ช่วงหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหลายอุตสาหกรรมกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นอีกครั้ง หนึ่งนั้นคืออุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์กลุ่มคอนโดที่กลับมามีปัจจัยบวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม New Gen ที่หันมาหาซื้อคอนโดมิเนียมที่จะเป็นที่อยู่อาศัยและเป็นทรัพย์สินของตัวเองเป็นครั้งแรกและนั่นก็เป็นเหตุผลให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยอย่าง เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ตัดสินใจเปิดตัวคอนโดแบรนด์ใหม่อย่าง COBE เพื่อตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยในกลุ่ม New Gen มากขึ้น
เบื้องหลังการตัดสินใจนี้มี Insight อะไรอยู่บ้างและกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อเข้าถึงคนรุ่นใหม่ของ COBE เป็นอย่างไร “คุณนก” กนกอร หลิมกำเนิด Chief Operating Officer – Property Development – High Rise บริษัทเอสซี แอสเสท จะมาเล่าให้เราฟัง
ตลาดคอนโดโดยรวมกำลังฟื้นตัว
คุณนก เริ่มต้นด้วยการพูดถึงตลาดคอนโดโดยรวมในเวลานี้ที่กำลังฟื้นตัวโดยเฉพาะคอนโดในระดับราคา 100,000–150,000 บาทต่อตารางเมตรที่กำลังเป็นที่สนใจของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งหมายถึงบรรดานักศึกษามหาวิทยาลัย รวมถึงบรรดา First Jobber ที่มองหาที่พักอาศัยเป็น Asset ของตัวเองเป็นครั้งแรก โดยที่อยู่อาศัยเหล่านี้จะต้องมีราคาเข้าถึงง่าย อยู่ในทำเลใจกลางเมือง เดินทางสะดวกใกล้ที่ทำงาน ดังนั้นอสังหาริมทรัพย์ใน segment ที่ตอบโจทย์คนกลุ่มนี้มากที่สุดจึงเป็น “คอนโดมิเนียม” และนั่นจึงเป็นเหตุผลให้ เอสซี แอสเสท ลงมาเล่นคอนโดในตลาด Mass กับแบรนด์ COBE เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี
“ที่ผ่านมา SC Asset ทำคอนโดมาหลายแบรนด์ หลาย Segment ก็จริง แต่พอจะเราทำคอนโดเพื่อคนรุ่นใหม่ เราทำเหมือนเดิมไม่ได้นะ เพราะคนรุ่นใหม่วันนี้ไม่เหมือนวันนั้น เปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นแม้เราจะมีแบรนด์คอนโดหลากหลาย Segment เราต้องกลับมาดูว่ามีของที่ตรงกับ Lifestyle ของเค้ามั้ย ตรงกับความชอบมั้ย เป็นที่มาให้เกิดการพัฒนาแบรนด์ COBE ขึ้น”
ใช้แนวคิด Co-Being Community ตอบรับ Generation ใหม่
การสร้างคอนโดให้ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือการศึกษา Insight ของคนกลุ่มนี้ให้มากขึ้น ซึ่งคุณนกก็เล่าว่ามีหลายอย่างที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ แนวคิดที่เปิดกว้างต่อความหลากหลาย มี Mindset ที่ดี ต้องการเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น ต้องการความเป็นส่วนตัว เกิดมาในยุคดิจิตอล มีความเหงา มีความต้องการอยากมีส่วนร่วมในบางสิ่งบางอย่าง และเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่เชื่อในแบบเดียวกัน เอสซี แอสเสท จึงเปลี่ยนสิ่งนี้เป็นแนวคิดที่ของคอนโด COBE และเป็นที่มาของ Tagline “Co-Being Community” หมายถึง เป็นตัวเองได้เต็มที่แต่อยู่ร่วมกันในสังคมได้ ซึ่งคุณนกก็ระบุว่า COBE นี้เป็นคอนโดแห่งแรกที่มาพร้อมกับ Community ของคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดคล้ายๆ กัน และพร้อมทำสิ่งดีๆ ไปด้วยกัน โดยสิ่งนี้จะเกิดขึ้นที่นี่ COBE รัชดา-พระราม9 เป็นที่แรก
สร้างความแตกต่างด้วยกลยุทธ์ Place / People / Planet / Partnership
สำหรับการสร้างแบรนด์ COBE ให้มีความแตกต่างและตอบโจทย์กับคนรุ่นใหม่ คุณนกเล่าว่าเป็นการ Crack องค์ประกอบของคอมมูนิตี้เพื่อออกแบบคอนโดให้ครอบคลุมใน 4 เรื่องด้วยกันนั่นก็คือ Place / People / Planet / Partnership
สำหรับเรื่อง Place หมายถึง location และ space ที่ตอบรับแนวคิดคอมมูนิตี้ มีความสมดุลระหว่างพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่ส่วนกลางที่ COBE มีให้ครบทุกความต้องการไม่ว่าจะเป็น สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, Yoga studio, Pool Lounge, Co-Working Space และWorkshop Space ที่เปิด 24 ชั่วโมง พร้อม service & activities ตามความสนใจของคนในโครงการ นอกจากนี้ยังมีอีกสิ่งที่สำคัญในแง่ Place ก็คือมีดีไซน์ที่ดีในเป็นสไตล์ WABI-SABI แบบตะวันออก มาผสมผสานกับแนวคิด HYGGE (ฮุกกะ) ของตะวันตกแบบชาวนอร์ดิกเข้าไว้ด้วยกัน เนื่องจากคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากๆ
ในส่วนของ People ที่หมายความถึงการให้ความสำคัญกับปฏิสัมพันธ์ของคนในคอมมูนิตี้ทั้งแบบ Face to Face หรือแบบ Virtual ผ่านแอปพลิเคชั่น Ruejai แอปพลิเคชั่นที่เป็นสื่อกลางในการใช้จองบริการส่วนกลาง รวมถึงสามารถเข้าร่วม Club เพื่อร่วมทำกิจกรรมต่างๆ โดยมีทีมบริหารโครงการอย่าง SC ABLE เป็นผู้จัดกิจกรรมต่างๆให้เกิดขึ้น นอกจากนี่ทุกคนยังสามารถบริหารจัดการระดับความเป็นส่วนตัวของตัวเองได้ตามต้องการได้ด้วย
สำหรับเรื่อง Planet เป็นอีกเรื่องที่ COBE จริงจังที่ต้องการความร่วมมือกันในคอมมูนิตี้เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับโลกใบนี้ได้ โดย COBE รัชดา-พระราม 9 มี Partner ที่ให้บริการ EV Shuttle Service ที่ไม่ปล่อยมลพิษ มีระบบการแยกขยะเพื่อสนับสนุนการจัดการให้เกิด Zero Waste รวมไปถึงมีระบบ Solar Cell เพื่อลดการใช้พลังงานของพื้นที่ส่วนกลางด้วย และเรื่องสุดท้ายคือ Partnership ที่จะเข้ามาร่วมเติมเต็มความต้องการให้กับลูกบ้าน ที่นอกจากแอป Ruejai โดย SC ABLE แล้วยังมี MuvMi แพลทฟอร์มรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าในการรับส่ง นอกจากนี้ยังมีพาร์ตเนอร์อย่าง KBank, Foodland และอีกหลากหลายเจ้าที่พร้อมที่จะมอบบริการและความสะดวกสบายให้กับลูกบ้าน COBE รัชดา-พระราม 9 ด้วย
ทำเลโดดเด่น Extended CBD
อีกหนึ่ง Selling Point สำคัญที่คุณนกเล่าให้ฟังก็คือ โลเคชั่นของ COBE รัชดา-พระราม 9 ที่อยู่ใจกลางรัชดา-พระราม 9 ริมถนนเทียมร่วมมิตรที่นับเป็นทำเล Extended CBD ที่ขยายตัวต่อเนื่องมาจากแยกอโศก เรียกว่าเป็นพื้นที่ใกล้กับสำนักงานของบริษัทชั้นนำมากมาย มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ อยู่ใกล้สถานทูต ศูนย์วัฒนธรรม โรงเรียนนานาชาติ และในอนาคตยังมี Mega Project ที่กำลังจะเกิดขึ้นตามมาอย่างอาคาร MCOT, Bangkok Midtown Phase 1, Bangkok Midtown Phase 2, ศูนย์วัฒนธรรม Phase 2 รวมไปถึงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มที่มีแผนที่จะเปิดใช้บริการได้ในปี 2568 เป็นต้น
คุณนก เล่าด้วยว่า จุดขายที่แข็งแรงมากอีกจุด ก็คือ พื้นที่ส่วนตัว โดย COBE รัชดา-พระราม 9 มีอาคารพักอาศัย 9 อาคาร 1,612 ยูนิต มี Units Type ที่หลากหลาย ตั้งแต่ Studio ไล่ไปจนถึง 3 Bedroom ที่เรียกว่าตรงทุกความต้องการ ขณะที่ทุกห้องจะมาแบบ Fully Furnished มี walk-in closet และชุดครัวให้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นใครที่สนใจคอนโดที่ตอบโจทย์ที่อยู่อาศัยแบบ Co-Being Community ตรงกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ COBE ที่เป็นแบรนด์ใหม่ของ SC Asset ก็น่าจะเป็นคำตอบให้ได้ นอกจากนี้คุณนกยังบอกใบ้ให้ด้วยว่าหลังจากนี้จะมี COBE ในทำเลอื่นๆตามมาอย่างแน่นอน
คุณนกปิดท้ายไว้ว่า สำหรับใครที่สนใจสามารถเดินทางมาร่วมงาน Pre-sale ในวันที่ 19-20 สิงหาคมนี้ได้ ในงานจะมีการเปิดขายตึกใหม่ ราคาเริ่ม 2.49 ล้านบาท* พร้อมสิทธิพิเศษในงาน สามารถกดลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษไว้ก่อนได้ที่ https://bit.ly/43NVZm7