หากพูดถึงวงการศัลยกรรมปลูกผมหลายคนอาจคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดีกับ ‘Dr.Orn Medical Hair Center’ของคุณหมอหน้าหวาน สวยเก่ง แพทย์หญิง อรอุมา พันธ์อภิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร และผู้ก่อตั้ง ซึ่งในแวดวงดารานักแสดง, เซเลป หรือวงการ influencers เราจะเห็นมีการพูดถึง Dr.Orn Medical Hair Center อยู่บ่อยๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
กระแสการแนะนำปากต่อปากของเหล่าคนในวงการ ทำให้ Dr.Orn Medical Hair Center มีความน่าสนใจว่าเพราะอะไรถึงเป็น top of mind ของเหล่าคนดัง เรามีโอกาสได้พูดคุยกับ ‘คุณหมออร’ นักธุรกิจสาวสวยที่ประสบความสำเร็จ ดีกรีแพทย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชอบมุมมองของคุณหมอหลายๆ เรื่อง อย่างที่คุณหมอเล่าย้อนไปในช่วงที่กำลังเรียนเฉพาะทางด้านเส้นผมว่า
“ในช่วงนั้นมีแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผมค่อนข้างน้อยแค่ประมาณน้อยกว่า 30 คนในประเทศไทย แต่คนที่มีปัญหาเรื่องเส้นผมมีเยอะมาก”
“อีกทั้งแนวทางการดูแลเส้นผมที่ถูกวิธี คนยังมีความรู้ความเข้าใจที่ไม่เพียงพอ เลยตัดสินใจไปเรียนเฉพาะทางด้านเส้นผมและตั้งใจเปิดศูนย์เฉพาะทางด้านเส้นผมที่ให้การรักษาตามมาตรฐานระดับโลก เพราะว่าในไทยยังไม่มีศูนย์ดูแลเส้นผมที่ครบวงจรในตอนนั้น”
จุดเริ่มต้นแนวคิดของคุณหมออร มีส่วนผลักดันให้ Dr.Orn Medical Hair Center กลายเป็นสถาบันดูแลเส้นผมที่ครบวงจร โดยคุณหมอ มองว่า “การที่เราลงทุนในเรื่องของเส้นผมมันเป็นการลงทุนเกี่ยวกับการทำศัลยกรรม ซึ่งการทำศัลยกรรมโดยเฉพาะทางด้านเส้นผมเป็นอะไรที่เราต้องมั่นใจว่าผลลัพธ์จะต้องออกมาดี ไม่จำเป็นต้องมาแก้อีกรอบหนึ่ง ที่สำคัญการลงทุนในศัลยกรรมปลูกผมและดูแลเส้นผม เราต้องมั่นใจว่าได้ผลลัพธ์ที่ดีเป็นธรรมชาติ รู้สึกว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่ลงทุนไป”
เส้นทางความสำเร็จตลอด 11 ปีของ Dr.Orn Medical Hair Center เห็นได้ชัดผ่านตัวของคุณหมออรที่ไม่ได้มีดีแค่ความสวย แต่มีทั้งความเก่งไปจนถึงความคิดที่ก้าวหน้าทางธุรกิจ มองขาดในเรื่องนวัตกรรมที่นำมาใช้ในการรักษา จนทำให้ผลลัพธ์ออกมาดูดี ดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งเป็น key success สำคัญของทางคลินิกที่เกิดการบอกต่อในกลุ่มคนมีชื่อเสียง
ตัวอย่างเคสที่เคยรักษาและปลูกผมกับ Dr.Orn Medical Hair Center
คุณหมอเล่าว่า “เรามีการดูแลครบวงจรตั้งแต่การรักษาด้วยยา การทำ treatment laser บำรุงผมไปจนถึงการปลูกผมถาวร กลุ่มลูกค้าเรา ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับบุคคลิกภาพ โดยกลุ่มลูกค้ามีหลากหลายอาชีพ ตั้งแต่ นักแสดง ดารา celebrity ที่มีชื่อเสียง นักธุรกิจ ผู้บริหาร หมอ ทันตแพทย์ ทนาย ตำรวจ Youtuber ต่างก็ไว้วางใจที่เข้ามาใช้บริการกับทาง Dr.Orn Medical Hair Center ตอนนี้มีฐานลูกค้าที่เข้ามารักษากับเรา ประมาณ 70,000 เคสแล้ว ยกตัวอย่างลูกค้าที่หลายๆ คนรู้จักกันเป็นอย่างดี คุณโอ๊ต ปราโมทย์ ที่เข้ามาในเรื่องของการบำรุง, Urboy TJ และ เดียร์น่า ก็เข้ามาในเรื่องของการบำรุง เป็นต้น”
“ส่วนคนที่เข้ามาในเรื่องของการปลูกผมอย่างเคสของ คุณบี้ The Ska เป็นเคสที่คนให้ความสนใจมาก เนื่องจากหลังปลูกผม มีการเปลี่ยนแปลงเยอะมากๆ ดูดีขึ้น บุคลิกภาพดีขึ้น”
“โดยเคสคุณบี้มีปัญหาในเรื่องของผมบางจากพันธุกรรม โดยหลังจากที่เข้ามาตรวจสภาพเส้นผมก็พบว่าไม่มีรากผมแล้ว เราจึงต้องวางแผนการรักษาด้วยการปลูกผมด้วยเทคนิค DOHT ซึ่งเป็นนวัตกรรมหนึ่งเดียวในไทยที่มีที่ Dr.Orn Medical Hair Center หมออรเล่าว่า คุณบี้ ได้มีการสร้างกรอบหน้า วัดสัดส่วนรูปหน้าทำให้มีกรอบหน้าที่ชัดเจนขึ้น ผมหนาขึ้น เซ็ตผมออกกล้องได้สวยและมั่นใจขึ้นมากๆ”
สำหรับผู้หญิงเรื่องเส้นผมก็เป็นปัญหาทีหลายๆคนเจอเช่นกัน ตัวอย่างเคสที่หลายๆคนถามถึงคือ เคสของ คุณมายด์ ณภศศิ celebrity ชื่อดัง ที่เข้ามาปลูกผมสร้างกรอบหน้าให้หวานขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งการฉีดหน้าหรือปรับรูปหน้าเลย ซึ่งคุณหมอพูดว่า “ผู้หญิงสามารถที่จะปลูกผมเพื่อปรับกรอบหน้าทำให้กรอบหน้าเรียวขึ้น หน้าหวานขึ้นได้เหมือนกัน”
เห็นจากหลายๆ เคสที่คุณหมอเล่าให้ฟัง ซึ่งคุณหมออรได้อธิบายให้เราฟังว่า ทางคลินิกนั้นมีนวัตกรรมอะไรที่โดดเด่น จึงทำให้ได้รับความไว้วางใจมานานจากกลุ่มลูกค้า
คุณหมออร เล่าว่า “Dr.Orn Medical Hair Center ให้บริการตั้งแต่การรักษาด้วยยา, การทำ treatment ไปจนถึงการผ่าตัดปลูกผม โดยลูกค้าแต่ละคนจะได้รับการตรวจสภาพเส้นผมและหนังศีรษะ และมีการออกแบบวิธีการรักษาแบบ Personalize Medicine เฉพาะรายบุคคล เพราะบางคนมีปัญหาผมร่วง ผมบาง ทั้งจากพันธุกรรมและพฤติกรรม จนไปถึงคนที่มีปัญหาผมบางเป็นหย่อมๆ หรือหนังศีรษะอักเสบ แต่ละเคสก็จะมีวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน”
โปรแกรม Triple H และ นวัตกรรม DOHT หนึ่งเดียวในไทยที่ Dr.Orn Medical Hair Center
มุมความคิดที่ทันสมัยของคุณหมออร สะท้อนออกมาผ่านนวัตกรรมที่เป็นหนึ่งเดียวในไทยที่ Dr.Orn Medical Hair Center นั่นก็คือ DOHT ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะด้านการปลูกผมของทางคลินิก ทั้งยังได้รับรางวัลนวัตกรรมด้านการปลูกผมจากมหาวิทยาลัยลาดกระบังด้วย
คุณหมออร พูดว่า “จุดเด่นของเทคนิค DOHT คือ มีการพัฒนาหัวเจาะที่มีขนาดเล็กและคมมาก ร่วมกับการใช้ระบบเครื่องมือที่สามารถเจาะและทำให้กราฟผมมีอัตราการขึ้นที่ค่อนข้างสูง การันตีอัตราการขึ้นของเส้นผมถึง 98% ซึ่งผมจะหนาขึ้นหลังจากที่ทำ ทิศทางของเส้นผมจะขึ้นเป็นธรรมชาติแทบจะดูไม่ออกเลยว่าคนไข้ปลูกผมมา”
“เทคนิค DOHT สามารถที่จะ modify ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนได้ เพราะบางคนไม่อยากตัดผม หรือไม่สามารถเปลี่ยนทรงผมได้ เราสามารถปลูกผมได้เลยโดยไม่ต้องตัดผม หรือลูกค้าบางคนอยากให้ผมยาวเลยหลังจากที่ทำ ซึ่งหลังจากปลูกเสร็จจะเห็นเลยว่า 8 ชั่วโมงหลังจากทำเสร็จผมจะยาวขึ้นมาทันที”
“ส่วนคนที่มีปัญหาเรื่องผมแต่ยังไม่ถึงขั้นต้องปลูกผม Dr.Orn Medical Hair Center ก็มีโปรแกรมรักษาที่เรียกว่า Triple H ซึ่งเป็นโปรแกรมยอดนิยมของที่นี่ และได้รับรางวัลสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทยประจำปี 2564 จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ด้วย
โปรแกรมนี้เหมาะกับหลายๆ คนที่มีปัญหาผมร่วง, เส้นผมเริ่มเล็กลง หรือบางคนอาจยังไม่มีปัญหาแต่มีประวัติคนในครอบครัวมีผมบางก็สามารถเข้ามา prevention ได้ก่อน เพราะราคาไม่แพงเพียงหลักพัน และสามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่อายุ 15 ปี ถือว่าเป็น modality จากทางคลินิกที่สามารถป้องกันได้โดยไม่ต้องทานยา”
คุณหมออร ยังย้ำด้วยว่า “ข้อดีของ Triple H คือเหมาะกับคนที่ไม่ต้องการทานยาเพราะกลัวในเรื่องของผลข้างเคียง เช่น การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ นอกจากนี้ใช้เวลาทำแค่ประมาณ 30-45 นาทีต่อครั้ง ไม่ต้องพักฟื้น และสามารถทำได้ทั้งผู้ชายผู้หญิง หลังจากที่ทำไปประมาณ 3 เดือนจะรู้สึกผมร่วงน้อยลงและผมหนาขึ้นอย่างชัดเจน”
นอกจากนี้ คุณหมออรยังพูดถึงขั้นตอนการรักษาแบบเข้าใจง่ายจาก Dr.Orn Medical Hair Center สำหรับผู้ที่มีปัญหาเส้นผมและอยากเข้าไปรับคำปรึกษา เริ่มตั้งแต่ consult กับแพทย์โดยมีสองวิธีทั้งวิธีการ walk-in มาที่คลินิก และ การทำvirtual hair consult ในกรณีลูกค้าไม่สะดวกเข้ามาที่คลินิก มีการตรวจสภาพเส้นผมและหนังศีรษะด้วยโปรแกรม Trico Analysis ก็คือใช้กล้องกำลังขยายสูงส่องสภาพเส้นผม หนังศีรษะ เช่น เป็นคนหนังศ๊รษะแห้ง มัน หรือมีรังแค ขนาดของเส้นผมและจำนวนเส้นผมมีมากน้อยแค่ไหน
ซักประวัติอย่างละเอียด เช่น ประวัติความเสี่ยงจากการสูบบุหรี่, มีพันธุกรรมผมบางจากคนในครอบครัวหรือไม่ แพทย์จะประเมินเป็น scores ซึ่งเรียกว่า Hair Bank คือถ้ายิ่ง scores สูงๆ แปลว่ามีโอกาสสูงที่จะเกิดภาวะผมบางในอนาคต วางแผนการรักษาแบบ personalize ตั้งแต่การ treatment, เลเซอร์เพื่อฟื้นฟูเส้นผม จนไปถึงการผ่าตัดปลูกผม
ความคิดที่ไม่หยุดพัฒนาของคุณหมออร ยังทำให้เกิดไอเดียอีกหลายอย่างขึ้น เช่น Dr.Orn Academy เพื่อสร้างทีมงานคุณภาพ พัฒนาวิธีการรักษา (modality) รูปแบบอื่น เพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาปัญหาเรื่องผม โดยคุณหมออร เล่าว่า “Dr.Orn Academy คือศูนย์การเรียนรู้และฝึกอบรมของพนักงานและบุคลากรในบริษัท ซึ่งการปลูกผมถือว่าเป็นทักษะทางด้านศิลปะอย่างหนึ่ง ดังนั้น การแลกเปลี่ยนความรู้หรือว่าแชร์ความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมใหม่ๆจากแพทย์ในไทยและต่างประเทศมีความสำคัญต่อการ พัฒนาคุณภาพ”
“Dr.Orn Academy ยังเป็นศูนย์ที่มีการสอบวัดระดับ เพื่อที่จะรักษาและทำให้มาตรฐานการรักษาของคลินิกเป็น standard ระดับโลก โดยก่อนหน้าที่จะมี COVID-19 คลินิกได้มีการแลกเปลี่ยน Know-How กับแพทย์เฉพาะทางจากต่างประเทศ เช่น ฝั่งบราซิล ปากีสถาน สหรัฐอเมริกา ซึ่งทำแบบนี้มา 4-5 ปีแล้ว”
ต่อยอด Know-How สู่ผลิตภัณฑ์ Dr.Orn Cosmez
ความสวยเก่งของคุณหมออร ที่จริงก็เป็นเครื่องการันตีได้อย่างหนึ่งว่าผลิตภัณฑ์โดย Dr.Orn Cosmez จะมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สูง ที่สำคัญเห็นผลจริงหลังใช้
คุณหมออร พูดว่า pain point อย่างหนึ่งที่เห็นจากคนที่มีปัญหาเรื่องผมก็คือ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผมที่ไม่ตรงกับสภาพเส้นผมของตัวเอง แต่สำหรับ Dr.Orn Cosmez ผู้บริโภคสามารถ consult กับทางคลินิกได้โดยปรึกษากับแพทย์และรับคำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับสภาพเส้นผมของแต่ละบุคคล
ทั้งยังแชร์ด้วยว่า Dr.Orn Cosmez เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่เป็น medical grade มีการพัฒนาจาก active ingredients ที่ได้รับรางวัลและมีการทำวิจัย เพื่อให้แน่ใจว่าใช้แล้วเห็นผลจริง และปลอดภัยต่อผู้ใช้
อย่างเช่น ตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Anti Hair Loss ที่จะช่วยรักษาในเรื่องปัญหาผมร่วงผมบาง โดยจะมีเซรั่ม Onagain Hair Tonic ที่ช่วยลดภาวะผมร่วง และยืดอายุเส้นผมได้ดี ซึ่งการันตีว่าจะเห็นผลอย่างชัดเจนในช่วง 3 เดือนแรกที่ใช้
คุณหมออรยังกระซิบบอกด้วยว่า “ในปีนี้กำลังจะออกเป็น category ใหม่สำหรับกลุ่มที่มีผิวแพ้ง่าย เป็นรังแค หรือว่าหนังศีรษะมัน ซึ่ง Dr.Orn Cosmez ก็น่าจะออกผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมปัญหาเรื่องผมออกมาเรื่อยๆ ในอนาคต”
พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ – โฟกัสเป้าหมายระยะสั้น/ยาว
จากที่ฟังคุณหมอพูดมาสิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้คือ ทั้งตัวของคุณหมออรเองและทาง Dr.Orn Medical Hair Center มีการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ทั้งนี้ คุณหมออร พูดถึงแผนธุรกิจในอนาคตว่า “ส่วนหนึ่งที่ Dr.Orn Medical Hair Center มีการควบคุมในเรื่องของคุณภาพการรักษา อัพเดทความรู้ เพิ่มทักษะของศิลปะการปลูกผม ฯลฯ เพื่อเป้าหมายการเป็น ‘โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านเส้นผม’ ซึ่งวางแผนที่จะเปิดช่วงปลายปี 2023”
คุณหมออร ตั้งใจจะเปิดให้เป็นศูนย์ที่มีทุกอย่างเกี่ยวกับเส้นผม ตั้งแต่การสปาผม หรือว่าในเรื่องของ wellness ของเส้นผมด้วยวิธีต่างๆ และคาดว่าโรงพยาบาลฯ จะรองรับลูกค้าได้ประมาณ 200 คนต่อวัน สำหรับแผนระยะยาวก็คือ การเติบโตของแบรนด์ให้เป็น Leading Medical Hair Center in Asia โดยจะเริ่มจากกลุ่มประเทศ CLMV ก่อน
อย่างไรก็ตาม คุณหมออร มีความตั้งใจที่จะทำให้แบรนด์ Dr.Orn เข้มแข็งในตลาดไทยก่อน ดังนั้นแผนที่จะเปิดสาขาในต่างประเทศน่าจะอยู่ใน period 4-5 ปี แต่แผนระยะใกล้ที่จะเริ่มแล้วก็คือ การขยายสาขาไปที่เซ็นทรัลชิดลมก่อน และขยายไปตามหัวเมืองใหญ่ในประเทศ เช่น ภูเก็ต และ โคราช
คุณหมออร ยังพูดถึงคนที่กังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายว่า “ยิ่งเราดูแลสภาพเส้นผมตั้งแต่เนิ่นๆ budget ในการรักษาก็จะไม่สูงมาก อาจจะเริ่มจากการทำแค่เลเซอร์ หรือ treatment ก็สามารถเยียวยาเส้นผมได้แล้ว”จากสถิติที่คุณหมอแชร์กับเราว่า มากถึง 95% ของผู้ชายทั่วโลกมีปัญหาเรื่องผม ขณะที่สัดส่วนของผู้หญิงก็แทบไม่ต่างกันอยู่ที่ประมาณ 80% ทำให้เข้าใจเลยว่า การลงทุนกับการดูแลเรื่องผมไม่ถือว่าเป็นเรื่องไกลตัวในยุคนี้ แต่สิ่งที่เราควรให้สำคัญมากกว่าคือ จะทำอย่างไรให้การดูแลและศัลยกรรมปลูกผมมันคุ้มค่าและได้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติมากที่สุด เพราะสิ่งที่น่ากังวลของผู้บริโภคในปัจจุบันคือ หลงทางกับโปรโมชั่นที่ตัดราคาให้รู้สึกว่าคุ้มค่า แต่สุดท้ายอาจต้องมานั่งแก้ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นไปตามที่คิด ต้องอย่าลืมว่าการศัลยกรรมปลูกผมนั้นแตกต่างจากศัลยกรรมประเภทอื่น เพราะรากผมเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาใหม่ไม่ได้ ยังไม่สามารถโคลนนิ่งสร้างเซลล์รากผมได้ ทำให้การปลูกผมไม่สามารถทำซ้ำได้เรื่อยๆ หากดึงผมด้านหลังไปใช้แล้ว ผมไม่ขึ้นหรือขึ้นไม่สวย เท่ากับเป็นการเสียเส้นผมไปโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้น ต้องเลือกปลูกผมกับสถาบันที่วางใจได้ที่สุด มั่นใจว่าทำแล้วผมขึ้นสวย เป็นธรรมชาติ ไม่ใช่เลือกที่ๆค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด เพราะอาจเกิดปัญหาตามมาในอนาคตได้