หลายสัญญาณในช่วงนี้บ่งบอกว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นอย่างเต็มรูปแบบ รวมไปถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วย ซึ่งเริ่มเห็นภาพความคึกคักของการเปิดตัวโครงการใหม่ๆ ทั้งแนวราบและแนวตั้ง โดยเฉพาะในพื้นที่ในเมืองที่ชีวิตเริ่มกลับมามีสีสันมากขึ้น แน่นอนว่า “อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์” ผู้นำด้านคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าที่เข้าใจวิถีชีวิตคนเมืองที่สุด มองเห็นสัญญาณดังกล่าว พร้อมกับรุกหนักด้วยการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ที่มีความเข้าใจชีวิตคนเมืองในช่วงยุค Post pandemic มากยิ่งขึ้น ได้แก่ CULTURE คอนโดแบรนด์ใหม่ที่เกิดขึ้นบนนิยามแนวคิดของการรวมตัวกันทางความคิดของกลุ่มคนเมืองที่มี Positive Attitude และมีความเชื่อในการมองหาทางเลือกของการใช้ชีวิตแนวใหม่
แต่หากจะให้เราเป็นผู้เล่าเองว่า CULTURE คืออะไร และมีแนวคิดมีความพิเศษอย่างไร คงทำได้ไม่ดีเท่ากับที่ได้เจ้าของโครงการมาเล่าให้ฟังดัวยตัวเอง ดังนั้น คุณกอล์ฟ – พงศ์อนันต์ สุขเกษม Chief Marketing Officer จึงชักชวน คุณตุ๊กโกะ – ณธิดา รัฐธนาวุฒิ Founder Marketing Oops! มาเล่าอัปเดทถึงความคืบหน้าใหม่ๆ ของอนันดาฯ รวมไปถึงพูดคุยเบื้องหลังการสร้างสรรค์แบรนด์ใหม่ CULTURE พร้อมพาไปสัมผัส Experience จริงที่สำนักงานขายและชมห้องตัวอย่างทั้งสองโครงการ ได้แก่ CULTURE ทองหล่อ และ CULTURE จุฬาฯ แบบทุกซอกทุกมุมเพื่อให้เราได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งและชัดเจนมากขึ้น ซึ่งบทความนี้นำเสนอเนื้อหาโดยสรุปถึงที่มาและแนวคิดของแบรนด์ CULTURE โดย อนันดาฯ ว่าสามารถตอบโจทย์วิถีชีวิตคนเมืองใหม่ในยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนไปมากนั้นได้อย่างไรบ้าง มาเล่าสู่กันฟังในเวอร์ชั่นบทความกัน
เปิดเหตุผลของการสร้างแบรนด์ใหม่ CULTURE กับการค้นพบวัตถุดิบพิเศษที่น่าลอง
คุณตุ๊กโกะ เริ่มต้นด้วยข้อสงสัยว่า ด้วยความที่ อนันดาฯ เป็นผู้นำอสังหาเพื่อคนเมืองยุคใหม่ ซึ่งอันที่จริงมีแบรนด์ที่ตอบโจทย์ทุกเซ็กเมนต์ของคนเมืองอยู่แล้วมากมาย แต่ทำไมถึงได้ตัดสินใจเปิดตัวแบรนด์ใหม่ที่ชื่อว่า CULTURE อีก
คุณกอล์ฟ อธิบายว่า เหตุผลหลักๆ มี 2 ข้อด้วยกัน ข้อแรก เนื่องจากช่วงวิกฤติโควิดเพิ่งผ่านพ้นไป แม้ว่าโรคมันอาจจะไม่หายไปแต่ผู้คนก็เริ่มกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติมากขึ้น ดังนั้น อนันดาฯ เองในฐานะดีเวลลอปเปอร์ เราก็อยากที่จะทำให้ตลาดอสังหาฯ กลับมาคึกคักมากขึ้น โดยที่ไม่อยากให้ตลาดมีแต่เรื่องเดิมๆ อยากให้คนเมืองได้มีสีสันมีอะไรใหม่เพิ่มเติมจากที่ผ่านมาและนำมาซึ่ง ข้อ 2 ก็คือ จริงๆแล้วเราสามารถบิวด์ได้จากแบรนด์เดิม แต่ทว่าเราพบกับวัตถุดิบใหม่ (New Ingredient) ที่จะสามารถบิวด์แบรนด์ใหม่ให้เกิดขึ้นได้ ที่สำคัญวัตถุดิบใหม่นี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับแบรนด์เดิมๆ ที่เรามีมาก่อนเลย ซึ่งอันที่จริงการสร้างแบรนด์ใหม่นั้นยากกว่าและใช้การลงทุนที่มากกว่าแต่ด้วยวิสัยทัศน์ของ คุณโก้ – ชานนท์ เรืองกฤตยา CEO, Ananda Development และทีมเมเนจเมนจ์ เราคิดว่าเราอยากสร้างให้เกิดขึ้นบนสตอรี่ใหม่เลยดีกว่า แล้วทำให้ Excite the market ดังนั้น เราจึงตัดสินใจนำวัตถุดิบนี้มาใส่ในแบรนด์ใหม่พร้อมกับสร้างสรรค์ให้สอดคล้องรับกับวิถีชีวิตใหม่ของคนเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ด้วย
ส่วนเรื่องที่มาของชื่อแบรนด์ CULTURE คุณกอล์ฟเล่าว่า ระหว่างที่เบรนด์สตรอมกันอยู่เพื่อหาชื่อแบรนด์ที่เหมาะสม ก็ไปเจอกับภาพของแม็กกาซีนฉบับหนึ่ง มีรูปของคน 4-5 คน นั่งชิลล์อยู่ที่เพียร์ แล้วมันมีความคอมมูนิตี้ร่วมกัน โดยที่จังหวะหนึ่งของบทสนทนาในหมู่พวกเราก็มีการใช้คำว่า CULTURE กันเกิดขึ้น ซึ่งอันที่จริงแล้วมันค่อนข้างเป็นคำสามัญทั่วๆ ไป แต่กลับสื่อความหมายหลายๆ อย่างรวมกันได้ค่อนข้างชัดทีเดียว เราก็เลยหยิบคำว่า CULTURE มาเป็นดัมมี่ไว้ก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไปเราก็เริ่มรู้สึกว่าคำว่า CULTURE นั้นค่อนข้างที่จะเข้าปากและลื่นหู ซึ่งในเชิงควาหมายก็สื่อสารได้ชัดเจนดีด้วยจะแปลเป็นไทยก็ได้คือแปลว่า “วัฒนธรรม” หรือถ้าจะไม่แปลก็เข้าใจได้เลยทันที ดังนั้น พอคุยไปเรื่อยๆ เราก็พบว่าคำว่า “CULTURE” มันคือส่วนผสมทั้งหมดที่มี และเรารู้สึกจริงๆว่า มันใช่ตัวเรา
การตัดสินใจจับมือ ‘สแครทช์ เฟิร์สท์’ (Scratch First) พาร์ทเนอร์ไลฟ์สไตล์ที่เข้าใจคนรุ่นใหม่เช่นเดียวกัน
แต่อะไรที่มันง่ายเกินไปมันไม่สนุกและท้าทายสำหรับ อนันดาฯ คำตอบจึงมาอยู่ที่การครีเอทแบรนด์ใหม่ขึ้นมา ผ่านการ Co-creation ซึ่งนำมาซึ่งการมองหาพาร์ทเนอร์ที่มีแนวคิดสอดคล้องกัน คุณกอล์ฟ ขยายความว่า เรายอมรับว่าอนันดาฯ ก็ไม่ได้เก่งทุกอย่าง เราอาจจะเก่งเรื่องความเข้าใจในชีวิตคนเมือง Urban Life เราอาจจะถนัดในเรื่องโลเคชั่นที่ตอบโจทย์ชีวิตสะดวกสบาย แต่ครั้งนี้เราอยากจะมีอะไรที่มากกว่านั้น จึงเป็นที่มาของการที่ได้มาจับมือกับ ‘สแครทช์ เฟิร์สท์’ ( Scratch First ) ผู้สร้างสรรค์งาน Wonderfruit Festival ไลฟ์สไตล์เฟสติวัลระดับโลก พาร์ทเนอร์ที่มีแนวคิดเกี่ยวกับ Sustainability และถนัดเรื่องของสร้าง Community
หลังจากที่เราตกลงจะจับมือร่วมกับ สแครทช์ เฟิร์สท์ แล้วก็ทำการเวิร์คช้อปกัน 2-3 ครั้ง เพื่อหา DNA ร่วมกันว่ามันคืออะไร ไฮไลท์หนึ่งในการเวิร์คช้อปคือการยิงคำถามแบบ Moonshot ว่าโลกปัจจุบันแต่ละคนมองอย่างไร ซึ่งทำให้เราได้คีย์เวิร์ดออกมามากมาย รวมถึงภาพของ Tribe คนเมืองรูปแบบใหม่ ที่มีความ Sharing & Caring มากขึ้น ไม่ใช่ต่างคนต่างอยู่แบบในอดีตแต่มีการใช้ชีวิตในแบบ Community มากขึ้น รวมไปถึงความรู้สึกของความแคร์ต่อสิ่งแวดล้อมด้วย นี่คือสังคมในแบบที่ทั้งอนันดาฯและสแครทช์ เฟิร์สท์ อยากที่จะสร้างร่วมกัน รวมไปถึงการมองหาลูกค้าที่เป็นคน Tribe เดียวกับพวกเรานั่นคือ รักตัวเอง รักผู้อื่น และรักโลก
ความร่วมมือกับ “แอสคอทท์” (Ascott) เพิ่มความสตรองด้านบริการระดับเวิลด์คลาส
นอกจากความร่วมมือสร้างสรรค์แบรนด์กับ สแครทช์ เฟิร์สท์ แล้ว อีกหนึ่งพาร์ทเนอร์ที่เข้ามาเติมเต็มในมุมของความเชี่ยวชาญด้านบริการ (Service) ก็คือ “แอสคอทท์” (Ascott) ซึ่งเป็นผู้นำด้าน Service Apartment & Hotel ระดับเวิลด์คลาส
คุณกอล์ฟ เล่าให้ฟังถึงที่มาของการจับมือในครั้งนี้ว่า คุณโก้ ชานนท์ มองว่าการสร้างคอนโดมันเหมือนกับงานด้านฮาร์ดแวร์ ที่เราสร้างสรรค์อิฐหินปูนทรายให้สวยงามบนโลเคชั่นที่ดี แต่อีกสิ่งที่ต้องบอกว่าเราอาจจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ คืองานด้านซอฟท์แวร์อย่างงานบริการ จึงเป็นที่มาของการที่เราจับมือกับ “แอสคอทท์” (Ascott) มาร่วมเป็น Property Management
ในเรื่องของการ Service ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น On demand service , Laundry , Concierge และอื่นๆอีกมากมายตามแบบฉบับมาตรฐานโรงแรม 5 ดาว ซึ่งตอบโจทย์กับวิถีชีวิตของคนเมืองยุคใหม่ในปัจจุบันที่มีเวลาจำกัด มีภารกิจรัดตัว และต้องทำทุกอย่างอย่างเร่งรีบ แต่อยากที่จะมีเวลาว่างไปใช้ชีวิตส่วนตัวได้อย่างอิสระเต็มที่ ดังนั้น เรื่องต่างๆ เหล่านี้ อนันดาฯ มองว่าควรปล่อยให้เป็นงานของมือโปรได้มาทำให้เราดีกว่า แล้วเวลาที่เหลือที่มีได้เอาไปใช้ตามแต่ไลฟ์สไตล์ที่ชอบ และออกไปใช้ชีวิตตาม Passion นี่คือสิ่งที่ อนันดาฯ เข้าใจและมองเห็นในช่วงเวลา 2 ปีที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคยุคใหม่
“ผมว่าอันหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกอิน เพราะที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าพอต้องกักตัวทำงานหรือใช้ชีวิตอยู่ในบ้านช่วงโควิด เรามีบริการเดลิเวอร์รี่ต่างๆ มาทำให้ชีวิตสะดวกสบายมากขึ้น ไม่ต้องไปซื้อของเอง ไม่ต้องทำอาหารเอง ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เมื่อโควิดมันจางลง ผู้คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิมมากขึ้น แต่เราก็ยังอยากใช้ชีวิตสะดวกสบายตามเดิมผ่านบริการต่างๆ ดังนั้น เราก็มองว่าอะไรที่จะสร้าง Convenience มากขึ้นได้บ้าง เราก็มองว่าบริการเหล่านี้แหละที่ตอบโจทย์คนเมืองแน่นอนก็เกิดเป็นอีกส่วนส่วนผสมในด้านของบริการจาก ‘แอสคอทท์’ ที่แบรนด์ CULTURE เราจัดมาให้เลยเพื่อสร้าง complete life ของคุณให้สมบูรณ์มากขึ้น”
เป็นพื้นที่แห่งการเปิดกว้าง ทั้ง Community and Sustainability
นอกจากการสร้างสรรค์เรื่องบริการแล้ว สิ่งที่อาจเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งดีเอ็นเอที่สำคัญของแบรนด์ CULTURE ก็คือการเป็นพื้นที่ของการสร้างคอมมูนิตี้ที่ดี คุณกอล์ฟขยายความว่า อย่างที่เล่าว่า CULTURE เกิดจากการสร้างบน persona ของคนที่มี Tribe เดียวกัน คือชอบ Sharing & Caring ดังนั้น ในฐานะนักพัฒนาอสังหาฯ เราจึงจัดพื้นที่ในการที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยได้มาใช้เวลาร่วมกันได้ “ Like – Minded People ” โดยเราได้สร้างพื้นที่ส่วนกลางพร้อม Co-Working Space เปิดให้ใช้บริการแบบ 24 ชั่วโมง ซึ่งเหมาะกับการทำงานแบบ Work from anywhere ในยุคนี้ หรือถ้าใครต้องการความไพรเวท เราก็มี Video Call Booth เป็นการจัดห้องมุมทำงานที่เงียบสงบให้ รวมไปถึงธุรกิจยุคใหม่ที่บางคนอาจจะต้องการสร้างสรรค์คอนเทนต์ของตัวเอง เราก็มี Live Studio ให้กับคนที่เป็นครีเอเตอร์ เป็น Youtuber หรือขายของออนไลน์ ตอบโจทย์วิถีใหม่อย่างแท้จริง
“แต่มากไปกว่านั้นคอมมูนิตี้ที่เราอยากให้คน CULTURE ได้ คือการได้มาใช้ชีวิตร่วมกัน ได้ทำอะไรที่ชอบร่วมกัน เราจะจัดกิจกรรมต่างๆ ให้มีในวันเสาร์อาทิตย์ด้วย ผมว่าตรงนั้นมันทำให้คนมันได้ใช้ชีวิตได้ใช้เวลาทำความรู้จักกัน เป็น Tribe เป็นเผ่าพันธุ์ของเขาเองแบบ CULTURE”
แต่มากไปกว่าการสร้าง Community คุณกอล์ฟ ยังมองเห็นภาพของความร่วมมือในการสร้างสิ่งแวดล้อมที่น่าอยู่ร่วมกันเพื่ออนาคตที่ดีกว่าด้วย นั่นคือการสร้างสรรค์สังคมแบบ Sustainability โดยย้ำว่า อนันดาฯ เราในฐานะของดีเวลลอปเปอร์ การที่กลุ่มลูกค้าหลักของเราคือคนเมือง เราคิดว่าถึงวันนี้เราจะเอาทุกอย่างเข้าตัวเองไม่ได้แล้ว คนเมืองจะสะดวกสบายอย่างเดียวไม่ได้ แต่จะต้องมองไปถึงอนาคตด้วย ดังนั้น อนันดาฯ เราจึงคัดเลือกแมททีเรียลต่างๆ อย่างดีที่คิดว่าจะทำให้เกิด Sustainable อย่างยั่งยืนเพื่อโลกได้อย่างไรบ้างเราก็จะทำเลย เช่น การเลือกใช้วัสดุต่างๆภายในโครงการบางส่วนจะมาจากวัสดุที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ , ระบบประหยัดพลังงาน , การสนับสนุนการคัดแยกขยะ การเลือกต้นไม้ที่ช่วยฟอกอากาศสร้างอ็อกซิเจนลดฝุ่น PM 2.5 ฯลฯ ทำทั้งหมดนี้นอกจากจะทำให้สภาพแวดล้อมของโครงการดีขึ้นแล้ว ก็ยังไปสอดรับกับ mindset ของคนที่มาอยู่ในโครงการด้วย เพราะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่แคร์ริ่งเรื่องโลกเรื่องสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญก็จะช่วยทำให้แนวความคิดนี้กระจายตัวออกไปในวงกว้างออกไปมากยิ่งขึ้นด้วย สิ่งเล็กๆ น้อยเหล่านี้ไม่ใช่ว่าไม่สำคัญแต่มันอาจจะกระเทือนถึงดวงดาวได้
จับหัวใจคนเมืองด้วย 2 โลเคชั่น แรร์ไอเท็ม ‘ทองหล่อ จุฬาฯ’
สำหรับในแง่ทำเลของแบรนด์ CULTURE สร้างแรงบันดาลใจและสะท้อนตัวตนที่โดดเด่นในการอยู่อาศัย อยู่บน 2 สุดยอดทำเลศักยภาพใจกลางเมือง ได้แก่ คัลเจอร์ ทองหล่อ (CULTURE Thonglor) และ คัลเจอร์ จุฬาฯ (CULTURE Chula)
คุณกอล์ฟขยายความในตัว โครงการ คัลเจอร์ ทองหล่อ ( CULTURE Thonglor ) ว่าที่นี่ยังคงตอกย้ำ DNA ของอนันดาฯ นั่นคือใกล้รถไฟฟ้า และตัวโครงการห่างจาก BTS ทองหล่อเพียง 250 ม.* ที่สำคัญอย่างที่เราทราบกันดีว่าย่านทองหล่อมีความพิเศษเป็นพื้นที่ที่มีชีวิตชีวา มี Vibrant Life สูงมาก เป็น Dream Location ที่ใครๆ ก็ชอบ แต่เราทำให้ราคาเอื้อมถึงได้งเริ่มเพียง 1.59 แสนบาทต่อตารางเมตร หรือ เริ่ม 4.09 ล้าน* ซึ่งถ้าเปรียบกับโครงการอื่นๆ ในย่านนี้ถือว่าเป็นราคาที่น่าสนใจมากทีเดียว “ถ้าให้เปรียบทองหล่อก็เหมือนรถ Porsche แต่ CULTURE ทองหล่อ มันคือ Porsche Boxster ที่เราสามารถเอื้อมถึงได้”
ในขณะที่ โครงการ คัลเจอร์ จุฬาฯ (CULTURE Chula) ตั้งอยู่ใจกลางสถานศึกษาชั้นนำ เป็นอีกทำเลที่มีเสน่ห์ มีทั้งห้างชั้นนำมากมาย ใกล้สยาม พารากอน และสามย่านมิตรทาวน์ โดยเฉพาะแถวสามย่านที่ยังมีทั้งวิถีตลาดเก่าและใหม่ผสมผสานกันอย่างลงตัว เชื่อมต่อเทคโนโลยีเข้ากับแนวคิดรักษ์โลกที่สร้างสรรค์อย่างลงตัวทั้งการทำงาน ซึ่งคิดว่าน่าจะเหมาะกับน้องๆ นักศึกษาและคนทำงานย่านสีลม-สาทร ก็ถือว่าไม่ไกลเลย แต่ได้รับความสะดวกสบายทั้งการเดินทางและการใช้ชีวิต เพราะใกล้ทั้งรถไฟฟ้า BTS เพียง 290 ม.* จากสถานีศาลาแดง และรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT เพียง 350 ม.* จากสถานีสามย่าน ตอบโจทย์วิถีชีวิตคนเมืองอย่างแน่นอน เป็นอีกหนึ่งอีกหนึ่งแรร์ไอเท็มทำเลทองของกรุงเทพฯ ในราคาเริ่ม 7.9 ล้าน* ซึ่งอาจต้องรีบจองหน่อยเพราะน่าจะหมดเร็วมาก
ทั้งหมดนี้คือความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจจาก อนันดาฯ ผู้นำอสังหาฯ ที่เข้าใจวิถีคนเมืองมากที่สุด และที่สำคัญเร็วๆ นี้ ทาง อนันดาฯ ก็เตรียมที่จะมีงานใหญ่ในรอบ 5 ปี ภายใต้คอนเซ็ปต์ The New Culture is Here กับงาน ” ANANDA URBAN PULSE 2022 ” ระหว่างวันที่ 27-30 ตุลาคมนี้ ที่ชั้น 1 สยามพารากอน เปิดตัว 6 โครงการใหม่ หนึ่งในนั้นก็จะมี CULTURE ทั้งสองโครงการด้วยอย่างแน่นอน ซึ่งถ้าใครสนใจ CULTURE และโครงการอื่นๆ ของอนันดาฯ ก็ไปติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ พร้อมข้อเสนอดีๆ รอให้เลือกตัดสินใจอีกเพียบเช่นกัน รีบไปจับรีบจอง รีบไปหา ‘tribe’ ของคุณ. ข้อมูลเพิ่มเติม : https://anan.ly/3D6vQFd