสือให้ความรู้เกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์ที่วางแผงพร้อมๆ กับกระแสค่าไฟฟ้าแพงและอากาศที่ร้อนจัดในช่วงที่ผ่านมา ส่วนอีกเล่มก็คือ Sustain or Die ที่เล่าถึงความสำคัญของ “ความยั่งยืน” ที่ไม่ใช่เรื่องของใครคนหนึ่งแต่เป็นเรื่องของคนทุกคนที่จะร่วมมือกันทำให้สังคมหรือโลกของเราดีขึ้น ซึ่งเรื่องราวในหนังสือทั้ง 2 เล่มนี้ก็เกิดขึ้นผ่านประสบการณ์ของดร.ยุ้ยในฐานะผู้นำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และการเข้าไปมีส่วนร่วมเป็นที่ปรึกษาให้กับผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร
“เป็นประสบการณ์ส่วนตัวเหมือนกัน เกิดขึ้นจากตอนที่พี่เดินหาเสียงกับท่านผู้ว่าฯ มันทําให้พี่ได้เห็นความเป็นเมืองที่กว้างขึ้นกว่าการเป็น developer ธรรมดา ทําให้เห็นว่าเมืองนี้มันมีปัญหามากกว่าที่เราคิด ก็เลยเป็นที่มาของการที่รู้สึกว่าอยากจะเป็นส่วนเล็กๆ ที่แสดงออกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของทุกคนที่จะทําให้ความยั่งยืนมันเกิดขึ้นจริงๆ” ดร.ยุ้ยเล่า
ความหมายของความยั่งยืนที่ตอบโจทย์ด้วย Decarbonized Lifestyle
ความหมายของ Sustainability หรือความยั่งยืนนั้นอาจมีหลากหลายความหมายหากมองจากมุมที่แตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นมุมผู้ประกอบการ มุมของผู้บริโภค หรือแม้แต่มุมของภาครัฐ แต่สำหรับ ดร.ยุ้ย แล้วความหมายของ Sustainability ที่ชัดเจนที่สุดก็คือความหมายขององค์การสหประชาชาติ (UN) ซึ่งก็คือ “การทำอะไรที่ไม่สร้างผลกระทบเชิงลบกับคนในยุคต่อไป” ซึ่งสิ่งนี้สามารถนำไปปรับใช้ได้ทั้งในแง่ “ผู้ผลิต” และ “ผู้บริโภค” ได้
“พลังที่ใหญ่ที่สุดของการทําให้ประเทศไทยหรือกรุงเทพฯ ยั่งยืนได้จริง ๆ คือพลังผู้บริโภค และพลังที่ดีที่สุดไม่ใช่ของบางชิ้นแต่มันคือไลฟ์สไตล์ เพราะถ้าไลฟ์สไตล์เราเปลี่ยน สิ่งนี้จะเกิดขึ้นในทุกๆ วัน” ดร.ยุ้ยระบุ
ธุรกิจตอบโจทย์ความยั่งยืนที่ Win 3 ฝ่าย
ในแง่ของการทำธุรกิจก็ต้องไม่ลืมข้อเท็จจริงที่ว่าต้องมีเงื่อนไขด้าน “ผลกำไร” เข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นการสร้างสมดุลให้เกิดขึ้นทั้งในแง่ของการทำธุรกิจ การตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค รวมไปถึงผลกระทบต่อสังคมจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งการทำธุรกิจที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน ดร.ยุ้ยมองว่าเป็นเรื่องที่ Win ทั้ง 3 ฝ่ายทั้งในส่วนของ “เสนาฯ” เองที่มีจุดขายชัดเจนขึ้น ส่วนของ “ลูกค้า” ก็สามารถมีค่าใช้จ่ายที่ลดลง ขณะเดียวกัน “สังคม” ก็ได้ประโยชน์โดยรวมด้วย
แม้ดร.ยุ้ยจะยอมรับว่าปัจจุบันเสนาฯ เองก็ยังไม่สามารถลดมลพิษที่เกิดขึ้นจาก Production Line ได้ 100% แต่ปัจจุบันเสนา พยายามที่จะทำโครงการให้ Decarbonized Lifestyle นั้นเกิดขึ้นได้ “สะดวก” มากที่สุดไม่ว่าจะเป็นการตอบโจทย์ pain point ผู้อาศัยด้านการเดินทาง การติดตั้ง “โซลาร์เซลล์” เพื่อใช้พลังงานสะอาดที่เสนา ทำมาอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันเสนา ไปไกลกว่านั้นด้วยรูปแบบบ้านที่เรียกว่า “Zero Energy House” (ZEH) หรือบ้านพลังงานเป็นศูนย์ นวัตกรรมที่อยู่อาศัยจากประเทศญี่ปุ่นที่ใช้การ “ดีไซน์” เพื่อลดความร้อนการใช้ “วัสดุอุปกรณ์” ประหยัดพลังงาน และการใช้ “พลังงานทดแทน” เพื่อทำให้พลังงานไฟฟ้าที่ต้องซื้อลดน้อยลงมากที่สุด และบ้านทุกแบบของเสนา เริ่มต้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปีนี้เป็นต้นไปจะเป็นบ้านแบบ Zero Energy House ทั้งหมด
สู่วิชั่นใหม่ The Essential Lifelong Trusted Partner
นอกจากเรื่องของความพยายามในการสร้าง Decarbonized Lifestyle ให้กับผู้พักอาศัยส่งต่อความยั่งยืนไปยังสังคมในภาพรวมแล้ว เสนา ยังต่อยอดธุรกิจเพื่อความยั่งยืนด้วยบริการที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้ในทุกช่วงวัยภายใต้วิชั่นใหม่ที่เพิ่งประกาศเมื่อต้นปีที่ผ่านมาอย่าง “The Essential Lifelong Trusted Partner” ที่จะขยายฐานลูกค้าบ้านเดิมไปเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ รวมถึงขยายบริการต่างๆของเสนา ให้ตอบโจทย์ชีวิตไปจนถึงวัยหลังเกษียณเช่นกัน
ดร.ยุ้ย ขยายความให้เข้าใจมากยิ่งขึ้นว่าการที่เสนา จะเป็น Lifelong Trusted Partner ได้นั้น ต้องเข้าถึงลูกค้าได้ในทุกช่วงวัยเช่นกลุ่ม Gen Z ที่ปัจจุบันเข้าถึงการซื้อบ้านได้ยากขึ้น รายได้โตตามไม่ทันราคาที่พักอาศัยจากปัญหา Urbanization ดังนั้น เสนา จึงทำธุรกิจสถาบันการเงินแบบ non-bank ที่มีชื่อว่า “เงินสดใจดี” เพื่อเป็นบันไดให้กลุ่มคนรุ่นใหม่เข้าถึงการซื้อบ้านได้ง่ายมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังทำธุรกิจ Property Management ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกบ้าน ผู้พักอาศัยเปลี่ยนมุมมองจากการดูแลตัวอาคารมาเป็นการ “ดูแลคน” ที่อยู่ในอาคาร โดยเน้นพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ในทุกมิติของการอยู่อาศัยไล่เรียงไปถึงธุรกิจที่เสนาจะทำต่อไปในอนาคตเพื่อรองรับผู้สูงอายุอย่าง Nursing Home สิ่งเหล่านี้คือการสร้างธุรกิจเสนา ให้มีความยั่งยืนมีบริการที่สอดรับกับทุกช่วงวัยและตอบโจทย์ความท้าทายของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย
“ความยั่งยืน” แนวคิดที่ผู้บริโภคยินดีเลือก
แน่นอนว่าเสนา สามารถเป็นตัวอย่างให้กับแบรนด์หรือบริษัทต่างๆในการนำแนวทาง “ความยั่งยืน” ไปใช้ในการดำเนินธุรกิจที่ไม่สร้างผลกระทบเชิงลบให้กับคนรุ่นต่อไปได้ ซึ่งดร.ยุ้ย ก็ยืนยันว่าพลังผู้บริโภคในเวลานี้คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และมีรายงานจำนวนมากที่พิสูจน์แล้วว่า ผู้บริโภคยินดีที่จะซื้อสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและใส่ใจในเรื่องความยั่งยืนมากกว่าสินค้าที่ไม่ได้ทำในอัตราที่สูงมากๆ
ดังนั้นในแง่ของผู้ผลิตแล้วหนึ่งในเงื่อนไขที่จะทำให้ชนะในตลาดก็คือพลังสนับสนุนจากผู้บริโภคที่แสดงให้เห็นว่าตลาดพร้อมที่จะตอบรับกับเรื่องนี้แล้ว อย่างไรก็ตามดร.ยุ้ยก็บอกด้วยว่า สิ่งที่ต้องยอมรับความจริงด้วยก็คือแม้ผู้บริโภคพร้อมที่จะซื้อสินค้าที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนแต่ก็อาจมีกำลังที่จะจ่ายเพิ่มได้ไม่เยอะตามแต่กลไกของเศรษฐกิจในแต่ละช่วงเวลา ดังนั้นผู้ประกอบการณ์ก็ต้องสร้างสมดุลระหว่างต้นทุนที่ไม่ได้มากเกินไปนักกับการสร้างสินค้าบริการให้สอดคล้องกับแนวคิดความยั่งยืนด้วยนั่นเอง
แนวคิดการดำเนินธุรกิจด้วย “ความยั่งยืน” ของแม่ทัพแห่งเสนา ผ่านมุมมองของคนที่มองปัญหาของเมืองในมุมที่กว้างกว่าจากประสบการณ์ที่ปรึกษาผู้ว่ากรุงเทพมหานคร เชื่อว่าจะช่วยให้คนไทยเข้าใจถึงหัวใจสำคัญของความยั่งยืนมากขึ้น ช่วยดึงให้คนจำนวนมากหันมาดำเนินชีวิตแบบ Decarbonized Lifestyle ได้ง่ายขึ้น เป็นแนวคิดที่สามารถเป็นต้นแบบในการนำความยั่งยืนมาใช้กับธุรกิจ และที่สำคัญที่สุดจะเป็น Stepping Stone ที่จะทำให้ธุรกิจของเสนา ก้าวไปสู่ความยั่งยืนได้ต่อไปในอนาคตเช่นกัน