หลายแบรนด์ หลายธุรกิจ หนึ่งในเป้าหมายสำคัญคือการเป็นที่สนใจของนักลงทุน (Investor) แต่จะทำอย่างไร และมีวิธีการอย่างไรบ้างที่จะทำให้ต้องตา ต้องใจ นักลงทุนได้ เราได้โอกาสพิเศษเชิญผู้เชี่ยวชาญที่อยู่เบื้องหลังในการผลักดันบริษัทต่างๆ มากมาย ให้สามารถก้าวไปสู่เป้าหมายสำคัญของการเป็นที่สนใจของนักลงทุนได้ รวมถึงการผลักดันเข้าตลาดหลักทรัพย์ด้วยเช่นกัน ได้แก่ ดร.จิตรกร ลากุล หรือ “ดร.แคช” รองประธานกรรมการบริหารบริษัท White Unicorn และ ที่ปรึกษาคณะบริหารธุรกิจและเศรษฐศาสตร์ ม.อัสสัมชัญ (ABAC) มาร่วมเผยเคล็ดลับให้แก่นักธุรกิจและผู้ประกอบการให้ได้รับรู้กันในวันนี้
ดร.แคช เกริ่นถึงสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจให้กับเราฟังว่า สิ่งแรกเลยที่เราต้องรู้คือ Business Model เราต้องดี ธุรกิจบนโลกใบนี้ ส่วนตัวมองว่าทุกอย่างมันคือ Red Ocean หมดเลย สังเกตง่ายๆ เมืองไทยใครเปิดอะไรอย่างหนึ่ง ก็เปิดเหมือนกันหมดเลย แต่เราต้องสร้างความแตกต่างให้ได้ และถ้าเราสามารถสร้างความแตกต่างได้ เราจะเป็น Blue Ocean ต่อไปเราก็ต้องไปสร้างแบรนด์ที่น่าจดจำ แล้วให้ลูกค้าเข้ามา
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือเรื่องของการเงิน (Finance) ซึ่งเราพบว่า SME ส่วนใหญ่ระบบบัญชีมักจะมีปัญหา แล้วก็มีความเป็นเจ้าของค่อนข้างสูง ดังนั้น เมื่อเป็นเงินของตัวเอง กับบริษัทที่เป็นของเขาเอง จึงใช้จ่ายอะไรคิดเยอะ มันจึงเป็นรูปแบบการค้ามากกว่าเป็นบริษัท เพราะฉะนั้น กลุ่มทุนหรือนักลงทุนจะเข้ามาลงทุน ก็ทำให้เขาไม่กล้าตัดสินใจตรงนี้ เพราะกลัวว่าถ้าเอาเงินเข้ามาแล้ว จะนำเงินไปใช้ส่วนตัว แต่ไม่ได้นำไปใช้เพื่อการเติบโตธุรกิจ
อีกสิ่งที่สำคัญคือ ต้องมี Revenue Model มีหลายแห่งทีเดียว ที่ทำธุรกิจดีมากเลย เป็นขาขึ้นมากๆ แต่ไม่สามารถทำกำไรได้ หรือไม่สร้างรายได้ ตรงนี้ก็ทำให้นักลงทุนไม่สนใจ
ดังนั้น แบรนด์เป็นแค่ส่วนหนึ่ง มาร์เก็ตติ้งเป็นแค่ส่วนหนึ่ง แต่องค์ประกอบจะต้องรวมทั้งหมด สิ่งที่สำคัญที่ต้องรู้คือ “นักลงทุน” ต้องการอะไร
“คำแนะนำที่สำคัญเลยของการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ย้ำอีกครั้งก็คือเรื่องของการเงิน เราพบว่า SME ไทยประมาณ 4,000,000 ราย มีประมาณ 90% กว่าที่ทำบัญชีผิด และมองไม่เห็นความจำเป็นดังกล่าวด้วย แต่การทำธุรกิจเรื่องนี้เป็นสิ่งจำเป็นมาก วิธีในการมองบัญชีคือ ให้มอง “บัญชีแบบ CEO” แต่ไม่ต้องมองบัญชีแบบนักบัญชี รู้แค่ว่าตรงไหนผิดปกติ ตรงไหนมีจุดบกพร่องก็ไปเรียกฝ่ายนั้นๆ มาสอบถาม ให้มองเป็นเชิง Strategy ก็จะทำให้เรารู้สึกเบาขึ้น”
นอกจากนี้ อีกสิ่งที่สำคัญเลยในการสร้างการเติบโตแบบ 10X คือการวางแผนเข้าตลาดหลักทรัพย์ ถ้าหากว่าเราอยากได้เงินพันล้าน ถ้าอยากได้เงินพันล้าน ปกติอาจจะต้องใช้เวลา 50 ปี แต่ถ้าเราได้ทำบัญชีดีๆ ทำระบบการเงินดีๆ เราสามารถเอาบริษัทไปเข้าตลาดหลักทรัพย์ MAI ได้ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจของคุณก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ในการร่วมลงทุนกับนักลงทุน เราต้องไม่เป็นช้อยส์ แค่เพียงอย่างเดียว ถึงเราจะเล็กแค่ไหน เราก็สามารถเลือกได้ โดยวิธีในการเลือก “นักลงทุน” มาร่วมกับเราก็มีหลักคิด ดังนี้
- กรณีที่เรายังอยากจะบริหารบริษัทของเราด้วย ดังนั้น ให้เลือกนักลงทุนที่มี mind set ใกล้เคียงกัน และลงทุนกับเราไม่เกิน 40% เพราะคนกลุ่มนี้จะมีความเข้าใจ มีนโยบายที่เรียกว่า Private Equity Fund คือการลงทุนในหุ้นของบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์
- แต่ถ้าเกิดนักลงทุน ลงทุนในบริษัทเราเกิน 50% นั่นหมายถึงการลงทุนเพื่อซื้อกิจการของเรา ดังนั้น ก็จำเป็นที่ต้องดูไปที่เป้าหมายในการขายหุ้นบริษัทว่าเรามีเจตนาอย่างไร ถ้าอยากขายก็Exit ไปเลยคือขายทิ้งไปเลย หรืออาจจะเก็บเอาไว้บ้างสัก 20-30% ก็ได้ แต่ถ้าเป็นลักษณะนี้คือจะต้องมีคนใหม่เข้ามาบริหารธุรกิจของเรา
เทรนด์ของธุรกิจที่ดึงดูดนักลงทุน
- ธุรกิจในกลุ่ม Health & Wellness
- ธุรกิจในกลุ่ม Food & Beverage
- ธุรกิจในกลุ่ม Traveling
- ธุรกิจในกลุ่ม Pet Parents
เราอาจจะต้องสร้าง “ธรรมนูญ” ในการทำงานร่วมกัน เพราะเดิมเราเป็นเจ้าของกิจการ เราจะซื้อของหรือจับจ่ายอะไรก็ได้ แต่เมื่อวันที่เรามีหุ้นส่วนในกิจการแล้วก็จำเป็นต้องมีระเบียบวินัยมากขึ้น
“คนที่จะประสบความสำเร็จได้คือคนที่พิสูจน์ได้ว่า ใครทำได้นานกว่ากัน แน่นอนว่าคุณเจอปัญหา คุณล้มก็ต้องรีบลุกให้เร็ว จากที่คุณไม่รู้ๆ แต่ประสบการณ์ทั้งหมดมันจะสอนคุณเอง สอนให้คุณได้รู้ว่า ถ้ามาแบบนี้ต้องใช้ท่าไหน ทุกอย่างมันสามารถควบคุมได้หมด เงินมันก็จะเข้ามาธุรกิจคุณก็จะอยู่ได้”