ตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า การใช้ AI นั้นเข้ามามีส่วนสำคัญในการทำงานอย่างมาก หลาย ๆ คนเอามาช่วยในการทำงานหลายๆ อย่าง ทำให้คนทำงานสามารถมีการทำงานที่ดีขึ้นรวดเร็วขึ้น จากการทำงานรวมกับ AI ในตอนนี้ โดยเฉพาะหลายๆ คนใช้ ChatGPT นั้นมาช่วยงานเป็นอย่างมาก ไม่ว่าตั้งแต่หาข้อมูล ทำ Content ทำแผน แปลภาษา และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ในความจริงแล้ว ChatGPT นั้นถ้าใช้ให้เก่ง ใช้ให้เป็น จะสามารถทำเรื่อง lead generation ได้อย่างมาก
แต่การใช้ ChatGPT ให้ได้ทรงประสิทธิภาพนั้น ขึ้นกับการใช้งานของคนใช้ว่าสามารถใช้งานได้ดีแค่ไหน และคำสั่งหรือที่เรียกว่า Prompt ที่ป้อนเข้าไปให้ ChatGPT ที่เป็น AI นั้นเข้าใจความหมายที่ต้องการ และทำงานออกมาได้ตามความคาดหวังนั้นเอง
เนื่องจาก ChatGPT มันเป็น AI หุ่นยนต์การที่ให้ AI เข้าใจความนัยแฝงแล้วไปคิดเองนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก ที่จะทำให้ AI สร้างหรือตอบกลับมาให้ตามที่คนต้องการที่คาดหวัง ที่คิดไว้ ผู้ใช้จึงจำเป็นต้องเข้าใจว่าจะต้องป้อนบริบทของคำสั่งต่างๆ ที่ต้องการ เพื่อให้ AI ของ ChatGPT เข้าใจก่อนว่า จุดมุ่งหมายของการถามนี้ ต้องการคำตอบอะไรออกมา ซึ่งหลักการง่ายๆ คือการสร้าง Persona ให้ AI เข้าใจว่าต้องคิดแบบไหน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ผู้ป้อนต้องการ โดยบริบทที่ควรป้อนไปเพื่อสร้าง Persona ของ AI ได้แก่
1. เราเป็นใคร หรืออยากให้ ChatGPT เป็นใคร
2. ความรู้ของเรา หรือความรู้ที่ ChatGPT ต้องใช้ในการสร้างคำตอบขึ้นมา
3. คุณลักษณะที่ต้องการ
4. ขั้นตอนที่อยากได้
5. งานที่ต้องการ
6. เป้าหมายที่อยากได้
7. Format ของคำตอบ
และการที่จะทำให้ ChatGPT ทำงานได้ดีมากขึ้น การป้อนคำสั่ง หรือ Prompt ที่ทำให้ ChatGPT ที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยได้อย่างมาก ซึ่งในบทความนี้จะพาไปขั้นตอนสร้าง Prompt ที่จะช่วยให้คนที่ใช้ ChatGPT ทำงานได้ดีขึ้นอย่างมาก
1. “Act as…” ให้ ChatGPT สวมบทบาทเป็นตัวละครต่างๆ และสร้างคำตอบที่ต้องการจากบริบทตัวละครนั้นๆ ออกมาเช่น ให้ “Act as head content marketer” และป้อนเรื่องที่อยากได้ จะทำให้ ChatGPT เข้าใจว่าต้องคิดอย่างไร เพิ่มขึ้น
2. ป้อนบริบทบางอย่างเพิ่ม เช่น ตัวอย่างบริษัท หรือประเทศ หรือพื้นที่ เพื่อให้ ChatGPT เข้าใจว่าจะต้องใช้บริบทแบบไหนในการที่จะช่วยคิดคำตอบที่ต้องการออกมาได้
3. ให้ข้อมูลเพิ่ม ChatGPT ไป ด้วยการป้อนข้อมูลที่ ChatGPT จำเป็นต้องใช้ ทำให้ ChatGPT ไม่ต้องไปหาข้อมูล และใช้ข้อมูลผิดๆ ถูกๆ มาตอบ ทำให้ผู้ใช้จะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องเพิ่มมากขึ้นได้ไปอีก
4. เน้นข้อมูลที่ต้องการและไม่ต้องการออกไป ด้วยการบอก ChatGPT ว่าต้องการข้อมูลไหนที่จะต้องได้ในคำตอบมา และไม่ต้องการข้อมูลไหน (include/exclude) ย่อมทำให้ได้ผลลัพธ์ที่เฉพาะเจาะจงเพิ่มมากขึ้น
5. เลือกโทนเสียงและวิธีการเขียนที่อยากได้ ด้วยการบอกว่าอยากได้โทนคำตอบ สไตล์ของคำตอบแบบไหน ก็จะได้ข้อมูลคำตอบที่ตรงใจมากขึ้น ไม่ต้องรู้สึกว่ามันแปลกๆ ในคำตอบออกมา
7. ด้วยการยกตัวอย่าง ใส่ในคำสั่งเข้าไป ทำให้ ChatGPT จะเข้าใจมากขึ้น เพราะมีตัวอย่างให้คิดตามทำให้ ChatGPT จะสร้างคำตอบที่ออกมาตามตัวอย่างที่ต้องการได้เป็นอย่างดี
8. กำหนดความยาว ด้วยการกำหนดความยาว ทำให้ ChatGPT จะไม่สร้างคำตอบที่ยาวเกินไป หรือสั้นเกินไป ทำให้การเอาไปใช้งานต่อนั้นสามารถใช้งานได้ง่ายขึ้นอย่างมาก
9.ป้อน โครงสร้างและ Format ที่อยากให้ตอบออกมาใส่เข้าไป ด้วยวิธีการนี้จะทำให้คำตอบของ ChatGPT ที่ตอบมานั้นจะสร้างคำตอบตามโครงสร้างคำตอบที่ต้องการ และได้ Format ที่ต้องการอีกด้วย เหมาะสำหรับการเอาไป Cut and Paste ได้เลย
ด้วยการที่ลองใช้คำสั่งแบบนี้ ก็สามารถได้คำตอบดี ๆ เบื้องต้นที่สามารถเอาไปใช้งานต่อได้เลย สามารถช่วยย่นระยะเวลาประหยัดเวลาการทำงานของผู้ใช้ได้ทันที