เมื่อยักษ์จีนด้าน E-Commerce อย่าง Alibaba ได้เข้าไทยมาอย่างเต็มตัวแล้วหลังจากได้ลงนามกันในความร่วมมือทั้ง 4 ด้านกับภาครัฐไทย ทางผู้ประกอบการไทยเองก็ควรจะได้ใช้เวลานี้ศึกษาช่องทาง E-Commerce เนื่องจากจะช้าหรือเร็ว มันก็ต้องเข้ามาอยู่ดีนั่นเอง แล้วที่สำคัญคือ Lazada ร้านค้าออนไลน์ที่โด่งดังก็ถูก Alibaba เข้าเทคโอเวอร์ แล้วยังกลายเป็นหัวหอกสำคัญสำหรับแข่งขันกับ E-Commerce จากต่างชาติอื่น ๆ ด้วย
วันนี้ทางเพจจึงอยากนำเสนอเรื่องของสถานการณ์แข่งขันระหว่าง E-Commerce เจ้าสำคัญต่าง ๆ ในประเทศไทย ซึ่งจากข้อมูลของ Chinainternetwatch พบว่าเวลานี้ Lazada ยังเป็นร้านค้าออนไลน์ที่มีคนไทยคลิกเข้าเว็บไซต์เป็นอันดับหนึ่งอยู่ในปี 2560
แต่ร้านค้าอื่น ๆ ก็ตื่นตัวไม่แพ้กัน มีข้อมูลว่า ร้านค้าออนไลน์ Chilindo ของไทย มีคนคลิกเข้าเป็นอันดับ 2แต่ในส่วนของการเข้าทาง App Store ปรากฏว่าอันดับ 1 เป็นของ Shopee ร้านค้าออนไลน์จากสิงคโปร์ ส่วนช่องทางบน Line ก็มี Kamart ที่กำลังมาแรงต่อจาก Lazada
นอกจากนี้ มีรายงานเมื่อเดือนมีนาคม 2018 ที่ผ่านมาว่า ทางเครือ Alibaba ได้ออกมาประกาศเกี่ยวกับการเพิ่มเงินลงทุนใน Lazada เป็นมูลค่ามากกว่า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป้าหมายหลักของการลงทุนในครั้งนี้ก็คือ ต้องการรุกเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนให้มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ในส่วนของการบริหาร ก็ได้มีการประกาศแต่งตั้ง CEO คนใหม่คือ Lucy Peng ซึ่งเขาเป็น 1 ใน 18 ผู้ก่อตั้งเครือ Alibaba แทนที่คนเก่าคือ Max Bittner
สื่อต่าง ๆ พากันจับตาว่า การเพิ่มเงินลงทุนมหาศาลและการเปลี่ยนแปลงระดับผู้บริหารหลักที่เอาหนึ่งในผู้ก่อตั้งของ Alibaba มากุมบังเหียนในครั้งนี้ น่าจะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าทางเครือ Alibaba ได้ทุ่มสุดตัวเพื่อที่จะผลักดันให้ Lazada ได้ขึ้นมาเป็นช่องทางจัดจำหน่ายทางออนไลน์อันดับหนึ่งในอาเซียน
หรืออาจจะเรียกได้ว่า งานนี้ Alibaba ยอมขาดทุนกับ Lazada อย่างต่อเนื่อง เพียงเพื่อจะดึงจำนวนผู้ใช้งานให้เข้ามามากที่สุดก่อน แล้วก็ตั้งเป้าที่จะทำให้ Lazada กลายเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของอาเซียนนั่นเอง
นอกจากนี้ทางบริษัท iPrice ซึ่งเป็นบริษัท E-Commerce ในอาเซียนก็เล็งเห็นการเข้ามารุกตลาดของบริษัท Alibaba ในแถบอาเซียน จึงได้ออกผลการศึกษาเปรียบเทียบการแข่งขันของบริษัทอีคอมเมิร์ซสัญชาติไทยชนต่างประเทศขึ้นโดยทาง iPrice ทำการเก็บข้อมูล traffic และ Social Media ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2560 ออกศึกษาที่ชื่อว่า The Map of E-Commerce (สงครามอีคอมเมิร์ซ) และผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าในไตรมาสที่ 4 ในปี 2560 ค่าเฉลี่ย Traffic ของร้านค้าอีคอมเมิร์ซโตกว่า 70% จากไตรมาสที่ 2
กล่าวคือร้านค้า E-Commerce มีจำนวนผู้เข้าชมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 9 เดือน ซึ่งในช่วงปลายปีที่มีกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าออนไลน์มากยิ่งขึ้นนั่นเอง
เขียนโดย อิทธิชัย อรรถกระวีสุนทร
Expertise: China Marketing
อ่านบทความ Exclusive เพิ่มเติมได้ที่นี่
Copyright © MarketingOops.com
