เทรนด์ใหม่ของนักท่องเที่ยวจีนสไตล์ FIT สะพายเป้เที่ยวเอง กำลังซื้อสูง

ถือว่าเป็นเทรนด์ใหญ่ของนักท่องเที่ยวจีน สไตล์ FIT หรือกลุ่มที่สะพายเป้เที่ยวเอง และเป็นตลาดที่กำลังมาแรงมากของคนจีนในเวลานี้ ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร โรงแรม อาจจะมองข้ามไป

ก่อนหน้านี้ เรื่องมารยาทของนักท่องเที่ยวจีนได้เป็นประเด็นร้อนในหลายประเทศทั่วโลกที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ไทยเองก็เคยมีปัญหาในเรื่องนี้ แม้ว่านักท่องเที่ยวจีนจะเป็นกลุ่มลูกค้าชั้นดีในแง่ใช้เงินสะพัดก็ตาม

แต่ถ้าลองเจาะดู อาจจะพบว่าที่จริงแล้วคนจีนที่มาจากฮ่องกงและไต้หวันจะไม่สร้างวีรกรรมแปลก ๆ เหล่านั้นเอาไว้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะคนจีนจากไต้หวันยังคงได้รับการอบรมสั่งสอนมารยาทและการศึกษาตามหลักขงจื่อ รวมถึงคนจีนจากฮ่องกงก็ได้รับการศึกษาสูง และมีวิถีชีวิตที่ผสมผสานกับชาติตะวันตกมานาน ดังนั้นเราอาจจะพบว่าพฤติกรรมสุดโต่งทั้งหลายเลยมักเกิดเฉพาะกับนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่

อันที่จริงทุกวันนี้ พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่ ๆ จากแผ่นดินใหญ่ก็เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ซึ่งก็อาจเป็นผลมาจากการที่จำนวนของนักท่องเที่ยวประเภทแบ็กแพ็ก หรือแบบ Fti เริ่มมากขึ้น หากเปรียบเทียบจากกลุ่มทัวร์ราคาถูกที่ถูกปราบปรามและรณรงค์ไปก่อนหน้านี้

สำหรับพฤติกรรมด้านการท่องเที่ยวของกลุ่มนี้ที่โดดเด่น และน่าสนใจ ได้แก่

รูปแบบการท่องเที่ยว

มีการสำรวจเบื้องต้นว่า นักท่องเที่ยวจีนยุคใหม่จะหันมาใช้เวลากับสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งนานขึ้น โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและสถานที่ทางประวัติศาสตร์ อาจเพราะต้องการซึมซับประสบการณ์ต่าง ๆ รวมถึงความเข้าใจต่อสถานที่นั้น ๆ ก็เริ่มมีมากขึ้น

ถ่ายเซลฟี่

หลายสถานที่ท่องเที่ยวจับจุดนี้ของคนจีนได้ เราจะเห็นว่าแม้แต่สถานที่ซึ่ง “แทบจะไม่ได้มีอะไรให้น่าเที่ยวเท่าไหร่” (หากพูดกันตามตรง) ก็ได้มีการจัดบริเวณให้ถ่ายเซลฟี่ โดยมีแบกกราวน์ที่หลากหลาย เช่น อาจจะเป็นท้องทุ่งตามธรรมชาติ สวน วิวทิวทัศน์ ป่า หรือการสร้างแลนมาร์กทั้งเล็กและใหญ่ เพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น

กำลังซื้อ

ข้อดีอันดับต้น ๆ ของนักท่องเที่ยวจากจีนคือ “จำนวนมาก และ กำลังซื้อสูง”

แน่นอนว่าการเลือกซื้อสินค้าและบริการยังคงอยู่ในระดับสูง แต่กลุ่ม FIT จะมีแนวโน้ม “เลือก” โดยค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตมากขึ้น

ดังนั้นนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ สินค้าและบริการต้องสร้างความประทับใจได้จริง แล้วจากนั้นจะเกิดกระแสปากต่อปากโดยเฉพาะทางโซเชียลมีเดียของจีนเอง

แต่ในทางกลับกัน ถ้ามันไม่เป็นที่ประทับใจ ย้อมแมวขาย คิดราคาแพงเกินควร ก็เตรียมชื่อเสียบนโซเชียลจีนได้เลยครับ

นอกจากนี้ แม้ว่านักท่องเที่ยวจีนจะเป็นกลุ่มที่มีการจับจ่ายใช้สอยในการซื้อสินค้าระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวสูง แต่ในปัจจุบันก็เริ่มมองหาแหล่งซื้อสินค้าที่ให้ความคุ้มค่ามากขึ้นเช่นกัน

ร้านค้าไทย ต้องรองรับ Alipay และ WeChatPay

มันจะเป็นการเสียโอกาสอย่างแรง ถ้าไม่มีให้สแกน QR Code ติดไว้ที่เคาน์เตอร์คิดเงิน เพราะคนจีนจำนวนหนึ่งเวลาออกไปเที่ยวในต่างแดน จะไม่นิยมพกพาเงินสดติดตัวมาก แต่จะใช้การสแกนจ่ายทางแอปพลิเคชั่นทั้งสองที่ว่ามา นอกจากเป็นร้านค้าท้องถิ่นจริง ๆ

ดังนั้นเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการไทย “จำเป็นอย่างยิ่ง” ที่จะต้องมีไว้ ถ้าจะจับตลาดนักท่องเที่ยวจีนครับ ซึ่งเวลานี้ทางธนาคารของไทยบางแห่งก็มีการร่วมกับแอปเหล่านี้แล้วด้วย

โดยข้อมูลสนับสนุน ก็มาจากการสำรวจของ Chininternetwatch ที่ระบุว่าคนจีนโดยเฉพาะที่มาจากเมืองใหญ่มีความสบายใจที่พกพาเงินสดติดตัวออกไปท่องเที่ยวมากกว่า โดยเฉพาะคนจีนจากเมืองใหญ่ระดับ 1 ของจีน เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว และเซินเจิ้น ซึ่งถือว่าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มรายได้สูงและปานกลาง

นอกจากนี้ยังพบว่าคนจีนนิยมใช้การชำระเงินออนไลน์โดยไม่ต้องใช้เงินสดมากกว่า 50-60%

ส่วนเมืองที่มีการใช้งานแอพลิเคชั่นทั้ง Aliapay และ WeChat Pay มากที่สุดก็คือมหานครเซี่ยงไฮ้ รายงานจาก Chinainternetwatch ระบุว่ามีการใช้จ่ายเงินออนไลน์โดยเฉลี่ยต่อคนมากกว่า 150,000 หยวนต่อปี

ตลาดจีนแตกต่างกัน

เนื่องจากคนจีนในแต่ละภูมิภาคมีลักษณะแตกต่างกัน แต่คนจีนเกือบทุกภาคค่อนข้างจะคิดกับคนไทยในแง่บวกมากกว่าลบ เนื่องจากคนจีนมีท่าทีต่อคนไทยค่อนข้างดี มองเหมือนเป็นเพื่อน ไม่มีพิษภัย แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีการแอนตี้หรือบอยคอต หากเกิดกรณีพิพาทหรือดราม่ารุนแรง ซึ่งประเด็นนี้เป็นเรื่องที่ต้องระวังเช่นกัน

เขียนโดย อิทธิชัย อรรถกระวีสุนทร
Expertise: China Marketing
อ่านบทความ Exclusive เพิ่มเติมได้ที่นี่