ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทรนด์รักษ์โลกมาแรง หลายองค์กรในไทยเริ่มตื่นตัวในการวางนโยบาย Sustainability หรือตั้งเป้าเรื่อง Net Zero มากขึ้น เช่นเดียวกับผู้นำเรื่องบ้านอย่าง “โฮมโปร” ที่ล่าสุด ปล่อยแคมเปญ “แลกเก่า เพื่อโลกใหม่” ชวนคนไทยเปลี่ยนของเก่ามาใช้ของใหม่ ที่สำคัญของเก่าที่แลกไปยังถูกนำไปกำจัดอย่างถูกวิธีและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมกับส่วนลดกรณีแลกเก่ามารับใหม่ด้วย แคมเปญน่ารักแบบนี้ มีเบื้องหลังไอเดียและวิธีการทำงานเป็นอย่างไร จำเป็นต้องมาพูดคุยกับแม่ทัพหัวเรือใหญ่ในเรื่องนี้เลย คุณแอร์ – เสาวณีย์ สิราริยกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการกลุ่มการตลาด บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)
โอกาสทางธุรกิจของการเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค
คุณแอร์ เล่าให้ฟังถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคว่า ตอนนี้หลายๆ อย่างเริ่มกลับไปเหมือนก่อนมีโควิดแล้วคือผู้คนเริ่มกลับไปใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไลฟ์สไตล์กลับไปเหมือนเดิม มันเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ต่างจากช่วงก่อนโควิดเช่นกัน เราจะเห็นได้ว่าผู้บริโภค ติดเรื่องของความสะดวกสบาย ชอบอะไรที่ง่ายๆ รวดเร็ว ไม่ซ้ำซากจำเจ แต่ในขณะที่เรื่องการใช้จ่ายเพื่อปรับปรุงบ้านหรือตกแต่งบ้านยังไม่กลับมาดีเท่ากับในช่วงที่มีโควิด ด้วยเศรษฐกิจที่ยังทรงๆ ตัวอยู่ ดังนั้น สิ่งที่เราเห็นจากพฤติกรรมผู้บริโภคก็คือ คนยังอยากช้อปปิ้งสินค้าของใช้ในบ้านอยู่ แต่จะเน้นเรื่องของการใช้งาน (Functional) เน้นซื้อเพื่อใช้งานตามความจำเป็น และชอบอะไรที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน เบื่อก็เปลี่ยนเลย สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เรามองเห็น และเป็นโอกาสทางธุรกิจที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน
เหตุผลและเบื้องหลังแคมเปญ “แลกเก่า เพื่อโลกใหม่”
ด้วยพฤติกรรมใหม่ที่เราค้นพบก็ทำให้ทราบ Pain point อย่างหนึ่งของผู้บริโภคก็คือ แม้จะอยากเปลี่ยนอยากได้นวัตกรรมใหม่ แต่ก็เกิดความสงสัยว่า ‘ถ้าเปลี่ยนแล้วของเก่าจะเอาไปไว้ไหน’ หรือ ‘จะขนของเก่าออกไปทิ้งยังไง’ จนทำให้เกิดความลังเลและยังไม่ตัดสินใจยอมซื้อของใหม่เสียที นอกจากนี้ เทรนด์สำคัญของโลกก็คือ เรื่องสิ่งแวดล้อม และเรื่องความยั่งยืน (Sustainability) ก็เป็นสิ่งที่โฮมโปรเราในฐานะองค์กรใหญ่ก็ให้ความสำคัญมากเช่นกัน โดยเราได้ตั้งเป้าไว้ว่า จะเป็นองค์กร Net Zero ในปี 2050เป็นความตั้งใจอันมุ่งมั่นที่เราจะก้าวไปสู่เป้าหมายให้ได้ เพราะฉะนั้นแล้ว เราก็ได้นำทั้งเสียงของผู้บริโภคและเป้าหมายขององค์กรมาผนึกรวมกัน จนได้ที่มาของแคมเปญล่าสุด ซึ่งก็คือ “แลกเก่า เพื่อโลกใหม่”
“ในฐานะที่เป็นผู้จำหน่ายสินค้าเรื่องบ้านทั้งหมด รวมไปถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า เราอาจบอกได้ว่าเป็นหนึ่งในคนที่เจเนอเรทสิ่งของที่อาจกลายเป็นขยะในอนาคต โฮมโปร ตระหนักและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก เฉพาะหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าโฮมโปรมียอดจำหน่ายมากที่สุดในประเทศเรียกได้ว่าทุกแคททากอรี่ เฉพาะแค่ 4 แคททากอรี่ใหญ่ ได้แก่ ทีวี, ตู้เย็น, เครื่องซักผ้า และเครื่องปรับอากาศ เราจำหน่ายปีละเกือบล้านยูนิต ซึ่งสิ่งที่ตามมาก็คือขยะอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก เพราะนวัตกรรมเหล่านี้มันเปลี่ยนแปลงบ่อยคนก็ซื้อตามเทคโนโลยี หรือที่นอนหมอนตู้ เวลาซื้อก็ต้องเปลี่ยนของเก่า สุดท้ายก็กลายเป็นขยะสูงเท่าภูเขาหรือไม่ก็ลอยตามคลองบ้านเรือน และถึงแม้เราจะไม่ใช่ผู้ผลิตสินค้าเหล่านี้ก็ตาม แต่เราก็ปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่า เราก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ผลักดันให้เกิดการจำหน่ายสินค้าเหล่านี้สู่ตลาด เราก็สร้างขยะให้กับโลกนี้พอควรเลย”
“โฮมโปร” ใส่ใจในกระบวนการกำจัดของเก่าอย่างถูกวิธีและยั่งยืนไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
มากไปกว่าการจัดแคมเปญนี้ขึ้นมา สิ่งที่ทำให้เราต้องชื่นชม “โฮมโปร” ว่าคิดครบลูปจริงๆ เกี่ยวกับการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดีคือ การที่นำขยะอิเล็กทรอนิกส์รวมถึงของใช้เก่าต่างๆ ที่นำกลับมาจากลูกค้า นำมากำจัดได้อย่างถูกต้อง ด้วยวิธีทั้ง Upcycle และ Downcycle ด้วย
มากไปกว่านั้น อีกสิ่งที่เป็นเครื่องยืนยันความตั้งใจของโฮมโปรเลยก็คือ การยึดถือในแง่ของการปฏิบัติตามข้อกฎหมายในการกำจัดของเก่า คัดแยกขยะอย่างเค่งครัด เช่น ผู้ที่มารับของเก่าจากโฮมโปร หรือผู้ที่มานำของเก่าจากโฮมโปรไปทำลาย จะต้องมีใบอนุญาตที่ชัดเจน มีใบรับรองที่ถูกต้องตามกฎหมาย มีโรงงานที่จัดการขยะได้มาตรฐานไม่ก่อมลพิษเพิ่มเติม นี่คือความรับผิดชอบต่อสังคมที่โฮมโปรเล็งเห็นว่าจะมองข้ามไม่ได้เลย
สำหรับวิธีในการกำจัดของเก่า เราขอยกตัวอย่าง กลุ่มสินค้าหลักๆ ที่ทาง โฮมโปร ได้ลงไปศึกษาอย่างจริงจังและลึกซึ้งถึงเรื่องการกำจัดและนำกลับไปใช้ใหม่อย่างถูกวิธี ดังนี้
“เครื่องใช้ไฟฟ้า” – เรานำของเก่าของลูกค้ากลับมาแยกชิ้นส่วน โดยมีผู้ชำนาญ ที่ได้ทำการตรวจสอบแล้วว่ามีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง มีขั้นตอนและกระบวนการให้การแยกชิ้นส่วนอย่างถูกต้อง ไม่ก่อให้เกิดสารเคมีอันตรายลงไปสู่ธรรมชาติ เช่น แยกเหล็ก พลาสติก ทองแดง ฯลฯ ออกจากกันอย่างถูกวิธี นำไปเข้าโรงหลอมโดยไม่ก่อให้เกิดมลพิษ หรือพวกที่เป็นพลาสติก หลังจากแยกแล้วหลอมใหม่กลายเป็นเม็ดรีไซเคิลพลาสติก จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ โดยนำไปหลอมใหม่ Upcycling ให้กลายเป็นสินค้าใหม่นั่นเอง ตัวอย่างที่อยากจะทำ เช่น ทำเป็นกล่องพลาสติก ลิ้นชักพลาสติก กล่องรองเท้า ฯลฯ
“กล่องกระดาษ (Packaging) และสายรัดสินค้า” – เป็นธรรมดาที่ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอะไรก็ต้องใส่กล่อง มีแพ็กเกจจิ้ง หรือแม้แต่สตริปสายรัดพลาสติกเครื่องใช้ไฟฟ้าเวลาขนส่งเพื่อไม่ให้หล่นลงมา ซึ่งสิ่งเหล่านี้พอสินค้าถึงมือผู้บริโภคแล้วก็ต้องทิ้งและกลายเป็นขยะจำนวนมหาศาล เราก็มาคิดต่อว่าจะนำสิ่งเหล่านี้มาทำอะไรต่อได้บ้าง จนกระทั่งทำการศึกษาและค้นพบว่า กล่องกระดาษ หรือแม้แต่ป้ายโฆษณาในห้าง หรือแม้แต่พวกพลาสติกที่เป็นสายรัด ก็นำมาทำเป็นกระเป๋าช้อปปิ้งสีสันสดใสได้เช่นกัน
“สุขภัณฑ์” – เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่เรายินดีรับกลับมาและแยกชิ้นส่วนให้ ซึ่งต้องแยกทั้งเหล็ก พลาสติก และเซรามิกออกมาให้แต่ละส่วนนำไปใช้ประโยชน์แตกต่างกันต่อไป เช่น ลูกพลาสติกนำไปเข้ากระบวนการของพลาสติก เหล็กซึ่งเป็นที่กดน้ำนำไปหลอม ส่วนเนื้อเซรามิก เราก็นำไปทำเป็นอิฐทนไฟ ใช้งานอื่นได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม สำหรับ “ที่นอน” ซึ่งต้องบอกว่าตอนนี้เป็นความท้าทายที่ยังไม่สามารถแยกชิ้นส่วนได้อย่างสมบูรณ์ เพราะประกอบไปด้วยหลายส่วนและมีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น สปริงเหล็ก เนื้อผ้า ฟองน้ำ หรือยางพารา ฯลฯ วิธีการตอนนี้ที่ดีที่สุดก็คือการนำไปเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งจะช่วยลดในส่วนของการใช้เชื้อเพลิงธรรมชาติลงได้อีกทาง รวมไปถึงการที่เราได้ช่วยแบ่งเบาภาระจากผู้บริโภคที่ไม่รู้ว่าจะขนอย่างไรหรือนำไปทิ้งที่ไหน อย่างน้อยๆ มันก็ไม่ได้กลายไปเป็นขยะ ที่ไปเพิ่มในกองขยะหรือลอยตามแม่น้ำลำคลองอย่างที่เราเห็นกัน
“ทั้งหมดนี้เพื่อให้แน่ใจว่าตั้งแต่ End to end แล้ว เราจะต้องดำเนินการอย่างถูกวิธีและยั่งยืน เพื่อสร้างภาระให้กับโลกน้อยที่สุด” คำยืนยันจาก คุณแอร์ ผู้บริหารโฮมโปร ที่ลงรายละเอียดทุกอย่างด้วยตัวเอง
จัดโปรกระตุ้นการแลกเก่าเพื่อโลกใหม่
แม้ว่าเหตุผลในการจัดโครงการ “แลกเก่า เพื่อโลกใหม่” จะน่าสนับสนุนเพียงใด แต่ทาง โฮมโปร ก็เห็นว่าเพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าในการที่ได้มาร่วมโครงการและร่วมสร้างสิ่งดีๆ คืนกับโลกใบนี้ก็ได้จัดโปรโมชั่นเล็กๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการแลกเก่าเพื่อโลกอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเงื่อนไขในการร่วมรายการแคมเปญ ลูกค้าสามารถมานำสินค้าที่มีอยู่ที่บ้านมาแลกได้ แม้สภาพจะไม่สมบูรณ์ และไม่จำเป็นว่าต้องซื้อจากโฮมโปร ก็สามารถนำแลกซื้อสินค้าใหม่พร้อมรับส่วนลดได้ โดยจะมีทีมช่างของโฮมโปร นำสินค้าใหม่ปติดตั้งให้พร้อมกับรับสินค้าเก่ากลับไปให้จัดการ ให้อย่างถูกวิธีและยั่งยืน (โดยไม่มีการประเมินมูลค่าสินค้าเก่า)
สำหรับส่วนลดที่มอบให้ มีหลากหลายประเภทสินค้า อาทิ หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า, เครื่องกรองน้ำ, ห้องครัวและอุปกรณ์, ที่นอน เป็นต้น โดยมีเงื่อนไขหลัก ดังนี้ สินค้าราคา 5,000 – 9,999 บาท รับส่วนลดมูลค่า 500 บาท , สินค้าราคา 10,000 – 29,999 บาท รับส่วนลดมูลค่า 1,000 บาท , สินค้าราคา 30,000 –49,999 บาท รับส่วนลดมูลค่า 3,000 บาท และ สินค้าราคา มากกว่าหรือเท่ากับ 50,000 บาท รับส่วนลดมูลค่า 5,000 บาท *เฉพาะรายสินค้าที่ร่วมรายการ และยังมี 0%สนับสนุนให้ลูกค้าผ่อนสบายได้สูงสุด 24 เดือนด้วย สามารถตรวจสอบเงื่อนไขและสินค้าที่ร่วมได้ตามลิงก์นี้ Homepro (Custom Link Name ขอใช้ชื่อ “HomePro Trade in Campaign” )
“สำหรับ แลกเก่า เพื่อโลกใหม่ ส่วนลดที่ให้เหมือนเป็น Trigger point เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคกล้าที่จะเปลี่ยน ยืนยันว่าไม่ใช่แค่แคมเปญมาร์เก็ตติ้งที่ทำแล้วก็หายไป แต่เราจะทำให้เป็นฟีเจอร์คอร์ปอเรตระยะยาวที่มีไปเรื่อยๆ ซึ่งไม่ใช่แค่เพื่อมอบสิ่งที่ดีแก่ลูกค้า แต่ยังสร้างสิ่งดีๆ ให้กับโลกในอนาคตด้วย เราขออินเวสต์ให้กับเรื่องนี้และปูทางต่อไปในอนาคตข้างหน้า”
สื่อสารกับผู้บริโภคผ่านหนังโฆษณา ถ่ายทอดเรื่องจริงในชีวิต
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ให้แก่ผู้บริโภคถึงแคมเปญดีๆ ที่มีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม “โฮมโปร” ก็ได้ทำภาพยนตร์โฆษณาออกมาเพื่อทำหน้าที่ในการสื่อสารให้ผู้บริโภคเห็นภาพดังกล่าวชัดเจนมากขึ้น โดย คุณแอร์ เล่าถึงโจทย์ที่มอบให้กับผู้สร้างหนังว่า อยากได้หนังที่สื่อถึงชีวิตประจำวันของคน ของครอบครัวทั่วๆ ไป ที่จะมีคนที่อยากจะเปลี่ยนเพราะเห็นว่ามันดีกว่า แต่ก็จะมีบางคนที่ไม่กล้าเปลี่ยนเพราะกลัวยุ่งยาก และของเก่าอาจจะยังพอใช้ได้อยู่ เลยไม่กล้าที่จะเปลี่ยน หรือเปลี่ยนแล้วจะขนของเก่าไปไว้ที่ไหน สารพันปัญหาจุกจิกกวนใจคนในบ้าน ทุกอย่างที่เราเห็นในชีวิตจริง ก็หยิบเอาตรงนี้มาถ่ายทอดออกมาในหนัง
“เราอยากทำให้ผู้บริโภคเห็นว่า สิ่งที่คุณคิดว่ามันยุ่งยาก จริงๆ ไม่ยากอย่างที่คุณคิดเลย แค่มาที่โฮมโปรนอกจากจะได้ของดีกว่า ใหม่กว่า ราคาเหมาะสม และยังจะได้ส่วนลดเพิ่มไปอีก ที่สำคัญคุณยังได้เป็นส่วนหนึ่งในการที่ช่วยโลกให้ดีขึ้นได้ด้วย”
ยืนยันความพร้อมของการเป็นองค์กรที่ยืนหยัดเพื่อสังคมและสร้างโลกที่ดีในอนาคต
ท้ายที่สุดเป้าหมายของการเป็นองค์กรที่ดีเพื่อสังคม คุณแอร์ย้ำว่า สำหรับ “โฮมโปร” เราได้ทำการจดทะเบียนไว้ว่าในปี 2050 ว่าเราจะพาองค์กรไปสู่ Net Zero นี่คือโรดแมปที่เราได้วางเอาไว้ แต่มากไปกว่านั้นมันคือคำสัญญาที่เราให้ไว้ต่อผู้บริโภคและต่อสาธารณะว่าเราจะก้าวไปสู่จุดนั้นให้ได้ตามเป้าหมาย
“หากเราช่วยสังคมได้ สิ่งแวดล้อมได้ เราก็จะพยายามทำทุกอย่างที่ลดภาระ หรือลดการสร้าง ขยะเพิ่มขึ้น แล้วนำไปจัดการอย่างถูกวิธี มากไปกว่านั้นคือ ผู้บริโภคจะได้ของดีที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น ดีขึ้นและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น นี่คือความตั้งใจของการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน ที่โฮมโปรเราจะก้าวต่อไปตั้งแต่วันนี้และในอนาคต”