ถอดความสำเร็จ LINE SHOPPING ที่ไม่เพียงเพิ่มยอดขาย แต่ช่วยร้านเล็ก สู้บนสนามการค้าขายออนไลน์ได้แบบยั่งยืน

  • 10K
  •  
  •  
  •  
  •  

 

ปัจจุบัน ‘อีคอมเมิร์ซ’ ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับผู้บริโภคไทยอีกต่อไป และตอนนี้ก็มีหลากหลายช่องทางให้เลือกช้อปออนไลน์ ทั้งเว็บไซต์ , Social Commerce และ e-marketplace จนทำให้ตลาดนี้ในบ้านเราเติบโตขึ้นทุกปี อย่างปี 2563 มีมูลค่าประมาณ 270,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 10-15% โดยเฉพาะ Social Commerce ที่คิดเป็นสัดส่วน 60% ของตลาดอีคอมเมิร์ซทั้งหมด ซึ่งมีผู้ให้บริการอยู่หลายราย แต่ที่น่าสนใจและมีโดดเด่น หนีไม่พ้น LINE SHOPPING หนึ่งในบริการจาก LINE ที่แม้จะเปิดดำเนินการปีนี้อย่างเข้าสู่ปีที่ 3 ทว่ากลับมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยปีที่ผ่านมายอด GMV มีการเติบโตถึง 272% มีร้านค้าอยู่บนแพลตฟอร์ม 200,000 ร้านค้า และมีจำนวนผู้ใช้ (Buyers) 7 ล้านราย

“LINE SHOPPING เป็นแพลตฟอร์ม Social Commerce ที่ดีไซน์โดยคนไทยมาตอบโจทย์พฤติกรรมการช้อปออนไลน์ของผู้บริโภคที่คุ้นชินกับการซื้อขายด้วยการแชทอยู่แล้ว เพื่อช่วยให้ทั้งร้านค้ากับลูกค้าซื้อขายได้สะดวกและง่ายขึ้น” คุณเลอทัด ศุภดิลก หัวหน้าฝ่ายธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ LINE ประเทศไทยกล่าว

 

 

ส่วนเหตุผลทำไม LINE SHOPPING ถึงมีการเติบโตน่าสนใจ

คุณเลอทัดอธิบายว่า LINE เป็นแอพพลิเคชั่นที่คนไทยใช้อยู่เป็นประจำเกือบตลอดทั้งวัน โดย ณ ตอนนี้มีผู้ใช้กว่า 50 ล้านยูสเซอร์ คลอบคลุมคนทุกกลุ่มทุกเซ็กเมนท์ ประกอบกับไม่ว่าจะใช้โซเชียลมีเดียอะไรทำการซื้อขาย ต้องลงท้ายด้วยการให้ add LINE เพิ่มเข้าไปด้วย เนื่องจากการแชทถือเป็นเครื่องมือสื่อสารที่ง่ายสุดทั้งกับคนซื้อและคนขายให้สามารถสอบถามรายละเอียดกันได้แบบเรียลไทม์ ทำให้เกิดความเชื่อมั่น และสร้างความใกล้ชิดกันระหว่างสองฝ่าย ดังนั้น LINE จึงเป็นเครื่องมือที่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์นิยมนำมาใช้ในการค้าขายออนไลน์

นอกจากนี้ LINE SHOPPING เองยังมีจุดแข็งแตกต่างจากแพลตฟอร์ม Social Commerce อื่น ๆ และ e-marketplace ได้แก่ ไม่เรียกเก็บค่า GP ในการขาย และบนแพลตฟอร์มยังมีความหลากหลายของร้านค้า เพราะไม่ว่าอะไรก็สามารถนำมาขายได้ ต่างจาก e-marketplace ที่ส่วนใหญ่จะเป็นร้านเกี่ยวกับรีเทล ที่สำคัญด้วย Business Model ในการทำธุรกิจแบบ Direct to Consumer หรือ D2C ข้อดี คือ ร้านค้าสามารถซื้อขายโดยตรงกับลูกค้า ทั้งการติดต่อ การชำระเงิน ไปจนถึง Data ต่าง ๆ ของลูกค้า ทำให้ร้านค้ามีฐานลูกค้าเป็นอย่างตัวเอง จึงสามารถกำหนดกฏเกณฑ์ในการซื้อขายเองได้แบบไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นมากนัก ซึ่งจะสร้างความยั่งยืนให้กับการทำธุรกิจ

“เรายังเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการทุกรายสามารถแข่งขันบนสนามธุรกิจการค้าออนไลน์ได้ โดยเฉพาะกลุ่ม SME ไปจนถึงกลุ่ม Micro Business หรือ ผู้ประกอบการรายย่อยที่อาจมีข้อจำกัดในเรื่องความพร้อมและงบประมาณ โดยเราช่วยเหลือหลายด้าน เช่น การลดต้นทุน ด้วยการดีลกับไปรษณีย์ไทย คิดค่าส่งสินค้าเริ่มต้นที่ 19 บาท หรือทำ Live commerce ที่เราร่วมมือกับคนดัง และ Influencer ทำรายการไลฟ์ให้ร้านค้ามาฝากขายของผ่านรายการเหล่านี้ ที่ผ่านมามีรายการ @TuesLive ของป้าตือ-สมบัษร และในอนาคตจะทยอยออกมาอีก”

 

นำ LINE Ecosystem สร้างความได้เปรียบ

อีกประเด็นที่เป็นจุดแข็ง และสร้างความต่างให้กับ LINE SHOPPING ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ก็คือ การนำ LINE Ecosystem มาเชื่อมโยงสำหรับสร้างความได้เปรียบในการให้บริการ ทั้งช่วยให้สามารถซื้อขายและชำระเงินได้ง่ายขึ้น รวมถึงการเพิ่มให้ลูกค้าเกิดการซื้อซ้ำ และทำให้ร้านค้าได้รับการโปรโมทผ่าน Touch point ต่าง ๆ บน LINE การช่วยให้สามารถซื้อขายและชำระเงินง่ายขึ้นนั้น ทาง LINE SHOPPING ได้มีการลิงก์ระบบหลังบ้านเข้ากับ Rabbit LINE Pay ซึ่งเป็นทั้ง payment gateway ให้ร้านค้ารับชำระเงินได้ไม่ว่าจะเป็น wallet และบัตรเครดิต เพียงร้านค้าหรือแบรนด์นั้นเปิด LINE OA พร้อมเปิดใช้ MyShop และลงทะเบียน Rabbit LINE Pay ก็สามารถทำการขายผ่าน LINE SHOPPING ได้ทันที

นอกจากนี้ได้มีการนำ LINE POINTS  มาใช้ในการซื้อแทนเงินสดได้ โดย 1 Point มีมูลค่าเท่ากับ 1 บาท เพิ่มความสะดวกในการซื้อขายและกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำมากกว่าเดิม โดยพบว่า การนำ LINE POINTS มาใช้ใน LINE SHOPPING ทำให้อัตราการซื้อซ้ำอยู่ที่ 30% ซึ่งเป็นอัตราที่สูง และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่การนำ LINE Ecosystem เพื่อช่วยโปรโมทให้ลูกค้าเห็นและเจอร้านค้ามากขึ้น นอกจากมีหน้าโฮมเพจของ LINE SHOPPING แล้ว ยังได้เพิ่มโอกาสทางการขายด้วยการนำร้านค้าหรือแบรนด์ต่าง ๆ ไปโปรโมทผ่าน LINE TODAY บริการข่าวที่ตอนนี้มีผู้อ่านเป็นจำนวนมาก

“LINE POINTS  ถือว่า ประสบความสำเร็จ ทำให้เราจะต่อยอดไปอีก ส่วน LINE TODAY  บางข่าวจะเกี่ยวกับการซื้อขายหรือธุรกิจ เราได้ทำแคมเปญดึงร้านที่อยู่ใน LINE SHOPPING มาอยู่ในข่าวให้คนเห็น ได้รู้จัก และการเชื่อมโยง LINE Ecosystem เพื่อสร้างความได้เปรียบให้ LINE SHOPPING ในอนาคตจะทยอยออกมาอีกหลายรูปแบบ”

 

ก้าวสู่ปีที่ 3 กับหลายภารกิจท้าทาย

ในปีนี้เป็นการเข้าสู่ปีที่ 3 ของการดำเนินธุรกิจ LINE SHOPPING เมื่อถามว่า คุณเลอทัดพอใจมากน้อยแค่ไหน คำตอบ คือ พอใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่ยังมีหลายอย่างที่ต้องทำ เพื่อสร้างให้ LINE SHOPPING เติบโตได้มากกว่านี้ อย่างที่ผ่านมาเป็นสร้างและต่อยอดพฤติกรรมซื้อขายผ่านการแชทที่คนไทยทำอยู่แล้ว ด้วยการออกฟีเจอร์มาสนับสนุนให้ทั้งการซื้อขายได้ง่ายขึ้น ส่วนสเต็ปต่อไป ต้องการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้า และเป็นสิ่งที่เฉพาะ LINE เท่านั้นที่สามารถทำได้ ซึ่งถือเป็นภารกิจสุดท้าทายสำหรับตัวเขา หนึ่งในการสร้างประสบการณ์ใหม่ที่ว่า ได้แก่ Social Graph การนำเน็ตเวิร์คและข้อมูลที่มีเฉพาะ LINE มาใช้ให้เกิดประโยชน์โดยต้องไม่รบกวนลูกค้า โดยตอนนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ และน่าจะได้เห็นภาพชัดเจนไม่เกินต้นปี 2565 ขณะเดียวกัน ก็ต้องการขยายการซื้อขายให้มีรูปแบบหลากหลาย และพยายามตอบโจทย์พฤติกรรมการซื้อเฉพาะกลุ่มให้มากกว่าเดิม เช่น กลุ่มแม่และเด็กที่มีการใช้ Line เป็นช่องทางการขายหลัก เป็นต้น

“เราอยากสร้างพฤติกรรมการซื้อขายใหม่ ๆ เช่น เราเป็นเพื่อนกัน LINE หลายคนพยายามใช้ประโยชน์ในการแชร์สินค้าหากัน แต่เราไม่อยากทำอะไรง่าย ๆ เช่น แชร์โปรโมชั่นแล้วได้รับส่วนลด มันเป็นการโฆษณาแบบหนึ่ง ไม่ใช่การสร้าง experience ที่ดีให้กับผู้ใช้เสมอไป”

 

เมื่อพูดถึง LINE SHOPPING อยากให้คนนึกถึงอะไร?

คุณเลอทัดตอบว่า ลูกค้าที่เป็นผู้ซื้อ  ไม่ได้อยากนึกถึงเรา แต่อยากให้นึกถึงร้านค้าที่รัก ที่คุ้นเคยบน LINE SHOPPING มากกว่า ขณะที่หากเป็นร้านค้า ก็อยากให้คิดว่า LINE SHOPPING เป็น Tool แรกที่ร้านค้านึกถึงเมื่อต้องการขายออนไลน์และไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ใช้ เพราะช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้นเพิ่มยอดขายและสร้างโอกาสทางการแข่งขันให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างยั่งยืน

สุดท้าย ขอเป็นกำลังใจให้กับบรรดาร้านค้าทั้งหลายสู้ต่อไป และอยากให้ใช้ทุกช่องทางที่มี โดยเฉพาะ LINE SHOPPING ซึ่งไม่ได้เก็บ GP ที่สำคัญ เซอร์วิสนี้ดีไซน์โดยคนไทย จึงเชื่อว่า มีความเข้าใจและสามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาด ตลอดจนพฤติกรรมของคนไทยได้เป็นอย่างดี

“ตอนนี้พฤติกรรมการซื้อของคนไม่ได้มีอะไรน่ากังวล สิ่งที่เราเอาเข้ามาช่วยทำให้ซื้อขายได้สะดวกมากขึ้น ต่อไปเป็นการสร้างและต่อยอดประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่จากนี้จะออกมาเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำและตัวผมเองมองเป็นเรื่องที่ทั้งสนุกและน่าตื่นเต้นมาก ๆ ”


  • 10K
  •  
  •  
  •  
  •