วันนี้หากใครคิดถึงปูม้าอร่อยๆ ต้องคิดถึง คุณสุรีรัตน์ ศรีพรหมคำ หรือคุณโอ๋ เจ้าของธุรกิจ “เจคิว ปูม้านึ่ง เดลิเวอรี่” ที่ทำยอดขายเกิน 10 ล้านบาทต่อเดือน โดยเฉพาะวันพ่อที่ขายได้สองล้านบาท วันคริสต์มาสอีกหลายล้าน และขายได้หลายร้อยกิโลฯ เจ้าของร้านขายปูม้าบน Facebook Page ที่มี 650,000 ไลค์ ด้วยงบโฆษณาบน Facebook วันละ 1,000 บาท ขายจากวันแรกได้ 15,000 บาทมาในวันนี้เกิน 500 ล้านต่อปี
ประสบความสำเร็จถึงขึ้นเตรียมเอาเจคิวฯเข้าตลาดหลักทรัพย์ ต้องมีดีแน่นอน
เริ่มต้นจากพนักงานขายประจำในตลาดต่างประเทศ
เริ่มต้นธุรกิจเมื่อปี 2012 หลังจากทำงานขายในตลาดต่างประเทศอย่างอเมริกา และแคนาดา และทำธุรกิจส่วนตัวล้มเหลวมาสามครั้ง จึงสนใจนำปูมาขายส่งตามร้านอาหารและโรงแรมต่างๆ ซึ่งบางทีก็ถูกลูกค้ากดราคา จ่ายช้า ถูกเบี้ยว หรือถูกปฏิเสธออเดอร์บางส่วน เลยนำปูที่ถูกปฏิเสธมาแจกเพื่อนพนักงานในออฟฟิศด้วยกัน
ทำให้คุณโอ๋เห็นโอกาสทางธุรกิจ เมื่อมีเพื่อนบอกว่าอยากซื้อปูไปฝากเพื่อนและครอบครัว
สร้างธุรกิจด้วยกลยุทธ์ “หนีตาย”
คุณโอ๋มองเห็นว่าธุรกิจเดลิเวอรี่จะเติบโตในเมืองใหญ่ แต่ถ้าขายปูไม่หมด ธุรกิจก็ตาย คุณโอ๋เลยตั้งคำถามว่า “ทำอย่างไรให้คนรู้จัก” เริ่มแจกใบปลิวแจกที่รถไฟฟ้าและตามร้านที่คุณโอ๋ไปใช้บริการ แต่การแจกใบปลิวอย่างเดียวนั้นได้ผลช้าเกินไป แถมใช้แรงมากด้วย ไม่ทันขายปูได้รวดเร็ว
เป็นจุดเริ่มต้นของการทำการตลาดด้วยสื่อสังคมออนไลน์
ขายของผ่าน Facebook Page ดีกว่า Facebook Profile
คุณโอ๋เริ่มขายปูบน Facebook Profile ซึ่งเพิ่มเพื่อนได้สูงสุดแค่ 5,000 คนเท่านั้น แทนที่จะขายได้ดี เพื่อนใน Facebook กลับหายไปทีละคนๆ เพราะโพสต์ขายปูทุกวัน
คุณโอ๋จึงเปิด Facebook Page ในปี 2013 ซึ่งมีคนติดตามได้ไม่จำกัดเหมือน Facebook Profile ตอนแรกไม่ยิงโฆษณา แต่โพสต์ขายของไปเรื่อยๆและทำแคมเปญ Like & Share เช่น 100 ไลค์แรก แจกปูหนึ่งกิโลฯ เฟอร์บี้ แม้กระทั่งทัวร์เกาหลี
การใช้ Facebook Page ขายปูม้าจึงช่วยพนักงานบริหารจัดการง่าย และเลี่ยง Fixed cost ในการมีหน้าร้านได้อีกด้วย
ขายปูม้านึ่งออนไลน์ ไม่มีหน้าร้าน ต้องทำให้ลูกค้ากล้าซื้อ
ด้วยตัวสินค้าคือปูม้านึ่งซึ่งแปลกกับช่องทางที่ขายอย่าง Facebook ขายโดยไม่มีหน้าร้าน แต่มีบริการส่งถึงบ้าน ทำให้ลูกค้าไม่กล้าซื้อเพราะกลัวไม่สด
ฉะนั้น ต้องสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้า ใช้ iPhone ถ่ายรูปปูม้ามุมสวยๆ อธิบายให้สินค้าชัดเจน ทุกโพสต์ต้องมีความหมายเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น! เช่น “ปูม้า กิโลฯละ 650 บาท 3-4 ตัวต่อกิโลฯ” เพราะลูกค้าไม่สามารถหยิบเลือกหน้าร้านได้
สำคัญต้องอร่อย ซื่อสัตย์และรักษาคุณภาพสินค้า
ต้องให้ลูกค้าเชื่อว่าสินค้าสดจริง ได้ของจริง เจคิวฯจึงไม่ต้องให้ลูกค้าพรีออเดอร์สั่งล่วงหน้า 1-2 ชั่วโมง ลูกค้าเป็นคนจ่ายค่าส่ง พยายามคิดแทนลูกค้าและพัฒนาตัวเองให้น่าเชื่อถือ เพราะความน่าเชื่อถือและชื่อเสี่ยงมันสร้างยากกว่ากำไร ถ้าปูไม่ดี ต้องทิ้ง อย่าเอาไปขาย ไม่อย่างนั้นลูกค้าก็ไม่เชื่อถือเราแล้ว ยิ่งในยุคออนไลน์ ข่าวไม่ดีไปได้ง่ายๆด้วย
ทำได้จริงตามนี้ ต่อให้มีคู่แข่งก็ไม่หวั่น เพราะสุดท้ายลูกค้าก็กลับมาหาร้านฯเพราะไว้วางใจ
ถ่ายวีดีโอขายของกินทั้งที ต้องยั่วลูกค้าจนอยาก “งับ” มือถือ
จะให้ลูกค้าเชื่อใจ ไม่ยาก ใช้สมาร์ทโฟนถ่ายวีดีโอง่ายๆแต่สมจริง
ไม่ว่าจะเป็นคลิปวิธีการจัดส่งของให้ดู คลิปโชว์ให้เห็นแม่ครัวทุบหอยนางรม ตอบโจทย์คนดูว่าสดคือสดอย่างไร ถ่ายวีดีโอให้เห็นการปรุงหลังร้าน มีคนดูเป็นแสน คลิปมาม่าเศรษฐีจัดเครื่องหนักๆ ก็มีคนสั่งกินจนต้องหยุดขายเพราะผลิตไม่ทัน และคลิปแกะปูม้าที่บ้านๆจ้างคนถ่ายดีๆแค่ 2,500 บาท แต่มีคนดู 1 ล้านครั้ง มี Engagement อีกกว่า 3 ล้านห้าแสน ปูขายหมด ส่วนคลิปกินกุ้งทำให้คนอยากกินจนอยากเอาปากงับโทรศัพท์
ไม่คิดว่าคลิปง่ายๆจะมีผลกระทบมากขนาดนี้ แค่ต้องทำวีดีโอให้สมจริง
อย่าประมาทพลังของ Line@ ปิดการขาย
ในขณะที่ร้านฯใช้ Instagram ให้ลูกค้าเป้าหมายที่มีกำลังซื้อได้รับรู้ เจคิวฯใช้ Line@ ซึ่งมีเพื่อนได้หลายคนไม่จำกัด เวลามีออเดอร์เข้าเยอะๆ ก็เพื่มแอดมินฯหลายๆคนตอบลูกค้าได้ และยังสร้างโปรโมชั่นต่างๆ เช่นคูปอง สะสมแต้ม และBroadcast ได้ด้วย ซึ่งเจคิวฯรับออเดอร์ 80% จากผู้ติดตาม Line@ ของร้าน และส่งปูม้าตรงถึงลูกค้าเก่าและคนที่อยากซื้อ
หากใครสนใจใช้ Line@ เพิ่มยอดขายล่ะก็ มีวีดีโอสอนจับมือทำ
httpv://www.youtube.com/watch?v=s4RJZVEu-z4
ตั้งรับปรับตัวธุรกิจกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
คุณโอ๋มองว่าโชคทีที่คนในอาเซียนกินคล้ายๆกับไทย มีต่างประเทศขอร่วมธุรกิจและซื้อแฟรนด์ชายส์จากเจคิวฯ เช่นลาว และสิงคโปร์ มอง AEC เป็นโอกาส เมื่อจีนเข้าไทยเยอะ จึงต้องถามตัวเองว่าทำอย่างไรให้ลูกค้ารู้จักของเรา จึงเริ่มเปิดช่องทางติดต่ออย่าง Wechat
อาหารเช้า: ตลาดที่ยังว่างน่าลอง
คุณโอ๋มองว่าอาหารเช้าอย่างโจ๊กปูข้าวไรซ์เบอรี่จะตอบโจทย์คนที่อยากทานอาหารเช้าดีๆที่เป็นมื้อสำคัญ แต่ไม่รู้ว่าจะไปกินที่ไหน ทำเองก็ไม่ทัน ไปกินที่ร้านก็สาย ก็เลยวางแผนส่งอาหารเช้าทำให้ถึงโต๊ะทำงาน
ตั้งเป้ายอดขายพันล้าน เตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์อีก 1-2 ปี
การเอาเจคิวฯเข้าตลาดหลักทรัพย์จึงหมายถึงการพาชาวบ้านมีฐานะที่ดีขึ้น เป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่น เจคิวฯจึงวางแผนไว้ 1-2 ปี เตรียมเอกสาร ระบบบัญชี ศึกษาหาความรู้ เตรียมสินค้าและมาตรฐานหลังบ้าน
ซึ่งคุณโอ๋รู้สึกว่า เจคิวฯเกิดจากความเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้สื่อสังคมออนไลน์ขายปูม้า ใครจะเอามอเตอร์ไซด์ มาส่งของ และวันนี้ ปีที่แล้วได้ สามร้อยห้าสิบล้าน ปีนี้ตั้งแค่ 4 ร้อยล้าน และทำยอดขายทะลุเป้าไป 555 ร้อยล้าน คุณโอ๋มองว่าเป็นเป้าหมายที่ธรรมดามาก เลยตั้งเป้ายอดขายที่พันล้าน
อีกทั้งอนาคตเจคิวฯวางแผนทำอาหารเช้าส่งถึงบ้าน และทำมื้อเที่ยงมากขึ้น คาดการณ์ว่าคนในกรุ่งเทพฯกว่า 10 ล้านคน ถ้าหนึ่งคนทานของร้านฯสักหนึ่งมื้อ ยอดพันล้านก็ไม่ไกล
มาตรฐานสุขอนามัยและการจัดการหลังร้านสำคัญกว่าหน้าร้าน
เจคิวฯเช่าทีดิน 1 ไร่ไว้ทำครัวกลางมีเจ้าหน้าที่กรมอนามัยดูแลและคอยให้คำปรึกษา มีระบบบำบัดน้ำเสีย ห้องแพกเกจจิ้งที่ปกปิดมิดชิต โรงปั่นน้ำจิ้ม อยู่ในขั้นตอนของการขอ อ.ย. ทำความสะอาดครัวอยู่เสมอ ส่งพนักงานอมรมกับสำนักงานเขต
ระบบโลจิสติกส์ของเจคิว ปูม้านึ่ง เดลิเวอรี่
ระบบโลจิสติกส์ของเจคิวฯเริ่มจากส่งปูโดยรถและเครื่องบินจากแหล่งต่างๆมาให้ครัวกลางที่แกะปู และทำน้ำจิ้มซีฟู้ดพร้อมถ้วยปิดมิดชิด ไม่มีการปนเปื้อน ให้ลูกค้ามั่นใจว่าสาขาไหนก็สูตรเดียวกัน แต่ละ 19 สาขาในกรุงเทพฯและ 4 สาขาในต่างจังหวัดก็จัดรถมารับปูที่แกะแล้วและปูตัวเป็นๆไปเพื่อรอรับออเดอร์จากลูกค้า เมื่อมีออเดอร์ พนักงานแต่ละสาขา 5-6 คนก็แค่ปิ้ง ย่าง ทอด หรือนึ่งแค่ 4-5 เมนู และส่งปูถึงบ้าน ส่วนค่าใช้จ่ายแยกไปตามเจ้าของแต่ละสาขา ไม่ต้องพึ่งพ่อครัวมืออาชีพ
เคล็ดลับง่ายๆ ขายของดีเทน้ำเทท่า ฉบับ เจคิว ปูม้านึ่ง เดลิเวอรี่
เริ่มจากทำแฟนเพจและเว็บไซต์ให้สวยงาม ตั้งระบบ Call center มีคนตอบ 10-20 คน ให้ลูกค้าติดต่อง่ายๆ ที่สำคัญต้องให้ลูกค้าจ่ายเงินให้เราง่ายๆ เจคิวฯตัดปัญหา สั่งปูม้า ผ่อนได้ บัตรเครดิดออกไป ไม่รูดหน้าร้านไม่ต้อง แค่ส่งลิ้งค์ เงินเข้าที่ร้านฯ ได้เงินก่อนส่งของอีกด้วย
เรื่องแบบนี้อย่าให้มีปัญหาแล้วค่อยแก้ ทำเตรียมไว้เลย!
คุณโอ๋ทิ้งท้ายว่าเราทำยอดขายได้เงินจริงๆ ง่ายกว่าร้านอาหาร ฉะนั้นอย่าคิดแบบเดิมเพราะวันนี้เป็นวันที่เหมาะที่สุดในการเริ่มทำธุรกิจ
ขอให้คิดและลงทุนน้อยมาก ทำให้แบรนด์ตัวเองเป็นที่รู้จัก และกล้าที่จะทำ
แหล่งที่มา
สัมภาษณ์พิเศษ คุณสุรีรัตน์ ศรีพรหมคำ ในงาน “กรุงศรีออโต้ สมาร์ท ไฟแนนซ์ 2016” วันที่ 7 ธันวาคม 2559