TAL ธุรกิจติวเตอร์ ยักษ์ใหญ่ของจีน ที่หลายคนคงไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน และหลายคนคงสงสัยว่า ผงาดขึ้นมาได้ยังไง เพราะจากการจัดอันดับบริษัทที่ร่ำรวยที่สุดในจีน พบว่า TAL ขึ้นมาติดอันดับบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดใน 10 อันดับแรก และผู้ก่อตั้งอย่าง จางปังซิน ก็ขึ้นแท่นเป็นผู้มีสินทรัพย์ร่ำรวยที่สุด ติดอันดับ 7 ของโลกอีกด้วย
แน่นอนว่าท่ามกลางวิกฤติการระบาดโควิด-19 ผู้คนประสบปัญหาในการใช้ชีวิต ปัญหาเศรษฐกิจส่งผลกระทบไปทั้งโลก แต่ในวิกฤตนี้กลับมีบางคนที่ร่ำรวยขึ้น ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่า เพราะอะไรกันแน่
สำหรับหนึ่งในคนที่อยู่ในกลุ่มที่ถูกจัดว่าเป็นระดับ “อภิมหาเศรษฐี” หรือ บิลเลียนแนร์ คือผู้ที่มีมูล่คาของสินทรัพย์ตามการประเมินแล้วมากกว่าหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ปรากฏว่าหนึ่งในชื่อที่มาแรงอย่างมากและน่าจับตามองก็คือ “จางปังซิน” (Zhang Bangxin)
เขาคือใคร??? จางปังซิน คือผู้ก่อตั้ง และ CEO ของเครือบริษัท TAL Education Group ซึ่งเป็นธุรกิจติวเตอร์ยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของจีน และตอนนี้อาจพูดได้แล้วว่านี่คือธุรกิจด้านการศึกษาที่มีมูลค่าสูงสุดและทำเงินได้มากที่สุดของโลกไปแล้ว
ที่จริงแล้วปัจจัยสำคัญในการเติบโตของพวกเขามีหลายด้าน แต่อธิบายแบบง่ายๆก็คือ
- การเข้าสู่ตลาดหุ้นเพื่อระดมทุน
- การให้ความสำคัญในด้านบุคลากร ติวเตอร์ ที่มีคุณภาพ
- การปรับตัวด้านเทคโนโลยี ใช้การสอนออนไลน์เข้าช่วย
TAL ได้ชื่อว่าเป็นธุรกิจที่มีมูลค่ามากกว่าบริษัทใหญ่ๆหลายแห่งทั่วโลก ไม่ว่าจะธุรกิจน้ำมัน พลังงาน ไอที และอื่นๆ ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2003 ต่อมาได้ขยายอาณาจักรไปทั่วโลกและเข้าตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงการระดมทุนในตลาดหุ้นของนิวยอร์กได้อีกด้วย
สำหรับความโดดเด่นของเครือ TAL คือการพัฒนารูปแบบการสอนของติวเตอร์อย่างเข้มข้น รวมถึงการนำเทคโนโลยีและรูปแบบการสอนออนไลน์เข้ามาใช้อย่างรวดเร็ว เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่พวกเขาพัฒนามาตั้งแต่ก่อนหน้าจะเกิดเหตุการระบาดของโควิด-19 เสียอีก
ในปัจจุบัน TAL Education มีสาขามากกว่า 90 เมืองในประเทศจีน โดยเฉพาะในเมืองระดับ Tier-1 เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจ่ว เซินเจิ้น หนานจิง มีรายได้หลักมาจากการสอนในห้องและการสอนแบบออนไลน์
อีกทั้งหุ้นของ TAL ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในหุ้นที่น่าสนใจและมาแรงมากในตลาดหลักทรัพย์ แล้วยังคาดว่าจะสามารถระดมทุนเพิ่มได้อีก
สำหรับตัวของ จางปังซิน มีการเปิดเผยว่า มูลค่าสินทรัพย์ของเขาอยู่ 1 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้น 49% จากปี 2020 และทำให้เขาติดอันดับคนรวยอันดับ 7 ของโลกในเวลานี้ด้วย
การสร้างธุรกิจของเขานับว่าน่าสนใจ เพราะเป็นข้อพิสูจน์อีกครั้งว่า “การศึกษาและความรู้” เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญสำหรับผู้คนในยุคปัจจุบันและอนาคต