มีใครไหมที่ชอบดูวิดีโอ Unbox ใน Youtube หรือ Tiktok หรือ ใน Instagram เองก็ตาม เคยรู้สึกไหมว่าทำไมถึงชอบดูวิดีโอแบบนี้ วิดีโอที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเลย แค่แกะกล่องสินค้าออกมารีวิว โดยทำทีละขั้นตอนออกมา ซึ่งก็เป็นพฤติกรรมปกติที่คนที่ซื้อสินค้ามาจะทำแบบเดียวเองก็ตาม แต่ unbox video แบบนี้กลับมีคนชอบดูหลายร้านคน เพราะมันสร้างประสบการณ์และความรู้สึกบางอย่างให้
การทำวิดีโอ unbox นั้นเรียกได้ว่า เป็นเหมือนกิจกรรมทางความเชื่อ ประหนึ่งกิจกรรมทางศาสนาของคนที่ชอบแกะกล่องสินค้า พฤติกรรมการทำ unbox นี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเปิดกล่องสินค้าธรรมดา เพราะทุก ๆ ครั้งที่คนในวิดีโอทำการตัด กรีดกล่องและเปิดกล่องออกมา กลับกลายเป็นการกระตุ้นความรู้สึก ประสาทสัมผัสต่าง ๆ ของคนที่ดู ทำให้เกิดการตอบสนองทางจิตวิทยาที่เกิดขึ้นมาได้ทันที เรียกได้ว่า เหมือนการเปิดหีบสมบัติในการตามล่าขุมทรัพย์ยุคใหม่เลย ทำให้คนที่ชมนั้นกลับกลายเป็นมีความสุขขึ้นมาได้
การแกะกล่องนั้น เหมือนกับการเล่นกับจิตวิทยาของผู้ชม เพราะด้วยการค่อย ๆ เผยการแกะกล่องสินค้า ตัวสินค้าขึ้นมาทำให้เกิดการสร้างความอยากรู้ อยากเห็นของกลุ่มเป้าหมายที่ดูวิดีโอมาทันที และดึงความสนใจของคนที่ดูเอาไว้ สะสมความอยากรู้ และทำให้ถึงจุดที่สมหวังเมื่อสินค้าปรากฏตัวขึ้นมา การแกะกล่องแบบนี้ทำให้เกิดการะบวนการทางจิตวิทยาที่เรียกว่า “Zeigarnik Effect,” ที่สมองจะถูกสั่งให้ยึดติดกับหน้าที่ หรือเรื่องราวที่ยังไม่สำเร็จ หรือเหตุการณ์ที่ยังไม่ได้ขอสรุป ไม่จบขึ้นมา ทำให้สมองจะมีความกังวลและการจดจำ จนกว่าเหตุการณ์หรือเรื่องราวนั้นจะได้ข้อสรุปที่ออกมาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนสุดท้าย
นอกจากนี้การแกะกล่องบางประเภทที่เป็นกล่องที่ Minimal ไม่ต้องมีวัสดุหีบห่ออะไรที่ทำให้แกะยาก แค่ดึงเทปกล่องก็เปิดได้แล้ว ทำให้ไม่ต้องคิดมากระหว่างแกะกล่อง ซึ่งเป็นการลดภาระความคิดทางสมองลง ทำให้การแกะกล่องนั้นดูเรียบง่าย ดูสบายใจ ทำให้เกิดการตัดสินใจได้ทันที กับประสบการณ์ที่ต่อเนื่องออกไป ซึ่งเรื่องราวตรงนี้ตรงกับ หลักการทางจิตวิทยาที่เรียกว่า Hick’s Law ที่เป็นการสื่อสารแบบตรง ๆ เข้าใจง่าย ทำให้ลดเวลาการตัดสินใจ ทำให้เกิดประสบการณ์ร่วมได้อย่างง่ายและต่อเนื่องอีกด้วย
ในการแกะกล่องนั้น บางกล่องอาจจะมีการ์ดติดมา หรือมี QR Code ติดมา เพื่อให้ผู้ที่แกะกล่องนั้นสามารถสื่อสารและแสดงความเห็นกลับได้ว่า การแกะกล่องหรือประสบการณ์ที่เจอในการเปิดกล่องเพื่อใช้สินค้านั้นเป็นอย่างไรขึ้นมา หรือหลาย ๆ แบรนด์จะใช้วิธีกระตุ้นให้คนที่ซื้อสินค้าไป ไปทำวิดีโอแกะกล่องบนออนไลน์ขึ้นมา ซึ่งเป็นการสร้างจิตวิทยาต่อผู้ใช้จริงที่ไปแกะกล่องแชร์ลงบนออนไลน์อีกด้วย
การแกะกล่องนั้นเป็นกระบวนการสร้างความรู้สึก และเป็นส่วนหนึ่งของ Customer Journey Experience ด้วย การคิดถึงการแกะกล่องที่ดี ๆ ย่อมสร้างสัมผัส และการรับรู้ที่เป็นประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้แกะกล่องอีกด้วย และเมื่อแกะกล่องออกมา ผู้แกะกล่องหรือคนที่ดีจะรู้สึกว่า สิ่งของ ที่ซื้อมา มีมูลค่าที่สูงขึ้นจากการที่แกะกล่องอีกด้วย เพราะทุกอย่างที่ทำให้เกิดความรู้สึกนี้เป็นการวางแผนในการสร้าง Endowment Effect ที่ทำให้รู้สึกถึงความเป็นเจ้าของสินค้าด้วย ขั้นตอนง่าย ๆ 3 ขั้นคือ
1. สร้างคุณค่าของการรับรู้ โดยการทำให้ผู้ที่ได้สินค้าไป รับรู้ถึงแบรนด์ตั้งแต่การออกแบบกล่อง ดีไซน์ของกล่องความใส่ใจต่าง ๆ และทำให้เกิดพฤติกรรมการเป็นเจ้าของตั้งแต่ได้รับสินค้านั้นไป การแกะกล่องหรือมีส่วนร่วมในการเปิดเผยสินค้านั้นทำให้เกิดการสร้างมุลค่าเพิ่มทางใจ ขึ้นมาตาม Endowment Effect
2. สร้างประสบการณ์ร่วมกับสินค้านั้น ด้วยการจัดเรียงสินค้า การวางหีบห่อในกล่องหรือความใส่ใจในการที่จะเปิดเผยสินค้าออกมา สร้างประสบการณ์ร่วมกับสินค้าอย่างมาก เพราะทำให้รู้สึกถึงความใส่ใจ ความเป็นแบรนด์ต่าง ๆ ขึ้นมา เป็นการสร้าง “Experience Economy,” ที่เป็นการที่ธุรกิจนั้นขายประสบการณ์การใช้งานตั้งแต่การได้สินค้าไป
3. สร้างการตอบสนองความภูมิใจในการใช้สินค้านั้นขึ้นมา เป็นการสร้างความรู้สึกในชีวิตหรือจุดเปลี่ยนฐานะในชีวิตว่าสินค้าที่แกะกล่องไม่ใช่แค่สินค้า หรือเครื่องมือ แต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตขึ้นมาทันที ทำให้เกิดความรู้สึกผูกผันกับสินค้านั้น ๆ หรืออยากโชว์สินค้านั้น ๆ ขึ้นมา
การสร้าง Packaging ที่ดี ๆ ที่ตอบสนองการแกะกล่องขึ้นมา ไม่ใช่เพื่อการทำให้เกิดการห่อสินค้านั้นเอาไว้ แต่เป็นการเล่าถึงแบรนด์ขึ้นมา สร้างประสบการณ์ของแบรนด์ขึ้นมา และทำให้คนได้สัมผัสปรัชญาการออกแบบของแบรนด์ผ่านกล่องได้ทันทีด้วยการแกะกล่องนี้ทำให่สมองที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอารมณ์นั้นเกิดการมีส่วนร่วมและทำให้เกิดความสุขขึ้นมาในการใช้งานตั้งแต่ได้รับสินค้า จนแต่ละขั้นที่เกิดการแกะกล่องขึ้นมานั้นเอง
